|
สรุปลดอายุคุมเหล้าที่20ปีริชมอนเด้ดิ้นไดเร็คเซลล์
ผู้จัดการรายวัน(27 ตุลาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ที่ประชุม 4 กระทรวงเห็นชอบลดอายุผู้มีสิทธิซื้อเหล้าเหลือ 20 ปีบริบูรณ์ จากเดิมกำหนดไว้ 25 ปี ระบุถือเป็นวัยที่บรรลุนิติภาวะแล้ว พร้อมเสนอเก็บภาษีเหล้าบุหรี่ร้อยละ 2 ตั้งเป็นกองทุนอุดหนุนกีฬา คาดเดือนพฤศจิกายนร่าง พ.ร.บ.นี้จะผ่านที่ประชุม ครม.แน่นอน โดยอนุญาตให้ดื่มเหล้าบนเครื่องบินได้ วงการน้ำเมาตีรวน เร่งระดมสมองปรับแผนการตลาดรับมือ "ริชมอนเด้" ประกาศแผนโยกงบ 600 ล้านบาท เลี่ยงใช้แบรนด์ คอร์ปอเรต ส่วนป้ายโฆษณาดีเดย์ปลดภายใน 3 ธ.ค.นี้ ชี้บทลงโทษรุนแรงทั้งคดีอาญาและทางแพ่ง ด้านสมาพันธ์ฯระดมนักกฎหมายตีความแจงวันที่ 26 ตุลาคม นี้
วานนี้(24 ต.ค.) ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมได้เชิญรัฐมนตรีด้านสังคม ได้แก่ นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายไพบูลย์ วัฒนศิริธรรม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายสุวิทย์ ยอดมณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และนายวิจิตร ศรีสะอ้าน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เข้าร่วมประชุมกลุ่มย่อยที่ห้องประชุมเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในประเด็นร่างพระราชบัญญัติควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ.....
นพ.มงคล ณ สงขลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวภายหลังการหารือว่าในประเด็นการจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้ผู้มีอายุเท่าใดจึงจะเหมาะสม ซึ่งร่าง พ.ร.บ.ฯ เดิมกำหนดไว้ 25 ปี โดยมีการเสนออายุที่ 20 ปี 22 ปี 25 ปีบ้าง แต่อายุ 18 ปี นั้นไม่มีใครสนับสนุน สาเหตุที่เสนออายุ 22 ปี เพื่อให้สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีก่อน สุดท้ายที่ประชุมเห็นพ้องต้องกันว่า ควรลดเหลือ 20 ปีตามเกณฑ์การบรรลุนิติภาวะ แต่อย่างไรก็ตาม เรื่องบัตรประจำตัวประชาชน ผู้ขายก็ต้องขอดูอยู่แล้ว เพราะบางคนหน้าอ่อนกว่าอายุจริง
สำหรับรายละเอียดที่จะมีการแก้ไขใน ร่าง พ.ร.บ.ได้ให้กรมควบคุมโรคไปปรับปรุงก่อนนำเสนอเข้า ครม.อีกครั้ง แต่คงไม่ทันในสัปดาห์หน้า แต่คาดว่าในเดือนพฤศจิกายนทุกอย่างคงเรียบร้อย คือ ผ่าน ครม. และเสนอร่างเข้าสู่การพิจารณาของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาคงจะไปล่าช้าในช่วงนั้น
เล็งเก็บภาษีบาปเพิ่ม
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังหารือถึงเงินค่าโฆษณาที่บริษัทเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สนับสนุนปีละกว่า 200 ล้านบาท ซึ่งจากมาตรการคำสั่งของสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา(อย.) ห้ามโฆษณาตลอด 24 ชั่วโมง งบส่วนนี้จะหายไป ที่ประชุมเห็นว่าเงินที่ได้จากบริษัทเหล้าไม่มากและไม่ยั่งยืน จึงเห็นว่าควรแก้ไขด้วยการขอเพิ่มภาษีเหล้าบุหรี่หรือภาษีบาปมาสนับสนุนกีฬาเป็นการเฉพาะโดยหักไว้ 2% ซึ่งจะได้เงินประมาณ 2,000 ล้านบาทต่อปี โดยอาจจะออกเป็นกฎหมายใหม่ หรือแก้ไขกฎหมายเดิมของสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ให้เก็บเพิ่มภาษีอีกร้อยละ 2 เพื่อสนับสนุนการกีฬา ซึ่งเมื่อรวมกับเงินจากภาษีบาปที่เก็บให้ สสส. เพื่อสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ 2% จะต้องเก็บเพิ่มเป็น 4% โดยการแก้ไขกฎหมาย สสส. จะทำได้ง่ายกว่าออกกฎหมายใหม่
“การปรับแก้ไขร่าง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ที่ประชุม ครม.ก็เป็นห่วงว่าจะมีผลบังคับให้ได้ผลจริง ๆ หรือไม่ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะเชิญผู้ประกอบการและทุกฝ่ายมาพูดคุย เพราะการเพิ่มมาตรการใหม่ กระบวนการและวิธีบังคับใช้ให้เป็นกฎหมายมีความละเอียดอ่อน ผู้ประกอบการอาจมีประเด็นมาเสนอให้แก้ไข”นพ.มงคล กล่าวและว่า สถานที่สาธารณะที่จะอนุญาตให้ดื่มนั้นได้มีการพูดถึงการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนเครื่องบิน ซึ่งที่ประชุมเห็นว่าบนเครื่องบินควรอนุญาตให้ดื่มได้ เนื่องจากมีสายการบินระหว่างประเทศ จึงห้ามไม่ได้
ด้านนายไพบูลย์กล่าวว่า กระทรวงฯเห็นว่า สุราเป็นสิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาของสังคมอย่างมาก ทั้งชีวิต ทรัพย์สินและจิตใจ ฉะนั้นความพยายามที่ต้องการให้มีการลดการบริโภคหรือลดจำนวนคนที่บริโภคสุรา ถือเป็นเรื่องที่ดีและจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมโดยรวม อย่างไรก็ตามในการเปลี่ยนแปลงอะไรก็จะต้องคำนึงถึงสถานะความเป็นจริงและให้โอกาสในการปรับตัวตามสมควร
ขณะที่แหล่งข่าวจากที่ประชุมครม. เปิดเผยว่า ที่ประชุมกลุ่มย่อยเห็นด้วยในหลักการของร่าง พ.ร.บ.เพียงแต่มีข้อสังเกตในการนำกฎหมายไปบังคับใช้ รวมถึงวิธีการปฏิบัติว่าจะสามารถใช้ได้จริงหรือไม่ ส่วนในรายละเอียดกระทรวงสาธารณสุข จะพยายามให้ข้อมูลทำความเข้าใจให้ชัดเจนกับ ครม.อีกครั้งในสัปดาห์หน้า ในส่วนของการห้ามจำหน่ายให้ผู้ที่มีอายุไม่ถึง 25 ปีนั้น ที่ประชุมเห็นว่า คงไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เนื่องจากมีข้อมูลในรายละเอียดสนับสนุน
แหล่งข่าว กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ยังไม่มีการนำเสนอต่อ ครม. เพราะมีเวลาน้อย ซึ่งในสัปดาห์หน้า ครม.จะเรียกทุกกระทรวงที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงศึกษาธิการ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เพื่อมาพิจารณาว่าจะสามารถบังคับได้จริงได้หรือไม่
****ริชมอนเด้หัวใส***
นางวิมลวรรณ อุดมพร รองประธานฝ่ายรัฐกิจกฎหมายและนิเทศสัมพันธ์ บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตระกูลจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เปิดเผยถึงนโยบายและทิศทางการตลาด เพื่อรองรับกฎหมายห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมงของกระทรวงสาธารณสุขว่า บริษัทฯจะทำการตลาดในเชิงแบรนด์ คอร์ปอเรต หรือการนำชื่อบริษัท ริชมอนเด้ บางกอก จำกัด มาเป็นตัวกลางในการสื่อสารและสร้างแบรนด์แทนผลิตภัณฑ์แต่ละตัวของบริษัท ได้แก่ วิสกี้ตระกูลจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เบนมอร์ และโกลด์เด้นไนท์ เป็นต้น ทั้งนี้เป็นเพราะแบรนด์ คอร์ปอเรตของบริษัทมีความแข็งแกร่ง และกลุ่มเป้าหมายกว่า 80% รับรู้ว่าเป็นองค์กรที่ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ระดับพรีเมี่ยม ถือว่าเป็นกลยุทธ์อย่างหนึ่งที่บริษัทปรับตัวเพื่อรองรับการมาตรการของภาครัฐที่ห้ามใช้ยี่ห้อหรือโลโก้ในการโฆษณา
"การทำตลาดในเชิงแบรนด์ คอร์ปอเรต เป็นช่องว่างให้ผู้ประกอบการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์สามารถทำได้ ในส่วนของบริษัทที่มียี่ห้อตราสินค้าเดียวกับบริษัท หรือกระทั่งโลโก้ เช่น สิงห์คอร์เปอเรทมาสื่อสารกับผู้บริโภค ในส่วนนี้มองว่าไม่สามารถทำได้ เพราะชื่อบริษัทสื่อถึงยี่ห้อเบียร์ ซึ่งในฐานะผู้ประกอบการรายหนึ่ง จึงหวังว่าภาครัฐจะสร้างกฎหมายออกมาให้มีความชัดเจน และให้เกิดความเท่าเทียมกันของผู้ประกอบการทั้งในประเทศและต่างประเทศ"
สำหรับการทำตลาดในเชิงแบรนด์ คอร์ปอเรตของบริษัทริชมอนเด้ จะเน้นผูกกับกิจกรรมเพื่อสังคมเพิ่มมากขึ้น หลังจากก่อนหน้านี้บริษัทได้ให้ความสำคัญกับงบการทำกิจกรรมสังคม 50% และงบสำหรับการสร้างแบรนด์ 50% เนื่องจากเชื่อว่ากิจกรรมเพื่อสังคมจะช่วยสร้างภาพลักษณ์ให้องค์กร และในระยะยาวจะสะท้อนถึงแบรนด์ของผลิตภัณฑ์ได้ ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทมีโครงการในเชิงแบรนด์ คอร์ปอเรต อาทิ โครงการรักกันเตือนกัน และโครงการฟื้นฟูภาคใต้ในเหตุการณ์สึนามิ โดยใช้งบ 70 ล้านบาทเป็นกิจกรรมต่อเนื่อง 3 ปี เมื่อเทียบกับโครงการสร้างแบรนด์จะมีมากกว่า อาทิ จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ แบล็ก เลเบิ้ล โครงการดื่มไม่ขับ ,เบนมอร์ โครงการคิดก่อนดื่ม และจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เรด เลเบิ้ล โครงการรู้ว่าควรดื่มแค่ไหน จะต้องถูกโยกมาส่วนของแบรนด์ คอร์ปอเรตทั้งหมด
นางวิมลวรรณ กล่าวว่า ปกติงบการตลาดบริษัทใช้ปีละ 600 ล้านบาท แต่บริษัทจะโยกมาในส่วนของการทำแบรนด์ คอร์ปอเรตทั้งหมด จากก่อนหน้านี้งบในส่วนนี้ใช้ราว 50 ล้านบาทเท่านั้น โดยให้ความสำคัญกับงบกิจกรรมเพื่อสังคมมากขึ้น จากเดิมใช้ราว 50 ล้านบาท อย่างไรก็ตามก่อนหน้านี้บริษัทมีแนวทางที่จะไม่ทำกิจกรรมเพื่อสังคม แต่ล่าสุดบริษัทยังคงให้ความสำคัญกับในส่วนดังกล่าวอยู่ ซึ่งปีนี้บริษัทแม่ฉลองครบ 200 ปีได้ใช้งบโครงการรณรงค์ดื่มไม่ขับ 90 ล้านบาท ล่าสุดในส่วนกิจกรรมแบรนด์ คอร์ปอเรต บริษัทได้จับมือร่วมกับกรมน้ำบาดาล จัดทำโครงการน้ำดื่มให้กับพื้นที่ที่ประสบเหตุการณ์สึนามิ โดยจะเสร็จภายในปี 2550 นี้ ขณะเดียวกันบริษัทจะหันมาเน้นการทำตลาด ไดเรกซ์ เซล ส่วนในเรื่องการทำอีเวนต์ คงต้องรอการตีความตามกฎหมายอีกครั้ง ซึ่งในส่วนนี้คงต้องรอกฎหมายที่ชัดเจนและรอให้ตลาดนิ่ง 6-7 เดือนก่อน
**ดีเดย์น้ำเมาปลดป้าย 3 ธ.ค.นี้**
นางวิมลวรรณ กล่าวต่อถึงกรณีป้ายโฆษณาว่า แต่ละบริษัทจะต้องปลดป้ายโฆษณาลงก่อนวันที่ 3 ธันวาคม นี้ เนื่องจากบทลงโทษสำหรับผู้ที่ฝ่าฝืนมีความรุนแรงมากขึ้น จากเดิมเป็นบทลงโทษทางแพ่งหรือปรับเงินอย่างเดียว มาเป็นมีบทลงโทษทั้งแพงและอาญาหรือทั้งจำและปรับ ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เตรียมดำเนินการปลดป้ายโฆษณาลงทั้งหมด โดยบิลบอร์ดทั่วประเทศ 15 ป้าย รถเข็น 1,500 ป้าย และติดตามกันสาดร้านค้า 1,500 ป้าย ซึ่งในส่วนนี้ร้านค้าเป็นผู้ติดเอง 50% ในส่วนของโฆษณาบนตึกใบหยกภายใต้โครงการของ"จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ รณรงค์ดื่มไม่ขับ" ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการพิจารณา หากกฎหมายออกมาในลักษณะนี้ ได้เตรียมปลดป้ายลงเช่นกัน ซึ่งได้เจรจากับเจ้าของตึกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้การปลดป้ายของริชมอนเด้ได้วางให้เสร็จสิ้นภายในวันที่ 30 พฤศจิกายน
สำหรับความเคลื่อนไหวของสมาพันธ์ช่วยภาครัฐลดปัญหาแอลกอฮอล์แห่งชาติ ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างให้นักกฎหมายตีความว่าหมายถึงกรณีไหนบ้าง นอกจากนี้กำลังอยู่ระหว่างการรวบรวมเม็ดเงินที่แต่ละสมาคมฯ อาทิ สมาคมโรงแรม และภัตตาคารไทยสูญเสียรายได้ โดยได้เตรียมจัดแถลงอย่างเป็นทางการวันที่ 6 ตุลาคม นี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|