ตลท.ตั้งเป้าบจ.ปีหน้าเข้าSET40mai24ตั้งโครงการOwnershipดึงนักลงทุนใหม่


ผู้จัดการรายวัน(30 ตุลาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดหลักทรัพย์ตั้งเป้าบริษัทใหม่ที่เข้ามาจดทะเบียนในปี 50 ในระดับที่ไม่สูงเหมือนที่ผ่านมา ชี้เข้าจดทะเบียนในตลาดใหญ่ 40 บริษัทตลาดเอ็มเอไอ 24 บริษัทเหตุยังไม่มีข้อสรุปในแง่สิทธิประโยชน์ด้านภาษีที่จะมาจูงใจ พร้อมผุดโครงการใหม่เกี่ยวกับการลงทุนเป็นเจ้าของ(Ownership Investment)นำแนวคิดว่าหากต้องการลงทุนในธุรกิจที่ต้องการให้มาซื้อหุ้นในตลาดแทน มุ่งเจาะนักลงทุนหน้าใหม่

นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและประธานที่ปรึกษา ตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ เปิดเผยว่า ภายในปี 2550 คาดว่าจะมีบริษัทเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยหรือ SET จำนวน 40 บริษัทและเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เอ็มเอไอจำนวน 24 บริษัท สาเหตุที่ตั้งเป้าไม่สูงมากนัก เนื่องจากการให้สิทธิประโยชน์ทางภาษียังไม่มีข้อสรุปว่าจะเป็นไปในทิศทางใด ประกอบกับบริษัทบางแห่งที่เตรียมตัวจะเข้าตลาดหลักทรัพย์ พลาดเป้าที่บริษัทวางไว้หรือรอโครงการต่างๆที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์แก่บริษัท

ทั้งนี้แนวโน้มเรื่องสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษีน่าจะสรุปได้ปีนี้ และจะต้องหาแนวทางอื่นมาชดเชยซึ่งน่าจะได้คำตอบในปีหน้า เพราะตลาดหลักทรัพย์ฯพยายามที่จะให้บริษัทจดทะเบียนได้รับผลประโยชน์ทางภาษีเพื่อเป็นกำลังใจและเกิดผลดีทั้งกับบริษัทและตลาดหลักทรัพย์ฯ รวมถึงรัฐบาลที่จะได้ประโยชน์จากภาษีของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯที่คิดเป็น 25-40% จาก 500 บริษัท

นอกจากนี้หากตลาดหลักทรัพย์ฯสามารถเพิ่มบริษัทจดทะเบียนเป็น 1 พันบริษัท จากบริษัทที่มีอยู่นอกตลาดกว่า 1 แสนบริษัทนั้น จะส่งผลทำให้เพิ่มสัดส่วนภาษีที่เก็บจากบริษัทจดทะเบียนที่เพิ่มขึ้นได้อีก 15-20% ทำให้ภาครัฐลดรายจ่ายและได้ประโยชน์จากค่าภาษีของบริษัทจดทะเบียนประมาณ 50%ตลาดหลักทรัพย์ฯตั้งเป้าการลงทุนในปีหน้าว่าบัญชีการซื้อขายน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 6 แสนบัญชีจากปัจจุบันที่มีอยู่5 แสนบัญชี และมีบัญชีที่มีการซื้อขายสม่ำเสมอประมาณ 2-2.5 แสนบัญชี จากปัจจุบันที่มีบัญชีซื้อขายสม่ำเสมอ 1.3-1.5 แสนบัญชี รวมถึงกำหนดสัดส่วนของนักลงทุน โดยต้องการให้มีนักลงทุนสถาบันในประเทศประมาณ 20% นักลงทุนต่างชาติ ระดับ 30% และที่เหลืออีก 50% เป็นสัดส่วนของนักลงทุนรายย่อย ซึ่งเป็นแผน 3 ปี ของตลาดหลักทรัพย์ภายใต้แผนใหญ่ 5 ปีของสภาธุรกิจตลาดทุน จากปัจจุบันที่มีสัดส่วนนักลงทุนสถาบันในประเทศ 10% นักลงทุนรายย่อย 60-70% และที่เหลือเป็นสัดส่วนของนักลงทุนต่างชาติ

สำหรับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาตินับตั้งแต่หลังการปฏิรูปการปกครองและมีการจัดตั้งรัฐบาลประมาณ1 เดือนหลังจากนั้น นักลงทุนต่างชาติยังคงเข้ามาซื้อสุทธิ จึงมองว่านักลงทุนต่างชาติยังมีมุมมองต่อทิสทางในตลาดหุ้นไทยเป็นบวกอยู่ โดยเฉพาะหลังจากการโรดโชว์ในครั้งนี้ หากนักลงทุนต่างชาติมีความเข้าใจอาจเข้ามาลงทุนมากขึ้นหรือหากไม่ลงทุนเพิ่มก็จะอาจชะลอการลงทุนแต่ไม่น่าจะโยกเงินออกไป

นอกจากนี้ ในปี 2550 ตลาดหลักทรัพย์มีโครงการใหม่เกี่ยวกับการลงทุนเป็นเจ้าของ(Ownership Investment)โดยใช้แนวคิดว่าหากต้องการลงทุนเป็นการลงทุนในบริษัทที่ต้องการเป็นเจ้าของหรือเป็นอาชีพหรือธุรกิจที่อยากทำ แต่แทนที่จะลงมือทำแต่มาซื้อหุ้นในตลาดหุ้นเพื่อลงทุน เพื่อเป็นการเปลี่ยนความคิดจากการลงทุนที่ต้องการเฉพาะกำไรเป็นการลงทุน เนื่องจากมีใจรักหรือความต้องการเป็นเจ้าของในบริษัทนั้นๆ

“การลงทุนในบริษัทหรืออาชีพที่ชอบ หรืออยากจะเป็น 4-5 บริษัท ซึ่งจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ จะทำให้แนวความคิดการลงทุนต่างกับการลงทุนเพื่อต้องการกำไร เพราะเมื่อต้องการเป็นเจ้าของจะมีการดูแลเอาใจใส่

ทั้งเรื่องเศรษฐกิจหรือการบริหารงาน เนื่องจากเมื่อเป็นเจ้าของจะมีการตรวจสอบที่ลึกขึ้น และมีเหตุผลในการลงทุนหรือการซื้อขายมากกว่ที่จะซื้อขายเพื่อหวังกำไรขาดทุน”นายวิเชฐกล่าว

อย่างไรก็ตามจุดประสงค์ในเรื่องการเป็นเจ้าของ เพื่อให้นักลงทุนลดความสำคัญของเรื่องกำไรขาดทุน และหากว่ามีความต้องการเป็นเจ้าของบริษัทที่ชอบหรือต้องการลงทุน ไม่จำเป็นต้องลงทุนในหุ้นบริษัทใหญ่ๆ แต่สามารถลงทุนในบริษัทใดก็ได้ซึ่งอาจจะมีอนาคตที่ดี ซึ่งถือเป็นการสร้างวัฒนธรรมการลงทุนแบบใหม่ เปรียบเป็นการสร้างสุขภาพของตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งจะสามารถต่อสู้กับเชื้อโรคซึ่งก็คือปัจจัยต่างๆที่เข้ามากระทบตลาดหลักทรัพย์และเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยลดการสร้างราคาของหลักทรัพย์(ปั่นหุ้น) เพราะหากมีราคาที่ไม่เหมาะสมผู้ที่มีความสนใจหรือมีความรู้ในบริษัทที่ตัวเองสนใจที่จะลงทุน น่าจะประเมินสถานการณ์หรือแนวโน้มอุตสาหกรรมได้จากสภาพปัจจุบันมากกว่าการสร้างราคา ซึ่งจะเป็นการเพิ่มในส่วนของนักลงทุนหน้าใหม่และนักลงทุนรุ่นเก่าที่มีความคิดการซื้อขายแบบนี้ โดยคาดว่าสัดส่วนนักลงทุนใหม่น่าจะเป็น 80-90% ซึ่งอาจจะเป็นผู้ที่เริ่มทำงานไม่เกิน 10 ปี หรือเพิ่งจบการศึกษา


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.