|
ธปท.เตือนเงินไหลเข้าแค่ระยะสั้นแนะส่งออกทำฟอร์เวิร์ดรับบาทผันผวน
ผู้จัดการรายวัน(27 ตุลาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ธปท.ระบุค่าบาทแข็งค่าขึ้นมาจากเงินทุนไหลเข้ามาในตลาดหุ้นและพันธบัตร เชื่อเป็นเพียงระยะสั้น พร้อมเตือนผู้ส่งออกหาวิธีป้องกันความเสี่ยง ด้านกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ แนะผู้ส่งออกทำการขายฟอร์เวิร์ดในช่วงระยะเวลาสั้น เพื่อดูแลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากการปรับตัวของค่าเงิน
นางสุชาดา กิระกุล ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายเศรษฐกิจในประเทศ ซึ่งล่าสุดได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้ช่วยผู้ว่าการ สายนโยบายการเงิน ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) เปิดเผยถึงกรณีที่ค่าเงินบาทในช่วงเช้าได้แข็งค่าสูงสุดอยู่ที่ระดับ 36.98 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ จนเมื่อเปิดตลาดกลับมาแตะที่ระดับ 37.01 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ และช่วงบ่ายกลับมาอ่อนค่ามาอยู่ที่ระดับ 37.22 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐว่า การแข็งค่าของสกุลเงินบาทในขณะนี้เกิดจากนักลงทุนต่างชาตินำเงินเข้ามาลงทุนในประเทศไทยมากขึ้น ทั้งในพันธบัตรและตลาดหุ้น เห็นได้จากดัชนีตลาดหลักทรัพย์ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในส่วนของต่างชาติยังมียอดซื้อสุทธิอยู่
ทั้งนี้ ยอมรับว่าค่าเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นในช่วงนี้ ถือว่าเร็วจนเกินไป อย่างไรก็ตาม แม้เงินที่ไหลเข้าออกส่วนใหญ่จะเป็นเงินลงทุนระยะสั้นในตลาดหุ้นที่เมื่อนักลงทุนมีกำไรในระดับหนึ่งก็อาจจะย้ายเงินทุนเหล่านั้นออกได้ ธปท.ก็จะจับตาดูแลไม่ให้มีเงินไหลเข้าออกแรงจนเกินไป ขณะเดียวกันถือเป็นโอกาสที่ดีที่ผู้นำเข้าควรที่ซื้อดอลลาร์เก็บไว้ และผู้ส่งออกก็ควรมีการป้องกันความเสี่ยงจากค่าเงิน เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาในอนาคตด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ค่าเงินบาทที่แตะระดับ 36 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐในครั้งนี้ นับว่าเงินบาทแข็งค่ามากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2542 เป็นต้นมา และเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลอื่นๆ ที่สำคัญ พบว่า ค่าเงินบาทได้แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ เงินยูโรของสหภาพยุโรป และค่าเงินเยนของญี่ปุ่น
ทั้งนี้ ธปท.ได้รายงานอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 26 ต.ค.ที่ผ่านมา พบว่า ค่าเงินบาทเทียบกับค่าเงินสกุลดอลลาร์สหรัฐอยู่ที่ระดับ 37.01 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่าขึ้นจากวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา 0.3% แต่เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนก.ย. ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 1.38% และหากเทียบกับสิ้นปี 48 ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 10.83%
ขณะที่เมื่อเทียบกับค่าเงินบาทกับค่าเงินสกุลยูโร พบว่า ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 46.7473 บาทต่อยูโร อ่อนค่าขึ้นจากวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาถึง 0.23% และแข็งค่าขึ้น 1.89% เมื่อเทียบกับสิ้นเดือนก่อน แต่เมื่อเทียบกับช่วงสิ้นปี 48 ที่ผ่านมา ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น 4.37% ส่วนค่าเงินบาทเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลเยนของญี่ปุ่น 100 เยน อยู่ที่ 31.15 บาทต่อเยน อ่อนค่าขึ้นจากเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมา 0.05% และแข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก.ย.ที่ 2.20% แต่หากเทียบกับสิ้นปีก่อน แข็งค่าขึ้น 11.4%
ด้านคุณหญิงชฎา วัฒนศิริธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงสถานการณ์การเคลื่อนไหวของค่าเงินบาทที่ปรับตัวแข็งค่าขึ้นจนทะลุระดับ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐว่าแข็งเกินไปในรอบ 7 ปี โดยมีสาเหตุมาจากการที่เงินทุนไหลเข้ามาในประเทศมากขึ้นในช่วงเดือนที่ผ่านมา ประกอบกับมีเงินทุนไหลเข้ามาลงทุนในตลาดหลักทรัพย์มากขึ้น จนส่งผลให้ขณะนี้ผู้ส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นบ้างแต่ก็คงต้องไปดูว่าประเทศคู่แข่งมีค่าเงินเป็นอย่างไร
“ในช่วงเดือนที่ผ่านมาเงินทุนไหลเข้ามาในประเทศมากขึ้น ส่งผลให้ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นตามไปด้วย โดยขณะนี้ผู้ส่งออกเริ่มได้รับผลกระทบบ้างแล้วจากการที่ค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้น” คุณหญิงชฎา กล่าว
ทั้งนี้ในส่วนของธนาคารได้มีการเตือนลูกค้าให้มีการปรับตัวรับการภาวะการณ์ของการปรับตัวของค่าเงินบาท โดยแนะนำให้ผู้ส่งออกควรที่จะมีการทำการขายฟอร์เวิร์ดในช่วงระยะเวลาสั้น เพื่อเป็นการดูแลผลกระทบที่จะเกิดขึ้นจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า อย่างไรก็ตามเชื่อว่าธนาคารแห่งประเทศไทยคงจะดูแลไม่ให้เงินบาทแข็งค่ามากเกินไป
“เชื่อว่าทางการคงมีมาตรการที่จะช่วยไม่ให้ค่าเงินบาทมีความผันผวนเกินไปในแต่ละวัน ซึ่งอาจจะใช้แนวทางการดึงเงินออกจากระบบด้วยวิธีการออกพันธบัตรรัฐบาลหรือตั๋วเงินคลังแต่ขณะเดียวเขาก็คงพยายามไม่ทำอะไรที่ฝืนตลาดมากเกินไป”คุณหญิงชฎา กล่าว
อย่างไรก็ตามการที่ค่าเงินบาทปรับตัวแข็งค่าขึ้นจะกระทบต่อการส่งออกของประเทศหรือการเติบโตทางเศรษฐกิจหรือไม่นั้นคงจะต้องพิจารณาสกุลเงินของประเทศคู่ค้าการส่งออกของไทยด้วยว่ามีทิศทางปรับตัวไปเช่นเดียวกันกับประเทศไทยหรือไม่ โดยหากเปรียบเทียบกับประเทศจีน ซึ่งมีความยืดหยุ่นทางด้านค่าเงินน้อยกว่า และค่าเงินหยวนมีการปรับตัวอ่อนค่าลงไปตามค่าเงินดอลลาร์มากกว่าสกุลเงินบาทก็อาจจะทำให้ประเทศไทยเสียเปรียบประเทศจีนได้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|