ทุนอินเดียจ้องฮุบINOX"ประยุทธ"ไว้ฟอร์มโขกราคาขาย


ผู้จัดการรายวัน(6 พฤศจิกายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ธุรกิจ "เหล็ก-สเตนเลส" ถึงจุดที่บริษัทขนาดเล็ก-กลางจะต้องควบรวมเพื่อขยายธุรกิจ และเพิ่มอำนาจการต่อรอง โบรกฯชี้เหตุผล "ประยุทธ มหากิจศิริ" เตรียมทิ้งไทยน๊อคซ์ฯ เพราะความขัดแย้งลูกค้าในประเทศหลังปรับราคาสินค้าขึ้นแบบไร้เหตุผล ประกอบกับการเปลี่ยนขั้วทางการเมืองหมดยุค "ทักษิณ" เรืองอำนาจ รุกแก้เกมเตรียมเปิดตัวเอ็มดีใหม่ต้นปีหน้า ชี้กลุ่มทุนที่มีโอกาสจ่อซื้อหุ้นมากสุดมาจากอินเดีย ขณะที่ "ประยุทธ" ยังโก่งราคาขาย

นายชำนิ จันทร์ฉาย ประธานกรรมการ บริษัท เจ.ซี.มอร์แกน จำกัด ในฐานะนักอุตสาหกรรม กล่าวถึงแนวโน้มธุรกิจเหล็กและสเตนเลสในปัจจุบันว่า แน้มโน้มที่จะเกิดขึ้นในอนาคต คือ การควบรวมของบริษัทขนาดกลางเนื่องจากหลายบริษัทในประเทศมีจุดเด่น จุดด้อยที่ต่างกัน ซึ่งหากไม่นำความได้เปรียบในแต่ละบริษัทมารวมกันเพื่อขยายธุรกิจโอกาสที่จะประสบความล้มเหลวเป็นไปได้สูง

ทั้งนี้ การแข่งขันที่รุนแรงและผลกระทบที่เกิดจากราคาวัตถุดิบในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มขึ้นผันผวนค่อนข้างมาก ประกอบกับความจำเป็นที่จะต้องสั่งซื้อสินค้าจากผู้ประกอบการรายใหญ่รายเดียวของเมืองไทยทำให้บริษัทขนาดกลางและบริษัทขนาดเล็กจะต้องเร่งเพิ่มอำนาจในการต่อรองให้กับตนเองซึ่งการควบรวมกิจการเพื่อให้บริษัทมีขนาดใหญ่ขึ้นและสามารถสั่งวัตถุดิบรวมถึงมีอำนาจในการต่อรองมากขึ้นจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น

แหล่งข่าวบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวถึงสาเหตุและความจำเป็นที่กลุ่มนายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการ บริษัท ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส จำกัด (มหาชน) หรือ INOX สนใจที่จะขายหุ้นที่ถือครองทั้งหมดให้กับนักลงทุนรายอื่นว่า ปัจจุบันธุรกิจเหล็กและสเตนเลสใกล้ถึงจุดที่จะต้องมีการควบรวมกันเนื่องจากปัญหาที่เกิดขึ้นในธุรกิจ

ทั้งนี้ คาดว่ากลุ่มทุนที่จะเข้ามาซื้อหุ้นจากกลุ่มนายประยุทธ คือกลุ่มทุนจากประเทศอินเดีย แต่สาเหตุที่ยังไม่สามารถตกลงกันได้เพราะราคาที่นายประยุทธต้องการขายกับราคาที่กลุ่มทุนต้องการซื้อยังแตกต่างกันค่อนข้างมาก โดยส่วนตัวเชื่อดีลดังกล่าวแม้ว่าจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้แต่คงไม่ใช่เรื่องง่าย

สำหรับความขัดแย้งระหว่างนายประยุทธกับลูกค้าของบริษัทในประเทศ เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงกลางปีที่ผ่านมาหลังจากที่บริษัทได้มีการขอปรับขึ้นราคาสเตนเลสอีก 8,000 บาทต่อตันจาก 1.24 แสนบาทต่อตันหลังจากที่ราคาเหล็กและสเตนเลสในตลาดโลกปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยได้ให้พนักงานบริษัทสอบถามความต้องการวัตถุดิบจากลูกค้า

ทั้งนี้ หลังจากนั้น 1 สัปดาห์บมจ. ไทยน๊อคซ์ สเตนเลสได้มีหนังสือแจ้งต่อลูกค้าในประเทศเพื่อยกเลิกออเดอร์สั่งซื้อสินค้าที่รับจองไว้ในสัปดาห์ก่อนพร้อมกลับปรับราคาขายสเตนเลสเพิ่มอีก 1.3 หมื่นบาทต่อวัน ส่งผลทำให้ราคาสเตนเลสเพิ่มขึ้นถึง 2.1 หมื่นบาทต่อวันในช่วงเวลาเพียง 1 สัปดาห์มาอยู่ที่ 1.45 แสนบาทต่อตัน

อย่างไรก็ตาม ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างบริษัทกับลูกค้าส่งผลทำให้ช่องทางการขายสินค้าในประเทศของบมจ. ไทยน๊อคซ์ สเตนเลสต้องมีปัญหาเนื่องจากลูกค้าหลายรายได้รวมตัวกันเพื่อติดต่อกับบริษัทสเตนเสสขนาดใหญ่ในประเทศจีนเพื่อสั่งซื้อสเตนเลสเข้ามาแม้ว่าจะต้องเสียภาษีเพิ่มเติมอีก 5% ก็ตามซึ่งหากคำสั่งซื้อมีจำนวนมากราคาสเตนเลสที่ผู้ประกอบการขนาดกลางรวมตัวกันสั่งซื้อจากคู่ค้าจากประเทศจีนก็จะปรับลดลง

แหล่งข่าว กล่าวอีกว่า นอกจากเรื่องความขัดแย้งระหว่างลูกค้าของบริษัทกับบริษัทแล้ว การเปลี่ยนขั้นทางการเมืองไทยภายหลังคณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขเข้ามายึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ก็ส่งผลกระทบที่ชัดเจนต่อบมจ. ไทยน๊อคซ์ สเตนเลส เนื่องจากนายประยุทธ แสดงตัวที่ชัดเจนว่าเป็นกลุ่มนายทุนของพรรคไทยรักไทย

ทั้งนี้ การแก้เกมของนายประยุทธ เพื่อแก้ปัญหาในเรื่องลูกค้าในประเทศ คือ การเตรียมเปิดตัวกรรมการผู้จัดการบริษัทคนใหม่เพื่อเข้ามาประสานรอยร้าวระหว่างบริษัทกับลูกค้า โดยคาดว่าจะมีการเปิดตัวประมาณเดือนมกราคม 2550 ซึ่งบุคคลที่จะเข้ามาเป็นคนในแวววงอุตสาหกรรม

นายนิโคลัส โซวาร์ ผู้เชี่ยวชาญธุรกิจเหล็ก กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศจีนมีความพร้อมมากขึ้นในการควบกิจการธุรกิจเหล็กทั่วโลก เนื่องจากจีนอยู่ระหว่างการเร่งเสริมสร้างความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มผู้ผลิตเหล็กภายในประเทศจนทำให้กลุ่มผู้ผลิตเหล็กมีความแข็งแกร่งมากขึ้นและยังมีความสามารถในการซื้อกิจการของคู่แข่งในต่างประเทศ

ทั้งนี้ นโยบายของรัฐบาลจีนต่อธุรกิจเหล็ก รวมทั้งนโยบายการลดเงินส่งคืนจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มด้านการส่งออก และระบบการออกใบอนุญาตการนำเข้าสินแร่เหล็กถือว่าเป็นนโยบายที่ดี

อนึ่งก่อนหน้า มีกระแสข่าวระบุว่า นายประยุทธเตรียมที่จะขายหุ้นที่ถือทั้งหมด 65.68% ให้กับนักลงทุนต่างชาติที่สนใจ จำนวน 3 ราย ซึ่งแสดงความสนใจซื้อหุ้น แต่ยังตกลงเรื่องราคาไม่ได้ ซึ่งภายหลังนายประยุทธปฏิเสธข่าวการขายหุ้นดังกล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.