|

“บุญชัย” เชื่อรัฐต้องแปรสัมปทานสอนมวยทีโอทีไม่ควรแข่งเอกชน
ผู้จัดการรายวัน(9 พฤศจิกายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
“บุญชัย” เชื่อรัฐต้องมีการแปรสัญญาสัมปทานโทรคมนาคมเป็นหุ้น ใช้เม็ดเงินไปลงทุนอย่างอื่น ในแบบเศรษฐกิจพอเพียง เห็นพ้องกับประธาน กทช. ให้ทีโอทีลงทุนโครงข่ายหลัก แนะไม่ควรแข่งกับเอกชน เพราะขาดความคล่องตัว ชี้จำเป็นต้องขายหุ้นทิ้ง กลัวสูญพันธุ์เพราะสิงเทลครอบครองเน็ตเวิร์ก หากดัมป์ราคาดีแทคเจ๊ง
นายบุญชัย เบญจรงคกุล ประธานสหกรณ์ร่วมด้วยช่วยกัน และอดีตนายใหญ่กลุ่มยูคอม กล่าวถึงแนวโน้มอุตสาหกรรมโทรคมนาคมในไทยว่า คณะกรรมการกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กทช.) จะเป็นผู้ชี้ผิดชี้ถูก ส่วนเรื่องการแปรสัญญาร่วมการงานกับเอกชนที่ให้บริการอยู่ในขณะนี้ เชื่อว่ายังจะมีการแปรสัญญาสัมปทานเป็นหุ้น เพราะหากมองในอีกมุม บริษัทโทรคมนาคมขณะนี้เป็นโกลบอล ซึ่งหากมีการแปรสัญญาสามารถที่จะนำเงินไปลงทุนทำอย่างอื่นได้อีก และ กทช. เองก็ต้องยึดถือเรื่องของเศรษฐกิจพอเพียง โดยโครงข่ายหลักหรือแบ็กโบนให้ทีโอทีทำ ผู้ที่ขอใบอนุญาตหรือไลเซนส์ประเภทที่ 3 (มีโครงข่ายเป็นของตัวเอง) ไม่ต้องลงทุนเรื่องของโครงข่ายหลักมาก แต่จะเช่าของทีโอทีเป็นหลัก
อย่างกรณีของการสื่อสารยุคที่ 3 หรือ 3จี ใครต้องการลงก็ลงไปและก็ใช้โครงข่ายทีโอที เพราะ 3จี 2จี ต่างกันที่อุปกรณ์เท่านั้น สามารถใช้เสาที่เป็นสถานีฐานที่เป็นเสาต้นเดียวกันได้ ไม่จำเป็นต้องไปเสียเงินลงทุนใหม่ ผู้ประกอบการรายเดิมสามารถอัปเกรดเป็น 3จีได้ โดยมีแบ็กโบนของทีโอที ขณะเดียวกันทีโอทีก็ไม่ควรไปทำธุรกิจแข่งกับเอกชน เพราะขาดความคล่องตัวในการตัดสินใจ ซึ่งต่างจากเอกชน เพียงแค่ 2 นาที ก็สามารถตัดสินใจดัมป์ราคาได้
“ผมไม่อยากไปสอนเขา แต่คิดตรงกับประธาน กทช. เรื่องการแข่งขันด้านราคา เมื่อเรื่องของค่าเชื่อมโครงข่ายหรือไอซีเสร็จก็ดัมป์ราคาไม่ได้แล้ว”
ในสายตาของบุญชัยเห็นว่า การจะทำให้สัญญาสัมปทานเดิมหมดไปต้องแปรสัญญา 2จี เพราะไม่เช่นนั้นเชื่อว่าจะไม่มีผู้ประกอบการรายไหนจะมาขอไลเซนส์ 3จี เนื่องจากต้องใช้เม็ดลงทุนสูงถึงหลักหมื่นล้านบาท “ที่จะมาขอไลเซนส์ 3จี ซึ่งเป็นประเภทที่ 3 ไม่มีผีที่ไหนเอา เพราะต้องลงทุนเรื่องโครงข่ายเป็นหมื่นล้าน”
นายบุญชัยกล่าวถึงกรณีการขายหุ้นกลุ่มยูคอมให้กับเทเลนอร์ว่า ขณะนั้นถ้าไม่ทำอะไรสักอย่างเชื่อว่าธุรกิจสูญพันธุ์แน่ แต่การดำเนินการไม่ได้ทำเหมือนชินคอร์ป โฮลดิ้ง คอมพานีก็ทำถูกต้องตามกฎหมาย และที่สำคัญมีความแตกต่างกันคือ 1.ขนาดหรือไซต์ในการดีลต่างกันถึง 10 เท่า 2.ไม่เกี่ยวกับยุทธศาสตร์ของประเทศ เช่น ทีวี หรือดาวเทียมที่สิทธิวงโคจรของไทยมีเพียงที่ชินคอร์ปได้ไปเท่านั้น และก็ต้องตกเป็นของต่างชาติไป “ผมตัดสินใจขายหุ้น เพราะถ้าไม่ทำอะไร สูญพันธุ์แน่ สิงเทลโดมิเนตเน็ตเวิร์ก ถ้ามันดัมป์ราคาดีแทคเจ๊งเลย”
สำหรับตัวของบุญชัยเอง เขายืนยันว่ายังอยู่ในธุรกิจโทรคมนาคม แต่ต้องการผลักดันเรื่องของสหกรณ์ร่วมด้วยช่วยกัน โดยเฉพาะเรื่องข้าวที่มีคอนเซ็ปต์คือทุนใหญ่เกื้อทุนเล็ก โดยมีดีแทคเป็นผู้สนับสนุนด้านการเงินปีละ 3.5 ล้านบาท ให้ประสบความสำเร็จก่อน ขณะที่กิจการด้านสื่อสารสนเทศก็มีการผลิตเนื้อหาสาระหรือคอนเทนต์ผ่านเว็บไซต์ www.rakbankerd.com
นอกจากนี้ ยังมีแผนจะตั้งร้านรักบ้านเกิดไอทีที่กรุงเทพฯ เป็นแห่งแรก ซึ่งบุญชัยเองจะมีหน้าที่สอนคนที่มาจากทุกภาคของประเทศไทยให้เป็นนักธุรกิจที่ใช้สื่อสารสนเทศเป็นหลัก
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|