KTCเล็งโหมสินเชื่อบุคคล


ผู้จัดการรายวัน(10 พฤศจิกายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

เคทีซีฟุ้งโรดโชว์ยุโรปผลตอบรับดี เตรียมแผนปีหน้าขยายฐานบัตรใหม่เน้นตลาดสินเชื่อส่วนบุคคล มั่นใจนักลงทุนต่างชาติไม่หวั่นปัญหาการเมืองแห่ลงทุนในไทยเพียบ

นายนิวัตต์ จิตตาลาน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบัตรกรุงไทย จำกัด (มหาชน)(KTC) เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทเดินทางไปโรดโชว์ในแถบประเทศยุโรป ปรากฎว่ามีนักลงทุนต่างชาติให้การตอบรับเป็นอย่างดี พร้อมทั้งเข้าใจกับสถานการณ์ทางการเมืองในประเทศไทยที่เกิดขึ้น โดยในปี 2550 เชื่อว่านักลงทุนแถบประเทศยุโรปจะหันมาลงทุนในไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมการเงินและธนาคารพาณิชย์ เนื่องจากความไม่มั่นใจในเศรษฐกิจสหรัฐซึ่งยังไม่สามารถแก้ไขปัญหาการขาดดุลบัญชีเดินสะพัดเรื้อรังได้ประกอบกับมีปัญหาในภาคอสังหาริมทรัพย์ ขณะเดียวกันมองโอกาสในการทำกำไรในประเทศเอเชียมีสูงขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทย อีกทั้งเชื่อว่าอัตราดอกเบี้ยในไทยจะเริ่มนิ่งในช่วงกลางปี 2550 ซึ่งจะเป็นปัจจัยสนับสนุนการตัดสินใจลงทุนที่ง่ายขึ้น ส่งผลให้ต้นทุนการดำเนินงานจะถูกลง

“จากการเดินทาง โรดโชว์ ในประเทศแถบยุโรป พบว่านักลงทุนเข้าใจการเมืองไทยเป็นอย่างดี ส่วนใหญ่มองด้านบวกมากว่าเป็นลบ และไม่มีใครถามถึงเรื่องนี้เลย ซึ่งตอนแรกเราก็ห่วง แต่ได้ฟังแล้วก็สบายใจและขณะนี้นักลงทุนหลายกลุ่มเริ่มมีการลงทุนแล้ว สะท้อนได้จากราคาหุ้นของเคทีซีที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น” นายนิวัตต์ กล่าว

ทั้งนี้ ในปีหน้าบริษัทจะเร่งขยายฐานบัตรลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้น โดยเชื่อว่าจะมีอัตราการเติบโตที่สูงกว่าในช่วงปีที่ผ่านๆ มา ขณะเดียวกันก็จะหันมาให้ความสำคัญกับธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น โดยมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนให้สูงขึ้นกว่าในปีนี้ เนื่องจากธุรกิจบัตรเครดิตให้อัตราผลตอบแทนจากดอกเบี้ยที่ถูกกว่า และจำกัดฐานเงินเดือนที่ 15,000 บาท ซึ่งตลาดดังกล่าวถือเป็นตลาดที่ยังแคบ ดังนั้นจึงจำเป็นที่จะต้องหาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆตัวอื่นออกมานำเสนอ

“เราพยายามให้น้ำหนักกับสินเชื่อส่วนบุคคลมากขึ้น รายได้จากอัตราจากดอกเบี้ยก็สมเหตุสมผล ซึ่งปัจจุบันอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคล 28%ต่อปีทำให้ธุรกิจสามารถอยู่ได้”

สำหรับการหาพันธมิตรต่างประเทศเพื่อมาช่วยในการทำธุรกิจของบริษัท นายนิวัตต์ กล่าวยอมรับว่าเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นเพราะ เชื่อว่าบริษัท มีความสามารถที่จะแข่งขันกับคู่แข่งในตลาดได้ เนื่องจากเชื่อมั่นว่าบริษัทมีความสามารถเพียงพอที่จะต่อสู่กับคู่แข่งในตลาดได้ ประกอบกับมีธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นบริษัทแม่มีฐานะแข็งแกร่ง รวมทั้งมีเครือข่ายสาขาที่กว้างขว้าง และบริษัท มีนโยบายที่จะมุ่งเป็นบัตรเครดิตของคนไทย โดยจะเห็นได้จากกรรมการของบริษัทที่ไม่มีต่างประเทศมานั่งเป็นกรรมการ

นายนิวัตต์ กล่าวอีกว่า รายได้ของบริษัทในไตรมาสที่น่าจะมีการเติบโตไม่น้อยกว่าไตรมาสที่ 2 ที่ผ่านมา เนื่องจากมีการขยายฐานลูกค้าทั้งบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคลที่เพิ่มขึ้นมากตั้งแต่ ต้นปี โดยปัจจุบันมีลูกค้าใหม่เพิ่มขึ้นประมาณ 400,000ราย ทำให้สร้างรายได้ให้กับบริษัท แต่เฉลี่ยทั้งปีการเติบโตของรายได้บริษัทจะไม่สูงมากเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา เนื่องจากจากในปีนี้บริษัท มีหุ้นกู้ที่ออกขายและครบอายุการไถ่ถอน ทำให้ต้องรีไฟแนนซ์หุ้นกู้ดังกล่าว ส่งผลให้ต้นทุนด้านดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ต้นทุนด้านอัตราดอกเบี้ยที่ปรับเพิ่มขึ้นทำให้เป็นแรงกดดันต่อความสามารถในการทำกำไรของบริษัทด้วย

ทั้งนี้ บริษัทมีปัญหาการยกเลิกบัตรเครดิตต่ำกว่า 5% ในแต่ละปี ซึ่งแสงดให้เห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่อยู่กับบริษัท เป็นเวลานาน ดังนั้นเป็นโอกาสที่บริษัท จะมีการเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่สอดคล้องกับความต้องการให้กับลูกค้า รวมทั้งบริษัทจะเริ่มทยอยปรับเปลี่ยนบัตรเครดิตจากประเภทแถบแม่เหล็กเป็นติดชิพตั้งแต่ปลายปีนี้ และคาดว่าจะเสร็จสิ้นทั้งหมดไม่เกิน 2 ปี

ซึ่งหลังจากที่เปลี่ยนบัตรเครดิตเป็นบัตรติดชิพ บริษัทจะขยายระยะเวลาการเปลี่ยนบัตรใหม่ให้กับลูกค้า จากเดิมที่ต้องเปลี่ยนทุก 2 ปีเป็นการเปลี่ยนทุก 5 ปี เพื่อไม่ให้กระทบกับต้นทุน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.