ประยุทธส่อทิ้งไทยน็อคซ์เจรจาขายต่างชาติ-มูลค่ารวม8พันล.


ผู้จัดการรายวัน(27 ตุลาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

"ประยุทธ มหากิจศิริ" เตรียมทิ้ง "ไทยน็อคซ์ สเตนเลส" ออกทั้งหมด โดยมีนักลงทุนต่างประเทศ 3 รายสนใจเข้าเจรจา แต่ยังไม่มีข้อสรุปเหตุไม่สามารถตกลงราคากันได้ เหตุ "ประยุทธ" ต้องการขายในราคาที่สูงกว่าราคาตลาดมาก โบรกเกอร์ชี้ถ้าเจรจาสำเร็จจะเป็นดีลขายกิจการที่ใหญ่สุดของปีนี้ มูลค่ารวมประมาณ 7-8 พันล้านบาท

แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์เปิดเผยว่า ขณะนี้นายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และยังเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของบริษัท ไทยน็อคซ์ สเตเลส จำกัด(มหาชน)หรือ INOX ซึ่งถือเป็นบริษัทที่เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายสเตเลสที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทยนั้น มีแผนที่จะขายหุ้นที่ถืออยู่ออกมาทั้งหมด โดยพร้อมที่จะเจรจากับผู้ที่สนใจเข้ามาซื้อ ซึ่งปรากฏว่ามีนักลงทุนต่างประเทศซึ่งเป็นผู้ประกอบการเกี่ยวกับเหล็กและอุตสาหกรรมสเตเลส จำนวน 3 รายที่แสดงความสนใจจะเข้ามาซื้อหุ้นทั้งหมด

อย่างไรก็ตามขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุป เนื่องจากมีกระแสข่าวว่านายประยุทธต้องการที่จะขายหุ้นในระดับราคาที่สูงกวาราคาในตลาดหลักทรัพย์เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงยังไม่สามารถตกลงกันได้

"ถ้าประยุทธสามารถตกลงกับนักลงทุนต่างประเทศรายหนึ่งรายใดได้ภายในปีนี้ เชื่อว่าดีลขายหุ้นไทยน็อคซ์จะเป็นดีลที่ใหญ่ที่สุดของปีนี้ได้เช่นกัน เพราะเชื่อว่ามูลค่าการซื้อขายจะอยู่ประมาณ 7-8 พันล้านบาท ซึ่งยังไม่รวมกับที่นักลงทุนต่างประเทศ ซึ่งจะเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และจะต้องทำคำเสนอซื้อหรือเทนเดอร์ออฟเฟอร์จากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือก.ล.ต. ซึ่งถ้านำเงินที่จะต้องนำเงินที่ต้องใช้เทนเดอร์ออฟเฟอร์ด้วย ไปรวมด้วยเชื่อวาจะอยู่ในระดับ 1 หมื่นล้านบาทได้เช่นกัน"แหล่งข่าวกล่าว

ทั้งนี้สาเหตุที่กลุ่มนายประยุทธจะขายหุ้นบริษัทไทยน็อคซ์ สเตเลส เชื่อว่าส่วนหนึ่งเกิดจากการที่เป็นบริษัทขนาดใหญ่ ดังนั้นในช่วงที่ผ่านมานายประยุทธจึงได้นำเงินไปลงทุนเพื่อขยายงานในบริษัทไทยน็อคซ์เป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงอาจจะไม่ต้องการที่จะนำเงินไปลงทุนเพื่อให้เป็นภาระอีกแล้ว จึงตัดสินใจที่จะขายหุ้นออกมาทั้งหมด

นอกจากนี้การที่บริษัทไทยน็อคซ์ สเตเลสเป็นธุรกิจที่ต้องใช้เงินลงทุนเป็นจำนวนมาก ดังนั้นจึงต้องหาพันธมิตรต่างประเทศเข้ามาร่วมทุน หรือไม่ก็ขายหุ้นเพื่อให้นักลงทุนต่างประเทศเข้ามาบริหารแทน เพราะนักลงทุนต่างประเทศ ถือเป็นกลุ่มทุนที่มีเงินลงทุนจำนวนมาก สามารถนำเงินไปขยายกิจการเพื่อที่จะแข่งขันในตลาดโลกได้

ทั้งนี้ โครงสร้างผู้ถือหุ้นบริษัทไทยน็อคซ์ สเตเลส จำกัด(มหาชน) ณ วันที่ 7 เมษายน 2549 ปรากฏว่ากลุ่มนายประยุทธ ถือหุ้นเป็นจำนวนมาก โดยถือทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งประกอบด้วยบริษัท เลควูด แลนด์ จำกัดถือหุ้น 2,349.78 ล้านหุ้นหรือ 29.37% เป็นอันดับ 1 นอกจากนี้ก็มีนายประยุทธ มหากิจศิริ ถือหุ้น 1,936.20 ล้านหุ้นหรือ 24.20%,นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ ถือหุ้น 429 ล้านหุ้นหรือ 5.36% บริษัท เลควูด แลนด์ จำกัด ถือหุ้น 200 ล้านหุ้น หรือ 2.50%,นางสาวอุษณีย์ มหากิจศิริ ถือหุ้น 183.26 ล้านหุ้นหรือ 2.29%,บริษัทเลควูดคันทรี่คลับ จำกัดถือหุ้น 116.58 ล้านหุ้นหรือ 1.46%

อนึ่งในช่วงที่บริษัทไทยน็อคซ์ สเตเลสกระจายหุ้นเสนอขายแก่ประชาชนทั่วไปหรือ IPO ในปี 2547 นั้นปรากฏว่าบริษัทได้ลดจำนวนหุ้นที่เสนอขาย ในส่วนของหุ้นสามัญเดิม ของกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมหรือกลุ่มของนายประยุทธ เนื่องจากไม่พอใจกับราคาไอพีโอ ที่บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและแกนนำในการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายหรือลีดอันเดอร์ไรเตอร์ซึ่งกำหนดราคาที่หุ้นละ 2.10 บาท เพราะทางกลุ่มผู้ถือหุ้นเดิมนั้นต้องการที่จะเสนอขายในราคาหุ้นละ 2.50 บาท ดังนั้นสัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่มนายประยุทธจึงยังถือว่าอยู่ในระดับที่มากอยู่

จากการสอบถามไปยังนายประยุทธ มหากิจศิริ ประธานกรรมการและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัทไทยน็อคซ์ สเตเลส จำกัด(มหาชน)ปรากฏว่าได้รับคำตอบว่ายังไม่สะดวกที่จะให้สัมภาษณ์ เนื่องจากอยู่ระหว่างการประชุมสำหรับราคาหุ้นบริษัทไทยน็อคซ์ สเตเลสวานนี้(26 ต.ค.)ปิดที่ระดับ


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.