|
ฟิลลิปเฟ้นมือดีนั่งปธ.บลจ.รับตลาดแข่งเดือด
ผู้จัดการรายวัน(20 ตุลาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ผู้บริหาร บล.ฟิลลิป มั่นใจทั้งปี 49 มาร์เก็ตแชร์ตลาดอนุพันธ์เข้าเป้า 8-10% ส่วนปีหน้ามองการแข่งขันดุเดือดขึ้นแต่ก็พยายามรักษาสัดส่วนให้ได้เท่าปีนี้ พร้อมเดินหน้าตั้งบลจ.ให้ทัน 1 ม.ค.50 ขณะนี้เหลือเพียงเลือกเฟ้น CEO ฝีมือดีนั่งเก้าอี้ คาดสิ้นปีนี้ SET Index อยู่ที่ 730-740 จุด แม้ปัจจัยลบคลี่คลาย แต่ยังมีประเด็น SHIN-PTT กดดัน ล่าสุดรุกธุรกิจกองทุนรวม ผุด Phillip Funds Super Mart ตั้งเป้า 1 พันบัญชี ภายใน 1 ปี
นายสุชาย สุทัศน์ธรรมกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดตั้งบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างอาคารสำนักงานและคัดเลือกระบบที่ใช้ในการซื้อขาย ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จ และพร้อมให้สำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้ามาตรวจสอบในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนหรือธันวาคมนี้
ทั้งนี้ ได้มีทีมงานในส่วนของบลจ.เพิ่มเข้ามาอย่างต่อเนื่อง เหลือเพียงประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (CEO) ที่จะเข้ามาดูแลอย่างเป็นทางการ โดยขณะนี้ได้ใช้กรรมการจากต่างประเทศเป็นผู้ดูแลชั่วคราว แต่ก็ยังต้องการได้คนไทยเพื่อเข้ามาบริหาร เนื่องจากช่วยขยายตลาด และทำธุรกรรมร่วมกันได้ดีกว่าซึ่งขณะนี้ได้มีการเจรจาติดต่อไปยังบุคคลที่มีศักยภาพหลายรายเข้ามาดำรงตำแหน่งนี้แต่ก็ยังไม่ได้สรุปอย่างเป็นทางการ
"เรื่องบลจ.คืบหน้าไปมากแล้วเหลือเพียงเรื่องออฟฟิศและคัดเลือกระบบ รวมถึงการหา CEO เข้ามานั่งบริหาร ซึ่งมั่นใจว่าจะเสร็จทันพร้อมดำเนินการอย่างเป็นทางการในวันที่ 1 มกราคม ปีหน้า" นายสุชาย กล่าว
อย่างไรก็ตาม บลจ.ดังกล่าวใช้ชื่อว่า บลจ.ฟิลลิป (ประเทศไทย) มีทุนจดทะเบียนเริ่มต้นที่ 100 ล้านบาท โดยในระยะแรกจะลงทุนในกองทุนรวม อาทิ Fix Income Funds และ Money Market Funds ซึ่งเป็นเทรนที่นักลงทุนให้ความสนใจ โดยในอนาคตอาจมีการโอนกองทุนส่วนบุคคลที่ทางบล.ฟิลลิปมีไลเซ่นส์อยู่แล้วให้ทางบลจ.นี้ดูแลก็เป็นได้
สำหรับในส่วนของตลาดอนุพันธ์ (TFEX) ปัจจุบันมีส่วนแบ่งการตลาด (มาร์เก็ตแชร์) 8-10% ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ก่อนหน้านี้ แต่ปีหน้าจากการมีสถาบันจากต่างประเทศเข้ามาลงทุนในตลาดอนุพันธ์เพิ่มขึ้นอาจมีผลทำให้ส่วนแบ่งทางการตลาดของบริษัทหลักทรัพย์ที่ดำเนินธุรกิจด้านตลาดอนุพันธ์ลดลง ซึ่งรวมถึงบล.ฟิลลิปด้วย เนื่องจากสถาบันต่างประเทศมีปริมาณการซื้อขายเข้ามาก เฉลี่ยประมาณ 3-4 พันสัญญาต่อวัน แต่บล.ฟิลลิปก็จะพยายามรักษามาร์เก็ตแชร์ให้ได้ 8-10%เท่ากับปีนี้
โดยปริมาณการซื้อขายรวมในตลาดอนุพันธ์สิ้นปีนี้น่าจะอยู่ที่ 1 พันสัญญาได้ตามที่ TFEX ตั้งเป้าหมายไว้ โดยเปิดการซื้อขายตั้งแต่ต้นปีปริมาณการซื้อขายจะอยู่ที่ 900 ต่อสัญญาต่อวัน และจากช่วง 1-2เดือนนี้ มีสัญญาเข้ามาเฉลี่ย 1.3-1.5 พันสัญญาต่อวัน ขณะที่ปีหน้า TFEX มีการวางเป้าตลาดอนุพันธ์อยู่ที่ 5 พันสัญญาต่อวัน ซึ่งก็มองว่ามีโอกาสเป็นไปได้ โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปีเนื่องจากมีสถาบันต่างประเทศสนใจเข้ามาลงทุนเพิ่มขึ้น
สำหรับแนวโน้มตลาดหุ้นไทยในปีนี้ นายสุชายกล่าวว่า ภายในสิ้นปีนี้ดัชนีตลาดหลักทรัพย์จะอยู่ที่ 730-740 จุด แม้ปัจจัยลบต่างๆ จะเริ่มคลี่คลาย เช่นสถานการณ์ทางการเมือง การก่อการร้ายในภาคใต้รวมถึงราคา
น้ำมันที่อ่อนตัวลงจะมีผลทำให้แรงซื้อกลับมาแต่ขณะเดียวกันก็อาจมีแรงเทขายทำกำไร ฉุดให้ดัชนีเคลื่อนไหวได้ไม่มาก นอกจากนี้ยังมีประเด็นใหญ่จากการตรวจสอบหุ้นกลุ่มชินคอร์ปฯ และการฟ้องร้องถอดถอน PTT ออกจากตลาดหลักทรัพย์ก็มีส่วนสำคัญกดดันดัชนีในปีนี้
อย่างไรก็ตาม บล.ฟิลลิปยังมีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯแต่คงต้องขอระยะเวลาอีกประมาณ 2 ปีเพื่อสร้างผลประกอบการโดยเฉพาะกำไรสุทธิให้ออกมาอยู่ในเกณฑ์ดีมากกว่านี้
"การเข้าตลาดต้องดูสภาพแวดล้อม และผลประกอบการ ตอนนี้ยังไม่พร้อม เพราะถ้าหากเข้าไปตอนนี้ที่กำไรยังน้อย นักลงทุนอาจจะไม่สนใจซึ่งไม่น่าเห็นภายใน 2 ปีนี้' นายสุชายกล่าว
นายสุชาย กล่าวว่า บล.ฟิลลิปได้เปิดการซื้อขายกองทุนรวมภายใต้ชื่อ Phillip Funds Super Mart เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักลงทุนผ่านกองทุนรวมโดยเฉพาะการเปิดบัญชีเพียงครั้งเดียวก็สามารถซื้อขาย หรือสับเปลี่ยนกองทุนต่างๆ 14 บลจ.กว่า 500 กองทุน ทั้งภายในบลจ.เดียวกันและต่าง บลจ.โดยสามารถส่งคำสั่งการซื้อขายผ่านอินเตอร์เน็ตหรือโทรศัพท์กับเจ้าหน้าที่ได้ทันที โดยได้ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนลูกค้า 1 พันบัญชีและ 1 พันล้านบาทภายใน 1 ปีที่เปิดดำเนินการโดยเน้นกลุ่มเป้าหมายเป็นผู้มีเงินออกอยู่แล้วซึ่งได้เพิ่มช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายอิสระซึ่งเป็นผู้ได้รับอนุญาตจากก.ล.ต.
"เราคาดว่าบริการ Phillip Funds Super Mart น่าจะได้รับการตอบรับจากนักลงทุนเป็นอย่างดีเพราะเป็นการบริหารโดยผู้จัดการกองทุนที่เป็นมืออาชีพ เปรียบเสมือนเป็นทางเลือกที่นักลงทุนซื้อขายได้สะดวกผ่านระบบอินเตอร์เน็ตเหมือนเป็นเลขาส่วนตัวที่ทำธุรกรรมได้ง่ายรวมถึงเป็นการกระจายความเสี่ยงอย่างมีระบบและมีประสิทธิภาพภายใต้วงเงินจำกัดซึ่งมีทางเลือกทั้งกองทุนรวมตราสารหนี้ ตราสารทุนหรือกองทุนรวมผสมแบบยืดหยุ่น รวมไปถึง RMS และ LTF” นายสุชาย กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|