บนชั้น 16 อาคารสาธรธานี ลิม เคียน ฮิน นั่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายการเงินและคณิตศาสตร์ประกันภัย
หลังจากทางบริษัทแม่พรูเด็นเชียลยกทัพเข้าร่วมลงทุนกับบริษัททีเอสไลฟ์ ประกันชีวิตและได้ส่งแม่ทัพขุนพลชาวต่างประเทศเข้ายึดกุมตำแหน่งสำคัญๆ
เช่น มาร์ค ทัคเกอร์เป็นประธานกรรมการบริหาร โจเซฟ อิปเป็นกรรมการบริหารและคริสโตเฟอร์
เอฟเวินส์เป็นกรรมการผู้จัดการและกรรมการบริหาร
ดาวรุ่งชาวมาเลเซียวัย 31 อย่างลิม เคียน ฮินคนนี้เริ่มทำงานและโตกับกลุ่มบริษัทพรูเด็นเชียลมาตลอดเวลา
9 ปี เพราะความเป็นคนหนุ่มที่เก่งมากๆ ระดับหัวกะทิจากมหาวิทยาลัยชั้นยอดเยี่ยมของอังกฤษ
LONDON SCHOOL OF ECONOMICS (LSE) ลิม เคียน ฮินเลือกเรียนสาขาคณิตศาสตร์ประกันภัย(ACTUARY)
ซึ่งนับว่าเป็นวิชาที่ยากยิ่งต้องเรียนหลักสูตรเกี่ยวกับทฤษฎีและเทคนิคคณิตศาสตร์ประกันภัย
ยิ่งมีคนเรียนน้อยมากเพียง 12-15 คน ก็ยิ่งเป็นเรื่องท้าทายลิม เคียน ฮิน
ซึ่งเก่งมากที่สามารถเรียนจบภายในสามปี ยิ่งกว่านั้นยังทำเกียรตินิยมเมื่อจบปริญญาตรีได้อีกด้วย
"หลังจากผมจบที่มหาวิทยาลัย LSE แล้วก็เริ่มทำงานกับพรูเด็นเชียลที่ประเทศอังกฤษเลย
ขณะเดียวกันก็สอบใบอนุญาต FIA (FELLOW OF INSTITUTE OF ACTUARY)ได้ ซึ่งคล้ายๆ
กับผู้ตรวจสอบบัญชี" ลิม เคียน ฮินเล่าให้ฟัง
ความเป็นกลุ่มบริษัทประกันชีวิตเก่าแก่ร่วม 147 ปีที่ใหญ่ที่สุดและมีสินทรัพย์มากที่สุดอย่าง
"พรูเด็นเชียล" ได้กลายเป็นข้อเด่นที่สามารถดึงดูดใจนักประกันภัยเก่งๆ
เข้าร่วมงานด้วย ลิม เคียน ฮินเป็นหนึ่งในร้อยนักคณิตศาสตร์ประกันภัยที่ชุมนุมพลที่นี่
จาก ACTUARAL TRAINEE ลิม เคียน ฮิน ฝึกฝนและทำงานหนักตลอด 4 ปีกับพรูเด็นเชียลที่อังกฤษจนผลงานเข้าตากรรมการและในปี
1991 เขาได้รับบำเหน็จรางวัลด้วยการย้ายไปทำงานใหญ่ในตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายคณิตศาสตร์ประกันภัย
ที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตั้งมานานแล้ว และเดิมโปรดักส์ด้านประกันชีวิตของสิงคโปร์จะนำเข้ามาจากบริษัทแม่ที่อังกฤษทั้งหมด
แต่พอมีการเปลี่ยนโครงสร้างกิจการในปี 1989 ได้มีการแยกออกมาตั้งฝ่ายคณิตศาสตร์ประกันภัย
"ในปี 1992 ผมได้คิดออกผลิตภัณฑ์ใหม่ที่เรียกว่า UNIT LINK ซึ่งเป็นประเภทของแบบกรมธรรม์คุ้มครองประกันชีวิตอย่างหนึ่ง
ที่ขึ้นอยู่กับผลตอบแทนจากการลงทุนสูงหรือต่ำ เหมือนการลงทุนในหุ้น ถ้าหากลูกค้าเสียชีวิตในขณะที่บริษัทมีผลตอบแทนสูง
ก็จะได้รับการคุ้มครองสูงด้วย นี่คือผลงานที่ผมทำตอนที่อยู่สิงคโปร์ ที่ทำให้มาร์เกตแชร์เพิ่มขึ้น
จากยอดขายที่มาจาก UNIT LINK 60% ของแบบกรมธรรม์ทั้งหมดของบริษัท และอีก
3 ปีต่อมา คู่แข่งผมเขาก็ออกสินค้าตัวนี้ออกมา ขณะที่ผมย้ายมาอยู่ประเทศไทยแล้ว"
ลิม เคียน ฮินเล่าอย่างภูมิใจ
ด้วยความลำพองของพยัคฆ์หนุ่มที่ประสบความสำเร็จรุ่งโรจน์ ครั้งหนึ่งลิม
เคียน ฮิน ได้ตัดสินใจลาออกจากพรูเด็นเชียล ด้วยแรงจูงใจส่วนตัวที่ต้องการเห็นโลกธุรกิจกว้างไกล
โดยร่วมกับเพื่อนตั้งบริษัทชื่อ "NMG CONSULTANT" ทำธุรกิจที่ปรึกษาให้กับธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย
โดยเฉพาะลูกค้าในแถบประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และสิงคโปร์ นอกจากนี้ตลาดลูกค้าในประเทศเกาหลีใต้
ฟิลิปปินส์ และเวียดนาม ซึ่งเป็นตลาดเกิดใหม่ก็ยังให้ความรู้ด้านประกันชีวิตแก่เขามากๆ
แต่ในที่สุด ลิม เคียน ฮินก็เรียนรู้ว่า ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำธุรกิจที่ปรึกษาส่วนตัวให้ราบรื่น
อุปสรรคที่ยิ่งใหญ่คือ ความขัดแย้งในตัวเอง ลิม เคียน ฮิน หันหลังกลับสู่อ้อมอกพรูเด็นเชียลอีกครั้งหนึ่ง
โดยครั้งนี้ข้อเสนอแปลกใหม่และท้าทาย
"ผมลาออกจากคอนซัลแตนท์ เพราะว่าเหตุผลสามอย่าง คือ หนึ่ง-ไม่เคยมาเมืองไทย
ซึ่งเป็นตลาดประกันชีวิตที่น่าสนใจมากๆ ผมต้องการประสบการณ์นี้ในตลาดเกิดใหม่
สอง-การทำงานกับบริษัทประกันชีวิต ผมคิดว่าน่าสนุกกว่างานที่ปรึกษา และสาม-สไตล์การบริหารของพรูเด็นเชียลอย่างมีวัฒนธรรม"
ลิม เคียน ฮินอ้างถึงเหตุผลคืนรัง
เพียง 11 เดือนกับงานใหม่ที่เมืองไทย ลิม เคียน ฮินต้องเรียนรู้คำนิยมแบบไทยๆ
เช่น สวัสดีครับ ขอบคุณครับ เป็นความประทับใจเล็กๆ แก่ทีมงานคนไทย ขณะเดียวกันก็ยอมรับผู้บริหารหนุ่มคนนี้ในบทบาทผู้วางกลยุทธ์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ
วางแผนและประเมินด้านการเงิน
"กลยุทธ์ของเราที่นี่จะต่างกับที่สิงคโปร์เพราะตลาดไม่เหมือนกัน ที่นี่ผมยังไม่ทราบว่าตลาดมีความพร้อมเพียงใด
จึงต้องทำวิจัยสำรวจและรับฟังความต้องการจากลูกค้าทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด
เราจะใช้สิ่งเหล่านี้เป็นดัชนีผลิตบริการที่เขาต้องการ และให้สิทธิประโยชน์แก่ลูกค้าอย่างที่เขาไม่เคยได้มาก่อน"
ปรัชญาการรับฟังความต้องการของลูกค้าของพรูเด็นเชียล ปรากฏ เป็นหลักการทำงานที่
ลิม เคียน ฮินยึดมั่นถือมั่นมาตลอด
หน้าที่ของ ลิม เคียน ฮิน จึงมีงานที่ต้องทำเกี่ยวกับการคำนวณเบี้ยประกันชีวิตโดยก่อนที่คิดเบี้ย
จะมีการทดสอบก่อนแล้วว่ามีกำไรหรือไม่ เมื่อได้กำไรแล้วก็จะต้องมาดูว่าทำอย่างไรจึงจะให้ค่าใช้จ่ายถูกต้อง
โดยการเก็บสถิติด้านสินไหม
"ส่วนของงานประเมินผมก็ต้องทำ ซึ่งผมจะต้องดูสถิติทั้งหมด ดูว่าเบี้ยที่ได้มาจะเอาไปใช้จ่ายอย่างไร
เราต้องเก็บสถิติว่า เบี้ยเท่านี้เก็บเข้ามา ขายได้เท่านี้ มีการเรียกร้องสินไหมเท่านี้
บริษัทขาดทุนหรือกำไร เหมือนการทำบัญชีตัวเลขว่ามีเงินเข้าออกอย่างไร สิ้นปีปิดงบ
มีกำไรหรือขาดทุน หน้าที่หลักของผมก็คือการันตีว่าในระยะยาวบริษัทจะมีฐานะการเงินที่มั่นคง"
นับว่าเป็นงานที่ละเอียดอ่อนมากๆ สำหรับการจัดการตามที่ ลิม เคียน ฮินเล่าให้ฟัง
ถึงกระนั้นก็ตามสัญญาการทำงานที่พรูเด็นเชียลประเทศไทย ลิม เคียน ฮินจะมีเวลาบริหารเพียง
3 ปีเท่านั้นตามวาระ
"ผมไม่อาจคาดการณ์เรื่องส่วนแบ่งการตลาดในอนาคตได้ เพราะระยะเวลาเพียงแค่สามปีนั้น
มันสั้นมากๆ ในธุรกิจนี้ แต่ผมคาดหวังว่าเราจะเป็นระดับ TOP THREE เพราะเท่าที่ทราบ
ปัจจุบันก็มีเอ ไอ เอ ไทยประกันชีวิตและเมืองไทยประกันชีวิต"
เหลือเวลาอีกสองปีที่ลิม เคียน ฮินจะต้องทำงานหนักเพื่อทอฝันให้เป็นจริง
ขณะที่โครงการรณรงค์โฆษณาทั้งสื่อโทรทัศน์และหนังสือพิมพ์เพื่อสร้างความจำ
(BRAND AWARENESS) แก่ลูกค้าระดับกลางและระดับสูงก็ทำเป็นระยะๆ ภาพของยักษ์ใหม่อย่างพรูเด็นเชียลจึงสร้างสีสันสนามแข่งขันภายใต้ยุคเปิดเสรีประกันภัยที่น่าติดตาม