|
ชาตรีชี้บาทแข็ง-ฝรั่งแห่ลงทุน หนุนระบบแข่งขันเป็นธรรม
ผู้จัดการรายวัน(30 ตุลาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"ชาตรี โสภณพนิช" คาดทิศทางบาทแข็งค่าต่อเนื่อง มองปัจจัยการเมืองนิ่ง-ทุนสำรองประเทศสูงดึงเม็ดเงินต่างชาติลงทุน มั่นใจปีหน้ายิ่งขยายตัว แนะรัฐบาลฉวยจังหวะเงินไหลเข้าแปลงเงินเก็งกำไรเป็นระยะยาว เสนอสร้างความเป็นธรรมในการแข่งขันภายใต้กติกาเดียวกัน ส่วนเมกะโปรเจ็กต์ต้องขยายบนพื้นฐานไม่เป็นหนี้เกินตัว ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง
นายชาตรี โสภณพนิช ประธานกรรมการ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงค่าเงินบาททำสถิติแข็งค่าสูงสุดในรอบ 7 ปี เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เกิดจากเงินต่างประเทศที่ถูกถอนออกไปช่วงมีการปฏิวัติรัฐประหารได้ไหลกลับเข้ามา หลังจากนักลงทุนต่างชาติมั่นใจในสถานการณ์ทางการเมืองที่มีความชัดเจนค่อนข้างเร็ว ดังนั้น เชื่อว่าในปีหน้าจะมีการลงทุนในประเทศเพิ่มมากขึ้น
สำหรับแนวโน้มระยะยาวค่าเงินบาทต่อดอลลาร์จะแข็งค่าขึ้นจากปัจจัยเศรษฐกิจของประเทศที่มีความแข็งแกร่ง โดยเฉพาะทุนสำรองเงินตราระหว่างประเทศในปัจจุบันที่สูงถึง 60,800 ล้านเหรียญสหรัฐ สร้างความมั่นใจให้นักลงทุนต่างชาติ นอกจากนี้ยังเกิดจากค่าเงินดอลาร์ที่อ่อนค่าตามเศรษฐกิจสหรัฐ
"ค่าเงินที่แข็งขึ้นอย่างรวดเร็วมาแตะ 36 บาทต่อดอลลาร์ในขณะนี้ เพราะต่างชาติเกิดความมั่นใจเมืองไทย เมื่อเราเปิดให้เข้ามาฟรี ต่างชาติจึงนำเงินเข้ามาลงทุนเยอะ เพราะถ้าดอลลาร์อ่อนค่าเงินบาทแข็งก็มีกำไรทันที"
นายชาตรีแนะนำว่า รัฐบาลต้องบริหารจัดการเรื่องทุนระหว่างประเทศ เมื่อมีเงินต่างชาติไหลเข้ามาจำนวนมากและเป็นเงินระยะสั้นในตลาดหุ้น ซึ่งจะมีการโยกย้ายออกไปค่อนข้างเร็ว รัฐบาลต้องหาวิธีดึงเงินที่เข้ามาลงทุนระยะสั้นให้ปรับเปลี่ยนเป็นเงินลงทุนระยะยาว ป้องกันการเก็งกำไร ที่สำคัญนอกจากการสร้างบรรยากาศการลงทุนแล้ว รัฐบาลชุดใหม่ควรสร้างกติกาการค้าการลงทุนที่เท่าเทียมกันในหมู่นักลงทุน
"ทุกคนต้องทำธุรกิจภายใต้กติกาเดียวกัน" นายชาตรีย้ำ
นายชาตรียังกล่าวเปรียบเทียบทุนสำรองของไทยว่าแข็งแกร่งเหมือประเทศจีน ดังนั้นแนวโน้มเงินทุนต่างชาติก็จะไหลเข้าประเทศจีน เพียงแต่จีนมีระบบจัดการแตกต่างจากไทย แม้ความต้องการเงินต่างชาติจะอยากเข้าไปมาก แต่ทางการจีนก็ออกกฎห้ามนำเงินเข้ามาลงทุน จึงมีข้อจำกัดและยังทำได้ยากเพราะรัฐบาลไม่อนุญาต ทั้งนี้ ความแตกต่างทางฐานะและจำนวนประชากรยังเป็นปัจจัยเฉพาะ ซึ่งปัจจุบันพบว่า คนจีนที่มีฐานะดีจะอยู่ในเมืองใหญ่ ส่วนในชนบทห่างไกลฐานะจะยากจนกว่า
"การเคลื่อนไหวของค่าเงินหยวนของจีน ปัจจัยหลักจึงเป็นไปตามนโยบายและสถานการณ์การเมือง ถ้ารัฐบาลจีนทำให้ค่าเงินหยวนแข็งขึ้นตามที่สหรัฐฯ และสหภาพยุโรปต้องการก็จะส่งผลกระทบต่อคนในชนบททันที ปัญหาก็จะตามมา ดังนั้นสิ่งที่จีนทำได้คือการต่อรองเพื่อแลกเปลี่ยน เช่น ล่าสุดได้สั่งซื้อเครื่องบินแอร์บัส เอ 320 จากยุโรป 150 ลำ เพื่อเป็นการแลกเปลี่ยนกับอียู"
สานต่อโครงการใหญ่แบบพอเพียง
สำหรับเมกะโปรเจ็กต์ นายชาตรีกล่าวว่า รัฐบาลต้องพิจารณาโครงการของรัฐบาลชุดเดิม หากเป็นโครงการที่ดีรัฐบาลชุดนี้ต้องสารต่อ เช่น โครงการก่อสร้างพื้นฐานและสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ ควรยึดประโยชน์ส่วนรวมและความเป็นไปได้ในความสำเร็จ เช่น กำหนดเดิมต้องสร้างให้เสร็จภายใน 1 ปี หากเห็นทำให้เสร็จได้ภายใน 2-3 ปีได้ ไม่ต้องรีบมากแต่ประโยชน์มีมากกว่า ก็รอได้ เพราะเงินงบประมาณแต่ละปีไม่พอที่จะไปสร้างโครงการขนาดใหญ่รัฐบาลต้องไปกู้เงินมาก่อสร้างดังนั้นสิ่งที่ต้องคำนึงต้องไม่สร้างหนี้เกินตัว เป็นไปตามหลักเศรษฐกิจแบบพอเพียง
"พอเพียงหมายถึงไม่เกินตัว ไม่มีหนี้มากเกิน ผมคิดแบบนี้ แต่ยอมรับว่ายากที่จะอธิบายให้ต่างชาติ ส่วนใหญ่กับฝรั่งผมบอกว่าคล้ายๆ กับ self sufficient คือ พึ่งพาตนเองได้"
เตรียมรุกตลาดเอเชียอีกครั้ง
นายชาตรีกล่าวถึงแผนการดำเนินงานของธนาคารกรุงเทพในอนาคตว่า มีแผนขยายธุรกิจในเอเชียโดยเฉพาะธุรกิจในจีน ฮ่องกง ไต้หวันและสิงคโปร์ หลังจากช่วง 6-7 ปี ที่ผ่านมาธนาคารได้หยุดขยายธุรกิจในเอเชียเพราะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจในประเทศ จึงต้องกลับมาทำธุรกิจในไทยให้รอดก่อน ตอนนี้แข็งแรงแล้ว ก็พร้อมที่จะขยายธุรกิจต่อไป
"ผมยอมรับว่าตั้งแต่ทำธุรกิจธนาคารพาณิชย์มา เหนื่อยทุกปี แต่เราก็พร้อมที่จะรับกับการแข่งขันที่รุนแรง" นายชาตรีกล่าวและว่า สำหรับแผนในประเทศ ณ ขณะนี้จะขยายสินเชื่อให้กับอุตสาหกรรมขนาดกลางและย่อม (เอสเอ็มอี) และธุรกิจรายย่อยมากขึ้น
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|