คิวคอนเลิกขายตรงเข้าโครงการเน้นขายผ่านเอเยนต์100%ใน3ปี


ผู้จัดการรายสัปดาห์(30 ตุลาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดอิฐมวลเบาร้อนระอุ คิวคอนเตรียมขยายฐานตลาดทั่วประเทศ เลิกขายตรง ปรับแผนมุ่งบทบาทผู้ผลิต เร่งเจาะตลาดเอเยนต์ 100% ภายใน 3 ปี พร้อมตั้งศูนย์อบรมผู้รับเหมา ให้ความรู้การใช้ผลิตภัณฑ์ หวังดันตลาดอิฐมวลเบารวมโต

คิวคอน เป็นแบรนด์ของอิฐมวลเบาที่เป็นที่รู้จักกันดี ในฐานะที่เป็นเจ้าตลาดที่ครองมาร์เก็ตแชร์เป็นอันดับ1 ถึง 60-70% จากคู่แข่งในตลาดจำนวน 6-7 ราย ทั้งรายใหญ่และรายย่อย สิ่งสำคัญที่ทำให้คิวคอนขึ้นแท่นเป็นผู้นำในตลาดน่าจะมาจากฐานของตลาดที่แข็งแกร่งและกว้างขวางจากการที่เป็นธุรกิจที่ “แลนด์ แอนด์ เฮาส์” เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และมีการกระจายสินค้าให้กับทุกๆโครงการของแลนด์ฯ ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่าโครงการก่อสร้างต่างๆ ของแลนด์ฯ มีจำนวนมากมายเพียงใด อีกทั้งยังส่งให้กับโครงการของบริษัทที่ใกล้ชิดกับแลนด์ฯ ทั้งคิว เฮาส์ และเอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ หรือ เอพี

นอกจากนี้การชูจุดขายคุณสมบัติของอิฐมวลเบาที่ประหยัดพลังงาน และทนไฟ กลายเป็นนวัตกรรมใหม่ที่ตลาดหันมาให้ความสนใจ ยิ่งนานวันยิ่งกินรวบตลาดเก่าอย่างอิฐมอญมากขึ้น เนื่องจากมีคุณสมบัติที่ดีกว่า แต่ปัญหาที่พบ คือ ผู้ใช้งานทั้งช่างรับเหมาก่อสร้าง สถาปนิก วิศวกรยังไม่มีความเข้าใจในการใช้งานผลิตภัณฑ์อย่างเพียงพอ

รวมทั้งต้องแข่งขันกับคู่แข่งมากหน้าหลายตาที่เดินหน้าเข้ามาขอแบ่งส่วนตลาดอยู่อย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปีที่แล้วเป็นปีที่แห่งสงครามราคาที่ผู้ประกอบการอิฐมวลเบายอมเฉือนกำไร แห่ลดราคาเพื่อสร้างยอดขายกันสุดๆ จนเหลือราคา 130-140 บาทต่อ ตร.ม. เท่านั้น ทั้งตัวคิวคอนเอง รวมทั้งผู้ประกอบการอื่น เช่น บมจ. ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี หรือ CCP และ บมจ.ซุปเปอร์บล๊อก เพื่อดึงดูดตลาดให้หันมาใช้งานมากขึ้น

สุนทรมโนกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาดและขาย บมจ.ควอลิตี้คอนสตัคชั่นโปรดักส์ ผู้ผลิตอิฐมวลเบาคิวคอน กล่าวว่า สถานการณ์ตลาดอิฐมวลรวมในปีนี้ค่อนข้างผันผวนไปตามภาวะของตลาดอสังหาริมทรัพย์ โดยในช่วงไตรมาส 3 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เริ่มกระเตื้องขึ้น เนื่องจากตลาดเริ่มชินกันสถานการณ์ต่างๆ จึงเริ่มมีการตัดสินใจลงทุน ปัจจุบันยอดขายไตรมาส 3 ของปีนี้มีการเติบโตขึ้น 40%จากไตรมาส 2 ซึ่งมียอดขาย 1.6 ล้าน ตร.ม. จากเป้ารายได้ทั้งปี 8 ล้าน ตร.ม. หรือ 1,000 ล้านบาท

ยอดการส่งสินค้าในส่วนของเอเยนต์ต่างจังหวัดมีการเติบโตมาก ปัจจุบันมีเอเยนต์ในต่างจังหวัดประมาณ 200 ราย และคาดว่าสิ้นปีจะมีถึง 250-300 ราย คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 200% ส่วนตลาดส่งออกยังมีสัดส่วนไม่มากนักเพียง 3-5% เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งที่สูงขึ้นถึง 100% ทำให้เสียเปรียบคู่แข่งในประเทศอื่นที่อยู่ใกล้เคียงกว่า ขณะนี้อาศัยเพียงการส่งออกไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา เวียดนาม เท่านั้น

ทิศทางการทำตลาดอิฐมวลเบาของคิวคอนต่อจากนี้ กิตติ กล่าวว่า ไม่น่าจะมีสงครามราคาเกิดขึ้นอีก จะมีก็แต่การขึ้นราคา เนื่องจากต้องแบกรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้น โดยคิวคอนจะมีการปรับราคาอีกครั้งในไตรมาส 4 แต่ต้องรอดูคู่แข่งก่อน เพราะไม่ต้องการเสียตลาดหากมีการปรับราคาสูงกว่าคู่แข่ง โดยปัจจุบันราคาขายอยู่ที่ 130 บาท ต่อ ตร.ม. จากที่เคยปรับขึ้นจาก 120 บาท ต่อ ตร.ม. เมื่อต้นปี

ปัจจุบันคิวคอนมีสัดส่วนการส่งสินค้าให้แก่ลูกค้าโครงการและเอเยนต์ 50:50 ทั้งนี้สัดส่วนการทำตลาดในอนาคต จะเลิกขายสินค้ากับลูกค้าโครงการโดยตรง แต่มุ่งไปเจาะตลาดเอเยนต์เพียงอย่างเดียวให้ได้ครอบคลุมทั่วประเทศภายใน 3 ปี เพื่อหันไปเน้นน้ำหนักกับบทบาทของผู้ผลิตมากกว่า และปล่อยให้เอเยนต์ได้เติบโตในการทำตลาดกับลูกค้าโครงการแทน โดยบริษัทฯ จะยังคงสัดส่วนลูกค้าในโครงการแลนด์ แอนด์ เฮาส์ และ เอพี เอาไว้

ในส่วนของความรู้ความเข้าใจในการใช้งานอิฐมวลเบาในกลุ่มผู้ใช้งาน ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ของตลาดนี้ คิวคอนได้เปิดศูนย์ฝึกอบรมความรู้ด้านคอนกรีตมวลเบา “Q-Con Training Center” ขึ้นเป็นแห่งแรกในประเทศไทย ภายในโรงงานที่นิคมอุตสาหกรรมบางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และนิคมอุตสาหกรรมอมตะซิตี้ จ.ระยอง มุ่งเจาะกลุ่มสถาปนิก วิศวกร ผู้รับเหมา เจ้าของโครงการ รวมทั้งช่างรับเหมาที่เป็นผู้ใช้งานโดยตรง เพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องในการใช้งาน หวังเปลี่ยนพฤติกรรมผู้บริโภคในต่างจังหวัดที่ยังคงนิยมใช้อิฐมอญอยู่ให้หันมาใช้อิฐมวลเบามากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้ตลาดรวมอิฐมวลเบาขยายตัวได้อีกมาก


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.