|
ไทยรุ่งฯเล็งเพิ่มแบรนด์ รับแผนแตกไลน์รถใหม่
ผู้จัดการรายวัน(6 พฤศจิกายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
“ไทยรุ่งยูเนียนคาร์” เล็งเพิ่มแบรนด์สินค้าใหม่ นอกจากชื่อรถดัดแปลง “ทีอาร์” เพื่อรองรับแผนแตกไลน์รถยนต์ใหม่ๆ สู่ตลาดมากขึ้นในปีหน้า เช่น รถลีมูซีน รถใช้ก๊าซเอ็นจีวี รถใช้งานพิเศษ และรถบัส มั่นใจประสบการณ์จัดจำหน่าย พร้อมเดินหน้าได้ทันที
นายสมพงษ์ เผอิญโชค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยรุ่งยูเนียนคาร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า นอกจากที่บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มไลน์สินค้าในกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นรถแท็กซี่ใช้ก๊าซเอ็นจีวี รถใช้งานพิเศษของหน่วยงานรัฐ รถลีมูซีน และรถบัส-บรรทุกในปีหน้า บริษัทฯ ยังมีแนวทางการการสร้างแบรนด์สินค้าใหม่ของบริษัท ให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง หลังจากที่ในปัจจุบันมีการสร้างแบรนด์ทีอาร์ เป็นซับแบรนด์ของรถยนต์ดัดแปลงเพียงยี่ห้อเดียว
“เมื่อมีสินค้าใหม่ ๆ เข้ามาทำตลาดมากขึ้น เป็นไปได้ที่จะมีการสร้างตราสินค้าใหม่ขึ้นมารองรับ แต่ขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุปในเรื่องของตราสินค้า และการนำไปติดตั้งกับสินค้าประเภทใด ซึ่งในอดีตไทยรุ่งฯ เคยทำตลาดแบรนด์ชีตาร์ทำตลาดรถบรรทุก หรือรถตู้ในชื่อพาสปอร์ตมาก่อน ส่วนที่เราไม่ใช้แบรนด์ที่มีอยู่ทำตลาด เพราะหากมีปัญหาก็จะได้รับผลกระทบมาก จึงมีความคิดที่จะเปิดตราสินค้าของตัวเองดีกว่า”
สำหรับความพร้อมในการขยายตราสินค้า บริษัทฯ มีพื้นฐานในเรื่องของการจัดจำหน่ายมาโดยตลอด และเคยทำตลาดรถยนต์มาหลายยี่ห้อ ตลอดช่วงของการทำธุรกิจมา 39 ปี จึงถือว่ามีความพร้อมค่อนข้างมาก และหากสินค้ามีความเหมาะสม บริษัทฯ จึงพร้อมที่จะทำตลาดภายใต้แบรนด์ของตัวเองอย่างแน่นอน
นายสมพงษ์กล่าวว่า ส่วนสินค้าใหม่ที่จะรุกตลาดในปีหน้าบริษัท มีโครงการที่เกี่ยวข้องกับรถยนต์พลังงานก๊าซธรรมชาติ ที่อยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ประกอบการหลายราย โดยเฉพาะจากจีนและอิตาลี ซึ่งอาจจะนำเข้ามาจากทั้ง 2 แห่ง เพื่อรองรับตลาดที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ก็มีโครงการที่จะทำรถโดยสารเอ็นจีวี ทั้งขนาดใหญ่และมินิบัส เพื่อรองรับนโยบายของขสมก. แต่ทั้งนี้ก็ต้องรอดูนโยบายของรัฐบาลใหม่ว่าจะเป็นอย่างไร
ในส่วนของรถพยาบาลเคลื่อนที่เร็ว ซึ่งเป็นสินค้าที่ยังไม่มีใครทำตลาดอย่างจริงจังในไทย รวมถึงรถลีมูซีน 5 ที่นั่ง ถือว่าเป็นตลาดที่น่าสนใจ และบริษัทฯ มีความพร้อมของโรงงาน ที่สามารถผลิตแชสซีและประกอบตัวถังได้ทั้งหมด เหลือเพียงแต่เครื่องยนต์ที่อาจจะต้องพิจาณาว่า จะนำเข้าจากต่างประเทศหรือไม่ ซึ่งบริษัทเองต้องมีการปรับตัวครั้งใหญ่ในช่วงปีหน้า เพื่อที่จะทำให้ยอดจำหน่ายของบริษัทกลับสู่ภาวะปกติอีกครั้งหนึ่ง
จากการขยายไลน์สินค้ามากขึ้น ในส่วนของการขายรถยนต์ปีหน้า คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3,000 คัน หรือเติบโตกว่าเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีนี้ ซึ่งประเมินว่ายอดจำหน่ายรถยนต์น่าจะอยู่ที่ประมาณ 1,200 -1,300 คัน ซึ่งต่ำกว่าเป้าหมายที่วางไว้เมื่อต้นปี 30-40% เป็นผลมาจากราคาน้ำมันดีเซลที่เพิ่มขึ้น ทำให้ยอดจำหน่ายรถแท็กซี่ลีมูซีนไม่เป็นไปตามคาด
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|