โบรกเกอร์แนะเก็งกำไรปตท.สผ.หลังกำไรสุทธิไตรมาส3พลาดเป้า


ผู้จัดการรายวัน(6 พฤศจิกายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

โบรกเกอร์ แนะเก็งกำไรหุ้น "ปตท.สผ." หลังผลงานไตรมาส 3 กำไรสุทธิพลาดเป้า แต่ยังคงเป้าหมายทั้งปี แม้สถาบันเอสแอนด์พี จะยกเลิกการพิจารณาปรับลดเรตติ้งแล้ว มีเพียงบล.ดีบีเอสฯ เล็งปรับลดเป้ากำไรสุทธิปี 2549 ลง ขณะที่ บล.เกียรตินาคิน แนะขายทำกำไร โดยราคาเป้าหมายอยู่ต่ำสุดที่ 108 บาท และสูงสุดที่ 130 บาท

หลังจากสถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือแสตนดาร์ดแอนด์พัวร์ส หรือเอสแอนด์พี ประกาศยกเลิกการพิจารณามุมมองเชิงลบ ต่ออันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ปตท. สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ PTTEP หลังนำเข้าสู่การพิจารณามุมมองเชิงลบเมื่อวันที่ 19 กันยายน 2549 ที่ผ่านมา โดยอันดับความน่าเชื่อถือ PTTEP อยู่ที่ระดับ BBB+ และ BBB+ มุมมองมีเสถียรภาพ

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ได้ประเมินฐานะ PTTEP ว่า จากไตรมาส 3 ปี 2549 บริษัทมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 6.8 พันล้านบาท ลดลงจากงวดเดียวกันของปีก่อน 5.15% และลดลงจากไตรมาส 2 ที่ผ่านมา 6.38% ขณะที่ 9 เดือน กำไรสุทธิ 2.2 หมื่นล้านบาท คิดเป็น 70% ของกำไรสุทธิประมาณการที่ 3.1 หมื่นล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 9.58 บาท

ทั้งนี้ คาดว่าไตรมาสที่ 4 กำไรสุทธิจะสูงกว่าไตรมาสที่ผ่านมา เพราะจะไม่มีการตัดจำหน่ายหลุมแห้งและจะมียอดขายในโครงการยาดานาเพิ่มจาก 525 เป็น 565 ล้านลูกบาศก์ฟุตต่อวัน ตามสัญญาซื้อขายเพิ่มเติม และยังมีการขายเพิ่มในแหล่งโอมาน

บล.ฟิลลิปฯ ประเมินมูลค่าพื้นฐาน PTTEP ไว้ที่ระดับหุ้น 120.51 บาท โดยประเมินราคาน้ำมันดิบดูไบที่ 70 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ราคาหุ้นปัจจุบันปรับตัวขึ้นมาใกล้เคียงราคาพื้นฐาน จึงแนะนำ ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

ราคาเหมาะสมที่หุ้นละ 130 บาท

ด้านบล.ฟินันซ่า ระบุว่า ราคาหุ้นปัจจุบัน ซื้อขายกันที่ระดับ EV/EBITDA ปี 2550 ที่ 5.4 เท่า ต่ำกว่ากลุ่มพลังงานที่ซื้อขายกันที่ระดับประมาณ 6.5-7 เท่า และหากการประเมินด้วยวิธี Discounted Equity Cash Flow ภายใต้สมมุติฐานราคาน้ำมันดิบดูไบที่ระดับ 57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล มีมูลค่าเหมาะสมตามปัจจัยพื้นฐานอยู่ที่ (NAV) หุ้นละ 130 บาท ดังนั้นจึงแนะนำให้ซื้อ

"ภาพอุตสาหกรรมปีหน้ายังดูดีอยู่ ราคาน้ำมันยังทรงตัวอยู่ในระดับสูงต่อเนื่อง ขณะที่ท่อเส้นที่ 3 จะเริ่มส่งก๊าซได้ในปลายปีนี้ จะทำให้บริษัทสามารถจำหน่ายก๊าซได้เพิ่มขึ้น โดยบริษัทคาดว่าปริมาณการขายปี 2550 จะอยู่ที่ประมาณ 224,000 BOED เพิ่มขึ้น 30% จาก 172,000 BOED ในปีนี้"

ดีบีเอสฯเล็งปรับลดกำไรปี49

บล.ดีบีเอสวิคเคอร์ส วิเคราะห์ว่า ไตรมาสสุดท้ายของปี กำไรสุทธิ PTTEP น่าจะดี เพราะปริมาณขายสูงขึ้น จากการเปิดโครงการใหม่ คือ โอมาน 44 และภูฮ่อม ซึ่งจะชดเชยกับราคาขายเฉลี่ยที่ต่ำลง และค่าใช้จ่ายในการสำรวจต่ำลงจากไตรมาส 3/2549 แต่อาจจะมีการปรับลดประมาณการกำไรสุทธิของบริษัทลดลง เพื่อให้สอดคล้องกับราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลดลง

"เรายังแนะนำ Fully Valued ณ ราคาปัจจุบัน ซื้อขายที่ PE ปี 2550 เท่ากับ 12 เท่า EV/EBITDA 5.7 เท่า คาดว่าจะให้ Dividend Yield ปี 49 เท่ากับ 3.2% โดยให้ราคาตามพื้นฐานเท่ากับ 108 บาท"

บล.ยูไนเต็ดแนะนำซื้อเก็งกำไร

บล.ยูไนเต็ด ระบุว่า ผลงานไตรมาส 3 ปี 2549 ต่ำกว่าคาดการณ์ไว้เล็กน้อยประมาณ 2.8% โดยคาดการณ์ไว้ที่ 7,010 ล้านบาท แต่ยังให้เป้าหมายกำไรสุทธิทั้ปงี 2549 ไว้ที่ 29,462 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 9.0 บาท บวกกับแนวโน้มราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ดูไบ) ที่ปรับตัวดีขึ้น มาที่ประมาณ 57 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ซึ่งใช้เป็นราคาอ้างอิงในการกำหนดราคาขายผลิตภัณฑ์ของ PTTEP และปริมาณขายที่คาดว่าจะเติบโต 7-8% ต่อปีในช่วงปี 2549-2553 จึงแนะให้ให้ซื้อเก็งกำไร (Trading Buy) โดยมีราคาเป้าหมายที่หุ้นละ 117 บาท

บล.เกียรตินาคิน แนะขายทำกำไร

ด้าน บล.เกียรตินาคิน ได้คงประมาณการปี 2549 โดยคาดว่าจะมีกำไรสุทธิอยู่ประมาณ 29,067 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 8.88 บาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 22% ขณะที่ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของปี 2549 ออกมาคิดเป็น 75% ของที่เราประมาณการผลประกอบการไว้ โดยให้ราคาที่เหมาะสมด้วยอยู่ที่ DCF ปี 2549 ไว้ที่หุ้นละ 119 บาทต่อหุ้น เมื่อเทียบกับราคาปิดล่าสุดมี Upside ไม่มาก เราจึงยืนคำแนะนำ "ขายทำกำไร"


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.