แนวคิด"สุวิทย์ เมษินทรีย์" ยกเครื่องยุทธศาสตร์ทศท.


ผู้จัดการรายวัน(28 มกราคม 2546)



กลับสู่หน้าหลัก

เปิดแนวคิด "ดร. สุวิทย์ เมษินทรีย์" คนสานฝัน "หมอเลี้ยบ" ยกเครื่องยุทธศาสตร์ทศท. ย้ำมี 4 ประเด็นหลักที่ต้องหารือจุดยืนทศท.เรื่องแปรสัญญา ผลกระทบการ เข้าตลาดฯ แนวทางสร้างความเข้มแข็ง องค์กร และไทยโมบายมือถือ 1900 ที่ต้องล้างภาพเดิม คิดใหม่ทำใหม่ ตั้งแต่จำเป็นต้องมีหรือไม่ ถ้ามีต้องหาจุดแข็งจุดขายอย่างไร และประเด็นเด็ดความได้เปรียบไลเซนส์ 3G รายเดียว ในประเทศ

ในวันที่ 2 ก.พ.ที่จะถึงนี้ บอร์ดทศท.ชุดใหม่จะมีการประชุมเชิงปฏิบัติการร่วมกับคณะผู้บริหารของบริษัท ทศท คอร์ปอเรชั่นหรือทศท. ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ที่ปรึกษารมว. กระทรวงการคลังในฐานะกรรมการบอร์ด และเป็นนักวิชาการที่น.พ. สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รมว.กระทรวงไอซีที ตั้งความหวังว่าจะเข้ามาช่วยด้านยุทธศาสตร์การตลาดของทศท.

เวิร์กชอปดังกล่าว ส่วนหนึ่งเป็น เพราะนโยบายรัฐในเรื่องแปรสัญญาสัมปทานที่เปลี่ยนส่วนแบ่งรายได้บางส่วนให้มาเป็นภาษีสรรพสามิต ทำให้ยุทธศาสตร์ต่างๆที่ทศท.ทำมาแต่เดิม จำเป็นต้องทบทวนหรือเปลี่ยนแปลง ภายใต้กรอบและแนวคิดที่บอร์ดทศท. จะทำหน้าที่กำหนดยุทธศาสตร์เชิงนโยบายให้ทศท.เดินตาม

ดร.สุวิทย์ ให้สัมภาษณ์พิเศษถึงโจทย์ที่ผู้บริหารทศท.ควรมีคำตอบ ในวันประชุมเวิร์กชอปว่า ทศท.อยู่ในอุตสาหกรรมที่มีพลวัตรสูง ไม่ว่าจะเป็นทิศทางของผู้บริโภค ในภาวะที่การ แข่งขันจากเดิมที่ผูกขาด มาเป็นแข่งขันสูง องค์กรจะปรับตัวอย่างไร และเรื่องประสิทธิภาพในองค์กรเอง

ทั้ง 3 ปัจจัยในภาวะการแข่งขันรุนแรง ภาวะพลวัตรสูงในเรื่องความต้องการของตลาด ในเรื่องเทค-โนโลยีและขีดความสามารถในการแข่ง ขันและประสิทธิภาพ ล้วนแต่เป็นประเด็นท้าทายทศท.ในปัจจุบัน

4 ประเด็นร้อนทศท.

ถ้ามองดูมี 4 ประเด็น ในเชิงยุทธศาสตร์ที่ต้องมาคุยกัน และตัด สินใจประกอบด้วย 1.เรื่องการแปรสัญญา ทศท.จะมีจุดยืนในส่วนนี้อย่างไร ซึ่งต้องมองประโยชน์ชาติเป็น หลัก 2.การแปรสัญญาจะส่งผลการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯด้วย ทศท.จะหาจุดที่เหมาะสมและลงตัวได้อย่างไร เป็น 2 เรื่องแรกที่พันกันอยู่

3.ความแข็งแกร่งขององค์กรจะต้องมาพิจารณาทบทวนหรือไม่ ระหว่างการรวมกันของทศท.และการสื่อสารแห่งประเทศไทย(กสท.) ต้องมามองดูว่าสภาพการดำเนินธุรกิจในอนาคตซึ่งจะเปลี่ยนไปจากเดิมแน่นอน ต่างฝ่ายจะต่างดำเนินธุรกิจกันไปอยู่ในรูปแบบเดิมหรือจะมา Synergy กัน

4.ประเด็นการให้บริการโทยโม-บายโทรศัพท์มือถือความถี่ 1900 เมกะ เฮิรตซ์ ซึ่งจะเกี่ยวข้องกับการรวมกิจการกันระหว่างทศท.กับกสท. ซึ่งมีอีก 2- 3 ประเด็นในส่วนนี้คือ 4.1 คู่แข่งในธุรกิจมือถือ รายใหญ่ทั้งนั้นไม่ว่าเอไอเอส ดีแทค ออเร้นจ์ การเข้าสู่ อุตสาหกรรมนี้ต้องคิดว่าจำเป็นจะต้อง เข้าหรือไม่ ถ้าจะเข้าจะต้องเข้าอย่างไร ในขณะที่ 3 รายแรกยึดครองตลาดไว้แล้ว ไทยโมบายจะค่อยเป็นค่อยไปหรือก้าวร้าวรุนแรง

4.2 ถ้าไทยโมบายจะก้าวร้าวรุน แรง ทศท.คาดหวังอะไร หวังส่วนแบ่ง ตลาดแค่ไหน และจะมีกลยุทธ์ในการเจาะทลวงแย่งส่วนแบ่งตลาดจากชาวบ้านที่เป็นบิ๊กทรีได้อย่างไร

4.3 หรือในขณะที่ทศท.มีจุดแข็งที่มีไลเซ็น 3G รายเดียว ตอนนี้จะค่อยเป็นค่อยไปก่อนแล้วรอเข้าไปครองตลาด 3G เพราะทศท.เป็นคนบุก เบิกก่อนหรือไม่ แต่จุดที่น่าระวังคือกว่าจะถึงเวลานั้นจะมี 4G มาหรือไม่ เป็นประเด็นที่จะต้องถกเถียง และ4.4 ปัจจุบันที่มีซูเปอร์บอร์ด การทำงานมีความคล่องตัวจริงหรือไม่ ต้องทบทวน เพราะตอนนี้ทุกอย่างดูจะร่วมทุนกันไปหมด แม้กระทั่งการจัดการก็ร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย

ในธุรกิจที่มีพลวัตรสูง ความคล่องตัว การตัดสินใจ เป็นเรื่องสำคัญ การมีซูเปอร์บอร์ด การมีทีมแมเนจ-เมนต์ร่วมกัน องค์กรแบบนี้จำเป็นหรือไม่

ทั้งหมดนำมาสู่การที่มองว่าโอกาสในการสร้างรายได้หรือการสร้าง มูลค่าในองค์กรหลังแปรสัญญาจบไปแล้วมันจะมาจากไหน ต้องยอมรับว่ารายได้ 40-50% ของทศท. มาจากส่วน แบ่งรายได้สัมปทาน

แต่ในช่วงให้สัมปทานมันก็มีเงื่อนไขทำให้ทศท.ไม่สามารถไปลงทุน ในสิ่งที่ทศท.ให้สัมปทานเอกชนไป ในช่วงนั้นดูเหมือนเป็นเสือนอนกิน แต่ทศท.ก็มีข้อจำกัดไม่ให้มีการลงทุน เข้าไปในอุตสาหกรรมเหล่านั้น

ถึงจุดนี้ทศท.จะฟื้นขึ้นมาจากยักษ์หลับเป็นยักษ์ตื่นได้อย่างไร จะต้องมานั่งทบทวน ขอบเขตของธุรกิจในอนาคต ซึ่งต้องดูจากพื้นฐาน 8 กลุ่มธุรกิจ มีศักยภาพในการทำกำไร ในการเป็นผู้นำตลาดหรือในการแข่งขัน เป็นอย่างไร

ยกตัวอย่างเช่นเรื่องโทรศัพท์พื้น ฐานจะมีทิศทางเช่นไร ทศท.ยังมีจุดแข็งในเรื่องเน็ตเวิร์ก มีบริการเสริมมากน้อยแค่ไหน ในขณะที่การใช้งานลดลง หรือเรื่องโทรศัพท์สาธารณะ ตราบใดที่ยังไม่มีคณะกรรมการกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ(กทช.) ทศท. ก็สามารถขยายบริการโทรศัพท์สาธารณะไปได้เรื่อยๆ ยุทธศาสตร์ทศท.ควรยึดครองความเป็นผู้นำในตลาดนี้

"โทรศัพท์สาธารณะมันเหมือน Cash Machine ปั๊มเงินได้สบายเครื่องละ 3-4,000บาท ประเด็นคือเราครอบคลุมได้หมดหรือยังเฉพาะใน ไพรม์แอร์เรีย และในส่วนที่ 2 ปัญหาคือไม่ใช่แค่เรื่องจำนวนเครื่องเพิ่มเติม แต่เครื่องที่มีอยู่มันเป็นเครื่องเก่า ใช้งานไม่ได้มาก ตรงนี้ตัดโอกาสในการเก็บเงิน จะทำอย่างไร"
ประเด็นหลักคือในการเพิ่มรายได้ มีหลายจุด อย่างเรื่องเน็ตเวิร์กที่มี อยู่ ทศท.จะให้เอกชนเช่าแล้วให้บริการ อย่างเดียวหรือจะใช้วิธีร่วมทุนกัน เป็นประเด็นท้าทายที่ต้องมาทบทวน ในบางเรื่องต้องรอบคอบแต่บางเรื่องจำเป็นต้องรีบตัดสินใจ

ยุทธศาสตร์การตลาดของทศท.

ดร.สุวิทย์กล่าวว่า ในเรื่องนี้ต้อง ยอมรับว่าอุตสาหกรรมโทรคมนาคม ที่สุดต้องกลายเป็นคอนซูเมอร์ โปร-ดักต์ไปหมด มันเป็นเรื่องของอุตสาห-กรรมว่าด้วยคอนเทนต์โพรวายเดอร์ เหมือนเป็นคอนซูเมอร์ฟูด ที่เป็นส่วน หนึ่งของไลฟ์สไตล์คน ทศท.ต้องมองในแต่ละส่วนของตลาดว่าตลาด B2B, B2C ว่าจะเข้าไปเล่นอย่างไร

ในที่สุดแล้วในเรื่องเทคโนโลยีมันคอนเวอร์เจนต์ อุตสาหกรรมมันคอนเวอร์เจนต์ ธุรกิจต่างๆมันคอน-เวอร์เจนต์ จะต้องหาจุดแข็งที่สุดของทศท.ให้เจอแล้วต้องหาแนวร่วมเพื่อสร้างเครือข่ายของพันธมิตร ทศท.จะร่วมค้า ร่วมแข่งกับใครได้บ้าง

แต่สิ่งที่สำคัญจุดหนึ่งที่จะตอบคำถาม คนที่จะชนะในอุตสาหกรรมนี้คือคนที่เข้าใจคอนซูเมอร์ได้มากน้อย เพียงใด เพราะเทคโนโลยีมันเปลี่ยน แปลงตลอดเวลาอยู่แล้ว ประเด็นสำคัญคือถ้าทศท.จับใจ จับทางคอนซูเมอร์ได้ในระยะยาว ลงทุนในส่วนเกี่ยวกับตัวลูกค้า ทศท.ก็คงจะไปได้

"คำถามง่ายๆของผมว่าทศท. ไม่มีโทรศัพท์มือถือได้หรือไม่ ถ้าไม่ได้ ยังไงต้องมีเพราะมันเป็นอนาคต ยกตัวอย่างพวกดอทคอมพังกันเป็นแถบ แต่ตอนนี้พวกคอนเทนต์โพรวายเดอร์ ต่างๆ มาใช้ M-Mobile ซึ่งบางบริษัท อย่างแกรมมี่ ได้กำไรจากตรงนี้ไม่น้อย 10-20 ล้านจากพวกโลโก้ ริงโทน" เขาย้ำว่า ทศท.คงต้องมานั่งดูคำถามง่ายๆ แต่ต้องตรงไปตรงมาว่า

ทศท.จะทิ้งโทรศัพท์มือถือที่มีแนวโน้มจะโตวันโตคืนหรือไม่ ถ้าไม่ทิ้งจะวางตัวเองไว้ในสถานภาพแบบไหนจะเป็นผู้ท้าทายหรือเป็นแค่ผู้ตาม ไปก่อน หรือถ้าจะเป็นผู้ท้าทาย (ชา-แลนเจอร์)ทศท.ก็ต้องลงทุนอีกจำนวน มาก ประเด็นคือทศท.จะลงทุน ในเรื่อง อะไรที่พอจะตอบผู้ถือหุ้นได้ว่าสามารถ ที่จะเป็นนิชมาร์เก็ต มีส่วนแบ่งตลาดได้ตามเป้าหมาย

"ตอนนี้ทศท.กำลังเผชิญสิ่งท้า ทายหลายมิติ ไม่ว่ามิติเรื่องแปรสัญญา มิติเรื่องการเข้าตลทด. มิติเรื่องคอนซูเมอร์ ไดนามิค ที่มันเปลี่ยนไปตลอด เวลา"

เขากล่าวว่าอย่างปีที่แล้ว ทศท. กำไรมหาศาลจากที่เอไอเอสบูม ตัวเลขคนใช้โทรศัพท์มือถือมันโตกว่าโทร.พื้น ฐานไปเป็นเท่าตัวแล้ว ตรงนี้บอร์ดต้อง มาตัดสินใจว่าถ้าจะเดินหน้า เดินหน้าอย่างไร ด้วยวัตถุประสงค์อะไร ต้องตอบคำถามตัวเองให้ได้ว่าต้องการอะไรกันแน่ทั้งระยะสั้นและระยะยาว แล้วมันจะง่ายกับฝ่ายจัดการ ที่จะดำเนินตามนโยบายที่กำหนดไว้

"ไทยโมบาย 1900 ถ้าต้องการทำให้เกิดอย่างน้อยต้องค้นหา 2-3 ประเด็นคือ 1.ต้องหาจุดแข็ง 2.จะเชื่อมหรือมีลูกเล่นกับฟิกซ์ไลน์ได้อย่างไร 3.การหาพันธมิตรเรื่องคอน-เทนต์โพรวายเดอร์อย่างไรต้องหาจุดที่เป็นนิชมาร์เก็ตให้ได้ เราไม่ใช่เบอร์ 1 หรือ 2 แต่เราเป็นเบอร์ 4 ต้องปล่อยให้ 3 ราย ตีกันเอง แต่ประเด็นคือต้อง หาตลาดหรือเซกเมนต์ไหน ที่เราเข้มแข็งสุดๆหรือคู่แข่งไม่อยากเข้ามา"

ต้องยอมรับว่าเวลาเข้าสู่ธุรกิจ ไทยโมบายช้าไปมาก 3 รายสร้างตลาด ใหญ่มาก ถ้าเจะขยายผลด้านการ ตลาดอาจติดปัญหาด้านอินฟรา- สตรักเจอร์เครือข่ายไม่พอ การทำงาน ในรูปรัฐ การจัดซื้อแบบรัฐ ประเภทสัญญาหนาเป็นปึกในขณะที่เอไอเอสเหลือแผ่นเดียว จะไปสู้อะไรกับคู่แข่ง ได้ แค่นี้ก็ตายแล้ว

"การทำงานภายใต้ข้อจำกัด ต้องดูว่าข้อจำกัดอันไหนไม่จำเป็น ซึ่งผมคิดว่าทศท.ทำงานภายใต้เงื่อนไขไม่จำเป็นมาก ต้องยกประเด็นนี้ขึ้นมา"

ในความคิดของดร.สุวิทย์ อยากให้ทศท.ต้องเป็นเบอร์1ในภาวะแวด-ล้อมการแข่งขัน เป็นเบอร์ 1 ในบางเรื่องแต่ไม่ต้องเก่งทุกเรื่อง เป็นองค์กร ที่มีบทบาทนำในการแข่งขัน อาจไม่ใช่มาร์เก็ต ลีดเลอร์ แต่ก็ทำกำไรในระดับหนึ่ง เป็นองค์กรที่เก่งในบางด้าน แต่ลึกในบางเรื่อง

"ถ้าทิศทางยุทธศาสตร์เคลียร์กลยุทธ์การตลาดจะตามมาเอง ถ้ากลยุทธ์การตลาดเคลียร์เราก็มาดูว่าเรามีศักยภาพความพร้อมมากแค่ไหน บางส่วนทำเองไหว ก็อัพเกรดคนของเราทำ ถ้าไม่ไหวก็หาพาร์ตเนอร์ บางส่วนไม่ไหว เอาต์ซอร์ตเพื่อตอบยุทธ-ศาสตร์ของเรา แต่ที่สำคัญต้องรู้ทิศทาง เชิงยุทธศาสตร์ขององค์กรนี้"

ทศท.ต้องวิเคราะห์ว่าแต่ละกลุ่ม มีจุดแข็งตรงไหนศักยภาพตรงไหน จุดอ่อนตรงไหน แต่ละกลุ่มรวมพลังอย่างไร เขาเชื่อว่าจะทำอะไรก็ตามต้อง รู้ว่าหัวใจอยู่ตรงไหนแล้วกุมหัวใจไว้ให้ได้ส่วนที่เหลือ ร่างกาย อวัยวะส่วน อื่น ไม่มีเวลาสร้างก็ซื้อเอา

สำหรับ8 กลุ่มธุรกิจ ต้องวิเคราะห์ว่าครบแล้วหรือยัง หรือบางเรื่องมันเชื่อมต่อกันอย่างไร หัวใจอยู่ตรงไหน โอกาสที่จะทำกำไรมาจากไหน ต้องมองทั้งข้างนอกเข้าใน และมองจากข้างในออกไปนอก มองแนวโน้มอุตสาหกรรมนี้ดูชาวบ้านทำอย่างไร ต่างประเทศเป็นอย่างไร ธุรกิจขับเคลื่อนเช่นไร แล้วมองว่า 8 กลุ่มธุรกิจ ดังกล่าวไปถึงจุดที่ทศท.ต้องการอย่าง ไร ถ้า 8 กลุ่มธุรกิจไม่พอ ภาพไม่สมบูรณ์ต้องมีกลุ่มที่9หรือ10ก็ต้องมี หรือจัดกลุ่มใหม่ให้เหลือแค่ 4 กลุ่มก็ทำให้ภาพสมบูรณ์ได้ก็มีแค่ 4 กลุ่มก็พอ

"ผมชอบดูกลยุทธ์นำโครงสร้าง ไม่ชอบเอาโครงสร้างนำกลยุทธ์เราต้อง สร้างคอมมอน กราวน์ เพื่อกำหนดคอมมอนโกล เพื่อเข้าใจร่วมกัน เมื่อได้อย่างนั้นกลยุทธ์จะตามมา"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.