เอกชัย อธิคมนันทะสร้างความประหลาดใจให้กับคนในวงการเงินพอสมควร เมื่อเขารับหน้าที่เป็นที่ปรึกษาให้กับเนวิน
ชิดชอบรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ทั้งๆ ที่มีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยกรรมการธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การอยู่แล้ว
เรื่องนี้เจ้าตัวเล่าให้ฟังว่าเป็นเพราะเนวิน ชิดชอบเป็นลูกค้าของแบงก์มานาน
เผอิญว่ามีเรื่องมีราวเกิดขึ้นจึงต้องเข้าไปช่วยเหลือ
เรื่องราวที่ว่านี้จะเป็นอย่างไรจะเล่าให้ฟังในภายหลัง
เอกชัย อธิคมนันทะอาจจะเป็นนักเรียนทุนของแบงก์ชาติคนเดียว ที่เลือกไปเรียนที่ประเทศนิวซีแลนด์จนจบปริญญาตรีด้านบริหารธุรกิจ
และบัญชีจากมหาวิทยาลัยวิกตอเรีย จากนั้นจึงไปเรียนโทต่อที่ฮาร์วารด์ด้านบริหารรัฐกิจ
ก่อนจะกลับมาทำหน้าที่ในฝ่ายวิชาการของธนาคารแห่งประเทศไทย
ในทุกองค์กรมักจะมีคนประเภทหนึ่งที่พูดตามสำนวนของชาติกอบจิตติก็คือ "พันธุ์หมาบ้า"
ในธนาคารแห่งประเทศไทย เอกชัย อธิคมนันทะก็ไม่ประสบความสำเร็จเท่าไหร่ แม้จะมีความรู้ความสามารถจนได้ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยอุตสาหกรรม
และถูกย้ายไปแป๊กที่ตำแหน่งหัวหน้าหน่วยวิจัยเศรษฐกิจทั่วไปฝ่ายวิชาการ
จะเป็นโชคช่วยหรือเหตุบังเอิญก็แล้วแต่ช่วงนั้น อาจารย์เริงชัย มะระกานนท์
รองผู้ว่าการแบงก์ชาติในปัจจุบัน เป็นผู้อำนวยฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน
และเอกชัย อธิคมนันทะก็อยู่ในก๊วนเดียวกัน เช่นเดียวกับกฤช ฟอลเล็ต (ตั้ว)
เกริกเกียรติ ชาลีจันทร์ ฯลฯ
ก็เลยถูกดึงตัวมาเป็นผู้ช่วยหัวหน้าส่วนกำกับและพัฒนาสถาบันการเงิน ฝ่ายกำกับและตรวจสอบสถาบันการเงิน
ทำให้สนิทสนมกับเกริกเกียรติ ชาลีจันทร์มากขึ้นกว่าเดิม ดังนั้นเมื่อเกริกเกียรติลาออกจากแบงก์ชาติเพื่อไปรับตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ของธนาคารกรุงเทพฯ
พาณิชย์การ จึงชวนไปด้วยและภายหลังคนแบงก์ชาติก็ทยอยไปอยู่ที่ธนาคารแห่งนี้
จนมีคำกล่าวขานว่าเป็นแบงก์ชาติสาขาสุรวงศ์ เหมือนกับธนาคารไทยพาณิชย์ได้รับฉายาว่าแบงก์ชาติสาขาเพชรบุรีตัดใหม่
ยิ่งทุกวันนี้มีเพื่อนร่วมอาชีพบางคนถึงกล้าพูดว่า หากโยนลูกเทนนิสในห้องประชุมคณะกรรมการธนาคารกรุงเทพฯ
พาณิชย์การ ต้องโดนหัวอดีตหรือปัจจุบันคนแบงก์ชาติคนใดคนหนึ่งจนได้
ส่วนความมั่นคงของธนาคารแห่งนี้เชื่อได้เลยว่า ไม่มีผู้ว่าการแบงก์ชาติคนไหน
หรือรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใด จะปล่อยให้ธนาคารพาณิชย์ไทย ไม่ว่าจะชื่ออะไรร่วงไปได้
เพราะกลัวชาวบ้านจะเดือนร้อนจนลามถึงตัว
ส่วนเอกชัย อธิคมนันทะนั้น บอกมาเองว่าโดนมรสุมข่าวลือมาตลอด ว่าลาออกจากธนาคารกรุงเทพฯ
พาณิชย์การแล้ว โดยบอกว่าไปรับตำแหน่งเป็นกรรมการผู้จัดการโรงงานตุ๊กตาไทยจีฟู
(เคเดอร์) อันอื้อฉาว แต่เขาก็ปฏิเสธว่าไม่เป็นความจริงเพราะแค่งานที่แบงก์กรุงเทพฯพาณิชย์การก็สาหัสอยู่แล้ว
สำหรับการเป็นที่ปรึกษาของเนวิน ชิดชอบ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลังนั้น..เอ้..จะเขียนดีหรือเปล่า
เรื่องมันยาวนะเอ้าไหนๆ ก็ไหนๆ เนื่องจากติดค้างมาตั้งแต่ต้นเรื่อง ก็ต้องเล่า
ตระกูล "ชิดชอบ" นั้นเป็นลูกค้าของธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การมาเนิ่นนานนับสิบปี
ความผูกพันจึงมีกันเป็นเรื่องธรรมดา เมื่อครั้งที่ธนาคารกรุงเทพฯพาณิชย์การ
มีข่าวเกี่ยวกับสอง วัชรศรีโรจน์ก็มีข่าวว่าเนวิน ชิดชอบส.ส.กลุ่ม 16 มีเอี่ยวด้วย
และลุกลามไปถึงเอกกมล คีรีวัฒน์ เลขาธิการก.ล.ต.และรองผู้ว่าการแบงก์ชาติ
ในฐานะที่เนวิน ชิดชอบเป็นลูกค้าของธนาคารอีกทั้งเอกกมล คีรีวัฒน์ก็เป็นรุ่นพี่ฮาร์วาร์ดและรุ่นพี่แบงก์ชาติ
ก็เลยเป็นเหตุให้เอกชัย อธิคมนันทะต้องกลายเป็นคนเกลี่ยหน้าเสื่อ จนข่าวที่ยืนยาวมาสองสัปดาห์สิ้นสุดลงได้
ครั้นเมื่อเนวิน ชิดชอบฝ่าด่านแบงก์โน้ตร้อยกับยี่สิบบาทจนได้เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง
เอกชัย อธิคมนันทะ ก็จึงจำเป็นต้องเป็นที่ปรึกษาต่อไป หากทว่าไม่ได้ผ่านการเลือกตั้ง
ท่านรัฐมนตรีจึงไม่ค่อยจะฟังคำปรึกษาเท่าไหร่
ทำให้เกิดกรณีการแสดงภูมิปัญญาด้านการเงินการคลังหลายครั้งหลายครา กลายเป็น..เอ้อ..ไม่เอา..ไม่เขียน
เดี๋ยวท่านโกรธมาไล่จูบปากจะยุ่งกันใหญ่
อย่างไรก็ตามก็ขอแสดงความยินดีต่อท่านรัฐมนตรีเนวิน ชิดชอบ ที่มีโอกาสได้ที่ปรึกษาอย่างเอกชัย
อธิคมนันทะ เพราะอย่างน้อยก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนแบงก์ชาติ คงไม่ปล่อยให้พลาดท่าเสียทีเพราะปากง่ายๆ
หรือถ้าพลั้งไป ก็ยังพอช่วยเจรจาให้ได้
ส่วนเรื่องธนาคารออมสินก็อย่าไปยุ่งกับเขาเลย เห็นแก่เด็กๆ ที่กำลังเรียนรู้การออมจะดีกว่า
หากไปยุ่งกับเขามากอาจต้องเปลี่ยนชื่อเป็น "ธนาคารอมสิน" จะขายหน้าเขาไปทั่วโลก
สุดท้ายนี้ขอกราบอวยพรให้เอกชัย อธิคมนันทะให้พ้นจากตำแหน่งที่ปรึกษาโดยปลอดภัยกับชื่อเสียงที่สร้างสมมาด้วยเทอญ