|
“ยูสตาร์”ลุยช่องทางจำหน่ายรีเทล งัดอาวุธป้องสมาชิกสวิตชิ่งแบรนด์
ผู้จัดการรายวัน(13 ตุลาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
ผู้บริหารคนใหม่ของยู สตาร์เครื่องร้อนเดินเกมเชิงรุกหลังเงียบไปนาน เล็งทุ่มงบตลาดไตรมาสแรกปีหน้า 50 ล้านบาท พร้อมขยายฐานลูกค้าสู่กลุ่มอายุ 25 ปีขึ้นไป หลังพบว่ามีรอยัลตี้ต่อแบรนด์สูง เตรียมขยายช่องทางขายสู่รีเทลหรือร้านค้าขนาดใหญ่มากขึ้น คาดสัดส่วนปีหน้าปรับเป็น50% เผยการเมืองและเศรษฐกิจไม่กระทบพร้อมเดินหน้าตามแผนเดิม ล่าสุดผุดโครงการ “ยู สตาร์ ไอดอล ตามล่าหาดาว” เจาะกลุ่มเจเนอเรชั่นเอ็มหรืออายุ18-25ปี หวังสิ้นปีดันสมาชิกเพิ่ม 25% และยอดขายสิ้นปีโต 20%
นางสาวณัฐพัชร์ อัจฉริยะฉาย ผู้จัดการการตลาดอาวุโส บริษัทยู สตาร์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ตนเพิ่งเข้ามารับตำแหน่งดังกล่าวนี้เป็นระยะเวลา 5 เดือนแล้ว โดยแผนการตลาดต่อจากนี้ไปบริษัทฯเตรียมทำในเชิงรุกมากขึ้น หลังจากเงียบไปนาน โดยในปีหน้าบริษัทฯเตรียมอัดงบการตลาดในช่วงไตรมาสแรกมากถึง 50 ล้านบาทในการทำประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อช่องทางต่างๆมากขึ้น โดยเฉพาะช่องทางบีโลว์ เดอะ ไลน์ เป็นต้น รวมถึงการขยายสมาชิกไปสู่กลุ่มใหม่ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ซึ่งมีความจงรักภักดีต่อแบรนด์สูงและมีความจำเป็นในการใช้เครื่องสำอาง
ประกอบกับในปีหน้าบริษัทฯยังมุ่งเน้นขยายช่องทางการจำหน่ายสินค้าในรูปแบบต่างๆมากขึ้น อาทิ ขยายสู่รีเทลหรือแบบค้าปลีก เพื่อให้บริโภคมีโอกาสซื้อสินค้าได้ง่าย รวมถึงขยายร้านค้ายู สตาร์ในรูปแบบชอปใหญ่มากขึ้น ซึ่งแนวคิดร้านอาจจะเป็นแบบพาร์ทเนอร์และเมมเมอร์ ซึ่งกำลังศึกษารายละเอียดอยู่
ทั้งนี้ปัจจุบันชอปของยู สตาร์มีกว่า 100 แห่ง แบ่งเป็นร้านขนาดใหญ่ที่มีการผสมผสานหรือมิกซ์ แอนด์ แมทช์มีสัดส่วน 30% ที่เหลือเป็นของสมาชิก 70% ปีหน้าคาดว่าจะขยายเพิ่มเป็น 300 แห่งและสัดส่วนปรับเป็นสัดส่วน50:50 สำหรับยู สตาร์ที่เป็นของบริษัทฯเองขณะนี้มี 2 แห่ง ได้แก่ ที่แกรมมี่และบริเวณห้างดิโอ สยาม โดยบริษัทฯเล็งเปิดสาขาเพิ่ม อาทิ ที่ประตูน้ำ ฯลฯ
นางสาวณัฐพัชร์ กล่าวด้วยว่า ในส่วนสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการลงทุนของบริษัทยู สตาร์ฯแต่อย่างใด โดยบริษัทฯยังคงเดินหน้าต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้บริษัทฯพุ่งเน้นไปที่การขยายฐานสมาชิกคนรุ่นใหม่หรืออายุ 18-25 ปี (Generation M) เนื่องจากคนกลุ่มนี้มีไลฟ์สไตล์ที่ใส่ใจดูแลตัวเองและมีการซื้อสินค้าขายง่าย นอกจากนี้ยังได้มีการแตกไลน์ผลิตภัณฑ์กลุ่มพรีเมี่ยมหรือซี่รี่ย์ไอดอลเพื่อรองรับกับความต้องการของลูกค้าอีกด้วย
พร้อมกันนี้บริษัทฯยังได้เปิดตัวโครงการ “ยู สตาร์ไอดอล ตามล่าหาดาว” ภายใต้งบการตลาด 2 ล้านบาท โดยได้ร่วมมือกับพันธมิตรหลัก ได้แก่ นิตยสารกอสซิป สตาร์และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ ในการค้นหาคนรุ่นใหม่ได้กล้าแสดงออกและก้าวเข้าสู่วงการบันเทิง
“การทำตลาดที่ผ่านมาของยู สตาร์จะเน้นใช้กลยุทธ์ “Knock Door” และอีโมชั่นนอล มาร์เก็ตติ้งในการทำตลาด เพื่อป้องกันการสวิตชิ่งแบรนด์ของลูกค้า ซึ่งปัจจุบันสมาชิกของยู สตาร์หากรวมยอดสมาชิกออก(รีมูฟ)จะมีประมาณ 2แสนราย แต่หากคิดเป็นยอดแอคทีฟทั้งหมดมีประมาณ 100,000 ราย สิ้นปีนี้คาดหวังว่าจะมีสมาชิกใหม่เพิ่มขึ้น 20-25%”
สำหรับยอดรายได้ในช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมาของปีนี้พบว่ามีอัตราการเติบโตขึ้น 15% ขณะที่ยอดรายได้ทั้งปีคาดการณ์ว่าจะมีอัตราการเติบโตขึ้น20% โดนสัดส่วนยอดขายยู สตาร์แบ่งเป็น 4 กลุ่ม ได้แก่ สกินแคร์ มีสัดส่วนยอดขาย 30% กลุ่มเมคอัพมี 30% กลุ่มเพอร์ซัลนอลแคร์ 20% และน้ำหอม 20%
ขณะที่ภาพรวมของธุรกิจขายตรงปีนี้ยังมองว่ามีอัตราการเติบโตที่ดีอยู่ ถึงแม้ตลาดจะมีปัจจัยลบมากทั้งเศรษฐกิจ การเมืองและภัยธรรมชาติ โดยปัจจุบันนี้ยู สตาร์ถือว่าอยู่อันดับ 3 ในธุรกิจขายตรงชั้นเดียว ต่อจากอันดับ 1 คือ มิสทินและเอวอนอันดับ 2 โดยในสิ้นปีนี้บริษัทฯคาดหวังจะก้าวขึ้นมาอยู่อันดับ 2 แทนเอวอนให้ได้ จากการเปิดตัวแคมเปญยู สตาร์ ไอดอล ตามล่าหาดาว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|