ไวน์บอร์โดซ์

โดย สุภาพิมพ์ ธนะพรพันธุ์
นิตยสารผู้จัดการ( พฤศจิกายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ไวน์แดงฝรั่งเศสมีแหล่งผลิตใหญ่สองแห่งด้วยกัน จึงเรียกชื่อตามแหล่งผลิต คือไวน์บูร์โกญ (le bourgogne) จากมณฑล บูร์โกญ (la Bourgogne) ไวน์บอร์โดซ์ (bordeaux) จากแถบเมืองบอร์โดซ์ (Bordeaux) นอกจากนั้นยังมีไวน์ระดับรองจากลองก์ดอก-รูสซียง (Languedoc-Roussillon) ซึ่งพยายามไต่อันดับด้วยการผลิตไวน์รสเลิศ ทว่ายังทำไม่ได้ และจากแถบลุ่มแม่น้ำโรน (Rhone) และลุ่มแม่น้ำลัวร์ (Loire) ส่วนไวน์โบโจเลส์ (beaujolais) จากเมืองโบเจอ (Beaujeu) และบริเวณใกล้เคียง นิยมดื่มแถบเมืองลิอง (Lyon) กฎหมายให้สิทธิพิเศษแก่ไวน์โบโจเลส์ ในการผลิต beaujolais nouveau ซึ่งจะวางจำหน่ายพร้อมกันทั่วประเทศและทั่วโลกในสัปดาห์ที่สามของเดือนพฤศจิกายน

ไวน์บูร์โกญและไวน์บอร์โดซ์มีการแข่งขันกันในที นักดื่มไวน์แบ่งค่ายอย่างเห็นได้ชัดแม้ในหมู่ชาวฝรั่งเศสเอง ไวน์บูร์โกญ ธรรมดาๆ ที่ไม่ได้เป็น crus หรือ grands crus สนนราคาแพงกว่าไวน์บอร์โดซ์ ระดับเดียวกัน หากในปี 2006 กระแสไวน์บอร์โดซ์มาแรง

ไวน์บอร์โดซ์ระดับ grands crus มีระบบการขายที่ออกจะพิเศษกว่าไวน์จากแหล่งอื่น เรียกว่า marche en primeurs กระบวนการผลิตไวน์บอร์โดซ์ ปี 2005 เริ่มตั้งแต่การเก็บเกี่ยวในเดือนกันยายน 2005 หรืออาจล่าไปจนถึงกลางเดือนตุลาคม เมื่อได้ ไวน์แล้วจะนำออกเสนอต่อสื่อมวลชนนานา ชาติและพ่อค้าคนกลางในสัปดาห์แรกของเดือนเมษายน 2006 เป็นไวน์ที่เรียกว่า vins primeurs ซึ่งต้องทิ้งไว้ในถังไวน์อีกหนึ่งปีหรือมากกว่านั้นก่อนที่จะบรรจุขวด กลไกตลาดกำหนดให้การซื้อขาย vins primeurs ทำกันในช่วงเวลาดังกล่าว แต่กว่าผู้ซื้อจะได้รับไวน์กินเวลาอีกสองปี กล่าวคือสิ้นปี 2007 หรืออาจล่าไปจนต้นปี 2008 กลไกนี้เปิดโอกาสให้ผู้ผลิตมีเงินสดในมือเพื่อชดเชยกับค่าใช้จ่ายในการผลิตไวน์ ส่วนผู้ซื้อมั่นใจได้ว่าตนจะมีไวน์ไว้ขาย

ตามปกติแล้ว ไวน์บอร์ โดซ์ชื่อดังจะขายล่วงหน้าแก่ประเทศในยุโรปเหนือ 90 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเกิดสถานการณ์เรื่องปีผลิตขึ้นมา ทำให้กลไกการขาย vins primeurs เปลี่ยนไปหมด อีกทั้งยังก่อให้เกิดการปั่นราคา การคาดการณ์ว่าไวน์บอร์โดซ์ ปี 2005 จะออกมาดี ทำให้นักการเงินประสงค์ลงทุนด้วยการซื้อไวน์ เพื่อค้ากำไร ความต้องการของตลาดสูงขึ้น โดยที่ยังไม่มีใครได้ชิมไวน์

คลื่นความร้อนที่ครอบคลุมฝรั่งเศส ในปี 2003 ทำให้ไวน์ ปี 2003 เป็นที่ต้องการของนักนิยมไวน์ในปีนั้น ต้นองุ่น "ช็อก" เพราะคลื่นความร้อนมาอย่างปัจจุบันทันด่วน ไม่มีเวลาปรับตัว หากในปี 2005 ความแห้งแล้งมาก่อนฤดู ทำให้ต้นองุ่น ได้เตรียมตัวรับสภาพอากาศ จึงมีใบน้อยและไม่แตกกิ่ง ทว่ารากจะเจริญเติบโตเพื่อหยั่งดินหาน้ำมาเลี้ยงลำต้น จึงออกผลแต่เพียงพอ และบ่มสุกอย่างช้าๆ และถึงแม้อากาศจะร้อน แต่ก็มีลมโชยตลอดเวลา ประกอบกับอากาศเย็นยามค่ำคืนเดือนสิงหาคม และพายุฝนตอนต้นเดือนกรกฎาคม และกันยายน ทำให้ผลองุ่นมีรสชาติเข้มข้นน้ำองุ่นสีสวย อากาศแห้งที่ไม่ร้อนเกินไปก่อให้เกิดผลิตผลที่ดี จึงได้ไวน์รสเลิศอย่างบอร์โดซ์ ปี 2005 ซึ่งอาจถือได้ว่าเลิศที่สุดในศตวรรษ

ไวน์บอร์โดซ์ grands crus อย่างในปี 2005 ซึ่งถือเป็น grands millesimes ควรซื้อล่วงหน้า ใน marche en primeurs เพราะเมื่อบรรจุขวดแล้ว ราคาจะสูงมาก อีกทั้งจะหาซื้อไม่ได้ และถึงแม้จะหาได้ในตลาด ราคาจะสูงเกินเอื้อม หากเป็นไวน์ของปีที่ถือเป็น petits millesimes ผลผลิตของปีที่มีผลผลิตไม่โดดเด่นนัก น่าจะรอซื้อเมื่อบรรจุขวดแล้ว ปีใดที่มีการปั่นราคาไวน์ ควรซื้อเสียแต่เนิ่นๆ ด้วยการซื้อไวน์ที่ไม่ใช่ grands crus แต่เป็น crus bourgeois หรือ crus ดังๆ ไว้ และหากจะซื้อ vins primeurs ก็ควรสั่งกับเจ้าที่ไว้ใจได้ เพื่อให้มั่นใจว่าเมื่อสองปีผ่านไปแล้ว จะส่งไวน์มาให้

2005 เป็นปีของไวน์จากเมืองบอร์โดซ์ อย่างแท้จริง เพราะนอกจากไวน์แดงแล้ว ไวน์ขาวแบบ blanc sec และ blanc liquoreux ต่างก็มีรสเลิศเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น grands crus หรือ ไวน์พื้นๆ ที่ผลิตจาก cave ที่ไม่เป็นที่รู้จัก ซึ่งไม่เคยปรากฏมาก่อน

แต่เดิมนั้น เมื่อถึงเวลาส่งไวน์แก่ผู้ซื้อ ราคาไวน์จะสูงขึ้น 20-30 เปอร์เซ็นต์ โดยปลอดภาษีมูลค่าเพิ่ม ทว่าราคาขายเป็นขวดจะรวมภาษีด้วย การซื้อขายไวน์ในปัจจุบันซับซ้อนกว่าเดิม ด้วยว่าสหรัฐอเมริกามักซื้อไวน์ตามปีที่ผลิต และเชื่อ "โพย" ที่โรเบิร์ต ปาร์เกอร์ (Robert Parker) ผู้เชี่ยวชาญเรื่องไวน์ชาวอเมริกันเขียนไว้ เช่น เมื่อโรเบิร์ต ปาร์เกอร์ บอกว่าชาวอเมริกันควรมีไวน์บอร์โดซ์ ที่ผลิตในปี 2000 ราคาไวน์รุ่นนั้นจะสูงขึ้นทันที ปีใดที่สหรัฐอเมริกาไม่ซื้อ ไวน์ปีนั้นจะอยู่ตามร้านขายไวน์ในฝรั่งเศส ดังในกรณีไวน์ ปี 2002

เชื่อได้แน่ว่าไวน์บอร์โดซ์ 2005 จะมีแต่คนถามหา และจะมีราคาแพงมาก พ่อค้า คนกลางคาดว่าราคาน่าจะสูงขึ้น 30 เปอร์ เซ็นต์ พ่อค้าคนกลางรายใหญ่จะคอยสังเกต การณ์ก่อนที่จะกำหนดราคาขาย เพราะต้องแน่ใจว่าราคาที่ตั้งสามารถจูงใจลูกค้าได้โดยไม่ยาก ในปีนี้ไวน์จาก crus ชื่อดัง ราคาสูงขึ้น 70 เปอร์เซ็นต์ ที่น่าหมายตาน่าจะเป็น Chateau Latour, Chateau Margaux, Chateau Haut-Brion, Chateau Ausone, Chateau Pavie, Chateau Petrus, Chateau Lafitte-Rothschild เป็นต้น

การซื้อขายไวน์ปี 2005 สิ้นสุดไปแล้ว และได้ชิมกันแล้ว เป็นอันมั่นใจได้ว่าไวน์บอร์โดซ์ 2005เป็นสุดยอดไวน์ของปี 2005 การประกาศจัดชั้นไวน์ตามปีผลิตจะทำกันทุกปี ไวน์บอร์โดซ์ 2005 มีลักษณะคล้ายไวน์ ปี 1982 แต่มีรสและกลิ่นที่พิเศษกว่า ไวน์พิเศษแบบนี้จะมีเพียง 5-6 ครั้งในรอบศตวรรษ อย่างไรก็ตาม อาจเกิดการ "พลิกล็อก" ได้ ราคาขายเป็นขวดอาจต่ำกว่าที่ซื้อใน marche en primeurs ซึ่งมีการปั่นราคา เฉกเช่นเดียวกับไวน์ปี 1990

ไวน์มีการแบ่งชั้นอย่างเห็นได้ชัด grands crus อยู่สูงสุด หากก็มี grands crus classes ตามด้วยปี หมายถึงว่าได้รับการยกย่องว่าเป็นยอด grands crus ในปีนั้นๆ หลังจากนั้นเป็น crus bourgeois ไวน์สำหรับ ชนชั้นบูร์จัวส์ และ crus artisans ไวน์ของพวกช่างฝีมือ

ความต่างประการหนึ่งระหว่างไวน์บอร์โดซ์และไวน์บูร์โกญอยู่ที่ลักษณะของขวด ขวดไวน์บอร์โดซ์จะตรงๆ เสมือนกระบอก แล้วหักมุมตรงขึ้นเป็นคอขวด ส่วนขวดไวน์บูร์โกญนั้นคอขวดจะค่อยๆ ลาดลงมาถึงตัวขวด


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.