ริชมอนเด้เลี่ยงบาลี


ผู้จัดการรายวัน(27 ตุลาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ริชมอนเด้ เล็งเลี่ยงบาลีผ่ากฎเหล็กห้ามโฆษณา 24 ชั่วโมง สนใจปั้นเครื่องดื่มแบรนด์เดียวกับน้ำเมา อ้างห้ามจดทะเบียนประเทศไทยผิดต่อระบบการค้าเสรี องค์การการค้าโลก (WTO) ด้าน ”ซาน มิเกล” ยันไม่ผลิตสินค้าแบรนด์เดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ส่วนสมาพันธ์ฯ ดึงนักวิชาการจัดสัมมนา 25 ตุลาคม นี้

นางวิมลวรรณ อุดมพร รองประธานฝ่ายสื่อสารนิเทศสัมพันธ์ บริษัท ริชมอนเด้ (บางกอก) จำกัด ผู้นำเข้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ตระกูลจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ เปิดเผยว่า ขณะนี้พ.ร.บ.ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมง ยังไม่มีความชัดเจนว่าส่วนไหนทำได้หรือทำไม่ได้ อย่างไรก็ตามหากกรณีที่ภาครัฐ ยกเว้นให้เครื่องดื่มเซกเมนต์อื่นนอกเหนือจากแอลกอฮอล์ อาทิ น้ำดื่ม หรือโซดา ฯลฯ สามารถโฆษณาได้ บริษัทก็มีความสนใจที่จะขยายโปรดักส์ไลน์ลงสู่เซกเมนต์อื่นๆ นอกเหนือจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

อย่างไรก็ตาม หากภาครัฐจะพิจารณาถึงเจตนาว่า การเปิดตัวสินค้าใหม่มีวัตถุประสงค์เลี่ยงบาลี เพื่อเอื้อต่อธุรกิจเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ แล้วไม่ให้มีการจดทะเบียนสินค้าใหม่ ในกรณีนี้ถือว่าเป็นการผิดต่อระบบการค้าเสรี ตามแนวทางองค์การการค้าโลก (WTO) ซึ่งเป็นการละเมิดสิทธิเสรีทางการค้าของผู้ประกอบการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หากบริษัทริชมอนเด้เปิดตัวธุรกิจอื่นๆ นอกจากแอลกอฮอล์ อาทิ น้ำดื่ม โซดา ถือว่าประเทศไทยเป็นแห่งแรกของโลก เนื่องจากโครงสร้างบริษัทแม่ดิเอจิโอ จำกัด มหาชน มีแต่เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเดียว แต่หลายเซกเมนต์ ได้แก่ วิสกี้,ไวท์สปิริต ฯลฯ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประเทศไทย ถือว่าเป็นตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก บริษัทริชมอนเด้ จึงต้องให้ความสำคัญกับการทำตลาดประเทศไทยค่อนข้างสูง

**ทบทวนล้มแผนตลาด-โฆษณา**

นางวิมลวรรณ กล่าวว่า สำหรับความเคลื่อนไหวของบริษัทขณะนี้ กำลังอยู่ระหว่างการทบทวนสัญญาการโฆษณาทางสถานี แผนการตลาด กิจกรรมการตลาด การแจกสินค้าพรีเมี่ยม แผ่นพับ ป้ายโฆษณาทุกอย่าง โดยหากอยู่ในแผนที่ยังทำได้หรือก่อนวันที่ 3 ธันวาคม นี้ ก็จะยังคงแผนเดิม แต่หากอยู่หลังจากนี้ไป บริษัทคงต้องยกเลิกสัญญาทั้งหมด ซึ่งขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการสรุปตัวเลขความเสียหายอยู่

สำหรับแคมเปญ"จอห์นนี่ วอล์กเกอร์ คลาสสิก" หรือการดึงนักกอล์ฟมืออาชีพระดับโลกเข้ามาแข่งขัน ที่ จ.ภูเก็ต ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือนมีนาคม มีโอกาสที่จะล้มเลิกสูงในกรณีที่ภาครัฐได้ประกาศแนวทางพ.ร.บ.ห้ามโฆษณาฯ ออกมา เพราะไม่สามารถโฆษณาหรือประชาสัมพันธ์ได้เลย โดยบริษัทแม่อาจจะโยกแคมเปญดังกล่าวมาจัดขึ้น ที่ ประเทศออสเตรเลีย จีน หรือเกาหลี อย่างไรก็ตามสำหรับแคมเปญจอห์นนี่ วอล์กเกอร์ คลาสสิคให้งบลงทุน 2,000 ล้านบาท โดยเป็นแคมเปญที่ใหญ่ที่สุดในเอเชียแปซิฟิค

**ซาน มิเกลยันไม่เลี่ยงบาลี**

ด้านบริษัทซาน มิเกล น้ำเมาจากประเทศฟิลิปปินส์ นางสาวจิราวรรณ อัศวาณิชย์ ผู้อำนวยการฝ่ายการขายและการตลาด กลุ่มเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ บริษัท ซาน มิเกล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แม้ว่านโยบายของบริษัทซานมิเกล จะมีวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนในการดำเนินธุรกิจทั้งในส่วนเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และไม่มีแอลกอฮอล์ อีกทั้งโครงการสร้างธุรกิจหลัก ยังเป็นธุรกิจไม่มีแอลกอฮอล์มากกว่า แต่บริษัทก็ไม่มีแผนที่จะนำแบรนด์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์มาใช้กับสินค้าไม่มีแอลกอฮอล์ เนื่องจากเกรงว่าผู้บริโภคจะสับสน ซึ่งในประเทศฟิลิปปินส์เอง กลุ่มสินค้าไม่มีแอลกอฮอล์ก็ไม่ได้มีการใช้ตราสินค้าเดียวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยแบ่งแยกกันอย่างเด็ดขาด

**ไทยเบฟฯระบุเหล้าขาวเป็นวิถีชีวิตชุมชน**

นายสมชัย สุทธิกุลพาณิช รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท ไทย เบฟเวอเรจ มาร์เก็ตติ้ง จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์ช้าง เหล้าขาว กล่าวว่า กรณีภาครัฐวางแนวทางปรับภาษีเหล้าขาวเพิ่มขึ้น มองว่าจะยิ่งสร้างปัญหาเพิ่มขึ้น เพราะเหล้าขาวเป็นวิถีชีวิตของชุมชน เมื่อเหล้าขาวมีราคาแพง คนก็จะแห่ต้มเหล้าเถื่อนกินเอง ยิ่งทำให้ภาครัฐควบคุมได้ยาก อย่างไรก็ตามหากภาครัฐมีมาตรการอย่างไรมา บริษัทก็พร้อมที่ปฏิบัติตามในทุกกรณี

**สมาพันธ์ฯดึงนักวิชาการยันผลกระทบ**

นายบุญช่วย ทองเจริญพูลพร เลขาธิการสมาพันธ์ช่วยภาครัฐลดปัญหาแอลกอฮอล์ แห่งชาติ กล่าวถึงความเคลื่อนไหวของสมาพันธ์ฯว่า ในวันที่ 25 ตุลาคม นี้ ได้จัดงานสัมมนาหัวข้อ”ห้ามโฆษณา 24 ชั่วโมงหรือควบคุมน้ำเมา” โดยมีร้อยตำรวจตรีเกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ,ดร.เสรี วงศ์มณฑา และดร.ประธาน วัฒนวาณิช อดีตคณะบดีนิติศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ มาร่วมงาน โดยวัตถุประสงค์ของการจัดงาน เพื่อให้ภาครัฐได้ทราบผลเสียของการห้ามโฆษณา 24 ชั่วโมง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจเกี่ยวเนื่องเป็นลูกโซ่ โดยงานดังกล่าวจัดขึ้น ที่ โรงแรม เรดิสัน

พร้อมกันนี้ ยังคงเร่งดำเนินการรวบรวมข้อมูลจากผู้ประกอบการ เพื่อยื่นหนังสือให้กับ 4 กระทรวงที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงศึกษาธิการกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงอุตสาหกรรมและทรัพยากรมนุษย์ให้ทบทวนถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า รวมทั้งยื่นฟ้องต่อสารปกครอง ในประเด็นของการจำกัดเสรีภาพในการสื่อสาร


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.