|
CMO ลงขัน 75% บริษัทร่วมทุนในกัมพูชากรุยทางสู่เอเชียใต้ขยายตลาดใหม่
ผู้จัดการรายวัน(20 ตุลาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
CMO ตั้งบริษัทร่วมทุนในกัมพูชาถือหุ้น 75% ของทุนจดทะเบียนประมาณ 10 ล้านบาท และจะใช้กระแสเงินสดในการร่วมลงทุน ตามแผนรุกลงทุนในแถบเอเชียใต้และขยายตลาดใหม่เพิ่ม หวังรายได้ปีแรก 30 ล้านบาท คาดเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 20% เผยไตรมาส 3 ผลงานตก เนื่องจากต้นทุนการดำเนินงานเพิ่มจากสัญญาที่รับงาน
นายเสริมคุณ คุณาวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) (CMO) แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการบริษัท ซีเอ็ม ออร์กาไนเซอร์ จำกัด (มหาชน) ครั้งที่ 6/2549 ซึ่งประชุมเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2549 ว่าที่ประชุมได้มีมติในเรื่องสำคัญดังนี้ คือคณะกรรมการได้มีมติเป็นเอกฉันท์อนุมัติให้บริษัทฯ เข้าลงทุนประกอบธุรกิจทางด้านการบริหารการจัดงานแสดงในประเทศกัมพูชา ร่วมกับ Bayon Radio and Television Co., Ltd. ซึ่งเป็นผู้ประกอบการสถานีโทรทัศน์ชั้นนำในประเทศกัมพูชา ซึ่งไม่เป็นบุคคลที่เกี่ยวโยงกันตามคำนิยามของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
การลงทุนดังกล่าวจะใช้เงินลงทุนในวงเงินไม่เกิน 250,000 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 10 ล้านบาท โดยบริษัทฯ ถือหุ้นในสัดส่วน 75% ซึ่งแหล่งเงินทุนที่ใช้ในการลงทุนจะนำมาจากกระแสเงินสดจากการดำเนินงานของบริษัทฯ ทั้งนี้บริษัทฯ คาดว่าการดำเนินการจดทะเบียนจัดตั้งบริษัทในประเทศกัมพูชา จะแล้วเสร็จภายในเดือนธันวาคม 2549 และบริษัทฯ จะแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับทุนจดทะเบียน ทุนเรียกชำระแล้ว คณะกรรมการเหตุผลในการจัดตั้งบริษัท และวัตถุประสงค์ในการดำเนินธุรกิจให้ทราบต่อไป
ทั้งนี้ รายการดังกล่าวไม่เข้าข่ายเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกัน หรือรายการการได้มาหรือจำหน่ายไปซึ่งสินทรัพย์ของบริษัทจดทะเบียน
นายเสริมคุณกล่าวว่า การร่วมทุนดังกล่าวเป็นไปตามแผนการลงทุนของบริษัทที่ศึกษา เนื่องจากมีแผนที่จะขยายธุรกิจการจัดกิจกรรมด้านศิลปะ วัฒนธรรม และบันเทิง รวมถึงการประชุมและสัมมนาระดับนานาชาติไปยังตลาดต่างประเทศแถบภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และการที่ร่วมกับบริษัทในท้องถิ่นเพื่อที่บริษัทจะได้ศึกษาและเรียนรู้วัฒนธรรมของคนท้องถิ่นในประเทศดังกล่าว และถือเป็นรากฐานการลงทุนในต่างประเทศ ก่อนที่จะขยายการลงทุนในแถบเอเชียใต้เพิ่มขึ้นในอนาคตตามแผนงาน 3-5 ปี
โดยการลงทุนในบริษัทใหม่นี้ จะมีความชัดเจนทั้งหมดในเดือนพฤศจิกายนนี้ และคาดว่าในปีแรกรายได้ของบริษัทใหม่นี้จะทำรายได้ประมาณ 30 ล้านบาท และระยะ 3 ปีแรกคาดว่าจะเติบโตปีละไม่ต่ำกว่า 20% ซึ่งบริษัทมองว่ากัมพูชาเป็นประเทศท่องเที่ยวที่นักท่องเที่ยวต่างชาติให้ความสนใจและมักเดินทางไปในประเทศนี้ด้วย โดย CMO จะเน้นงานด้าน Meeting Intensive Convention and Exhibition หรือ MICE เป็นหลัก
การรุกตลาดต่างประเทศนั้น เป็นไปตามแผนงานที่บริษัทได้วางไว้ เนื่องจาก CMO จะรุกด้านตลาดที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาท่องเที่ยวและตลาด หรือ MICE เพื่อช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับบริษัทฯ และเพิ่มฐานลูกค้า ซึ่งก่อนหน้านี้บริษัทฯ ได้มีการรับงานโครงการอังกอ เนชั่นแนลมิวเซียม มูลค่า 60 ล้านบาท ที่ประเทศกัมพูชา โดยงานดังกล่าวถือเป็นโครงการแรกที่รุกไปทำยังต่างประเทศ
ทั้งนี้ บริษัทได้จัดทีมงานเพื่อดูแลด้านต่างประเทศ โดยเฉพาะเพื่อให้เกิดการลงทุนการบริหารต้นทุนให้มีความเสี่ยงน้อยที่สุด และคาดว่าจะมีรายได้จากต่างประเทศเข้ามาอย่างชัดเจน ตั้งแต่ไตรมาส 2 ปีหน้า โครงการที่กัมพูชานี้ถือเป็นโปรเจ็กเริ่มต้นของการทำงานต่างประเทศโดยเราจะหันรุกงานเพิ่มทั้งในส่วนของที่เป็นแขนขา ของอีเว้นท์อื่นซึ่งทำอยู่แล้ว รวมถึงการทำออกาไนเซอร์มืออาชีพ ให้กับท้องถิ่นประเทศนั้นๆ อย่างแท้จริง ซึ่งจากการสำรวจตลาดพบว่าคูแข่งมีไม่มาก
"เราถือหุ้นใหญ่และจะใช้เงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงาน เพื่อร่วมลงทุนครั้งนี้" นายเสริมคุณกล่าว
นายเสริมคุณกล่าวถึงผลงานไตรมาส 3 ปีนี้ว่าแม้ยอดขายโตขึ้น แต่กำไรคงจะลดลง เนื่องจากต้นทุนการบริหารเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากงาน ICT EXPO ที่แม้ว่าจะได้งานนี้ ซึ่งเป็นมูลค่างานที่จะรับรู้ในช่วงครึ่งปีหลัง 50 ล้านบาท แต่จากการที่ต้องเน้นการทำประชาสัมพันธ์มากกว่าปีก่อนที่เสียค่าใช้จ่ายด้านนี้ 20 ล้านบาท ปีนี้เพิ่มเป็น 50 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทต้องมีสูญเสียจากรายการดังกล่าวตามสัญญา TOR
"ต้องยอมรับว่าไตรมาส 3 เราได้รับผลกระทบ แม้งานนี้มีมูลค่าสูง แต่เราก็ต้องจ่ายค่าประชาสัมพันธ์งานตามสัญญาที่ทำไว้ ทำให้เราต้องมีต้นทุนในด้านการบริหารสูงขึ้นกว่าปีก่อน" นายเสริมคุณกล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|