ปัจจัยลบปี49’กระทบตลาดโตไม่คืบ5ส.ตลาดจัดสัมมนารับมือศก.ปีหน้า


ผู้จัดการรายวัน(12 ตุลาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

5สมาคมฟันธงเศรษฐกิจไทยปี49 “การตลาดฯ” เผยปัจจัยลบอื้อกระทบตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคไม่หวือหวา ระบุไตรมาสสุดท้ายตลาดคึกคักขึ้น แห่อัดโปรโมชั่นแทนการเปิดตัวสินค้าใหม่ พร้อมรอดูนโยบายรัฐอีก 2-3 เดือน ด้านตลาดวิจัยไทยปีนี้คาดว่าโต 5-10% ส่วนธุรกิจขายตรงปีนี้อนาคตสดใสโตสวนทางเศรษฐกิจ พร้อมกังวลน้ำท่วมยื้อเยื้อจะทำให้ธุรกิจลำบาก ขณะที่เอเยนซี่งัดโนว์ฮาวใหม่สนองลูกค้า ธุรกิจพีอาร์มีบทบาทมากขึ้นในยุคเศรษฐกิจไม่ดี ผนึกกำลังจัดงานสัมมนารับมือเศรษฐกิจปี 50

นายสมบุญ ประสิทธิ์จูตระกูล นายกสมาคมการตลาดแห่งประเทศ กล่าวว่า สินค้าที่เกี่ยวข้องกับอุปโภคบริโภคในช่วงภาวะเศรษฐกิจดี ก็จะมีการใช้สอยกันเป็นจำนวนมาก ขณะที่ภาพรวมเศรษฐกิจในปีนี้ไม่ค่อยดี โดยคาดว่าปีนี้ตลาดสินค้าอุปโภคบริโภคจะมีอัตราการเติบโตที่5% ซึ่งอาจจะโตมากกว่าจีดีพีเล็กน้อย เนื่องจากตลาดต้องประสบกับปัจจัยลบต่างๆ ตั้งแต่ช่วงต้นปี อาทิ น้ำมันแพงในช่วงเมษายนถึงพฤษภาคม จากนั้นก็เรื่องอัตราดอกเบี้ยปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ผู้บริโภคมีการใช้จ่ายน้อยลง และหันมาใช้จ่ายเฉพาะสินค้าที่จำเป็น ส่วนช่วงเดือนกันยายนต้องประสบกับปัญหาการเมือง

“ภาพรวมตลาดปีนี้ไม่น่าจะหวือหวามากนัก แต่เชื่อว่าอารมณ์การจับจ่ายใช้สอยน่าจะดีขึ้นช่วงปลายปีนี้ เพราะปัจจุบันความไม่แน่นอนทางการเมืองเริ่มนิ่งแล้ว ล่าสุดเดือนนี้อาจสะดุดบ้างเรื่องน้ำท่วม ทำให้การส่งของมีความยากลำบากขึ้น อย่างไรก็ตามก็ยังเชื่อว่าสินค้าอุปโภคบริโภคหรือของจำเป็นคนก็ยังต้องซื้ออยู่”

ขณะที่แนวโน้มตลาดในปีหน้ายังไม่สามารถคาดการณ์ได้ เพราะรัฐบาลใหม่เพิ่งตั้ง คงต้องรอดูว่านโยบายเศรษฐกิจพอเพียงจะนำมาใช้อย่างไร และผู้บริโภคจะมีความมั่นใจมากขึ้นหรือไม่ ตรงนี้คาดว่าคงต้องใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือนถึงจะเห็นภาพชัดเจนขึ้น สำหรับภาพรวมตลาดช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ เชื่อว่าผู้บริโภคจะเน้นการทำโปรโมชันเป็นหลัก เพราะเหลือเวลาเพียง 3 เดือนเท่านั้น ส่วนการเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงนี้มองว่าไม่น่าจะมี เพราะการจะเปิดตัวสินค้าใหม่ๆ นั้นต้องใช้เวลาพอสมควร

**ตลาดวิจัยไทยปีนี้คาดโต 5-10%**

นางดารณี เจริญรัชต์ภาคย์ นายกสมาคมการวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงสถานการณ์ตลาดงานวิจัยในประเทศไทยว่า ในปีที่ผ่านมาตลาดงานวิจัยของไทยมีอัตราการเติบโตที่ 23.2% ซึ่งถือว่าโตเป็นอันดับ2 ในเอเชียแปซิฟิกต่อจากจีนที่โต25% ขณะที่ปีนี้ก็มีการคาดการณ์ว่าตลาดวิจัยไทยจะมีอัตราการเติบโตขึ้น 5-10% ทั้งนี้การที่ตลาดเติบโตเนื่องจากสถานที่ของประเทศไทยเอื้ออำนวยต่องานวิจัยและไทยยังเป็นศูนย์กลางงานวิจัยหลายๆ อย่างหรืองานที่เป็นรีจีนัล โปรเจกส่วนใหญ่ก็ยึดไทยเป็นศูนย์กลาง รวมถึงปัจจุบันลูกค้าให้ความสำคัญกับงานวิจัยมากขึ้น ยิ่งในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีวิกฤตยิ่งทำให้ลูกค้าใช้จ่ายเม็ดเงินอย่างคุ้มค่า โดยที่ไม่ได้ตัดเม็ดเงินการวิจัยลงแต่อย่างใด

**ขายตรงโตสวนทางศก.-ห่วงน้ำท่วมทำธ.แย่**

แพทย์หญิงนลิณี ไพบูลย์ นายกสมาคมการขายตรงไทย เปิดเผยว่า ภาพรวมของธุรกิจขายตรงไทยปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโต 10-15% ซึ่งถือว่าโตสวนกระแสเศรษฐกิจ เนื่องจากมีปัจจัยในด้านต่างๆ อาทิ คนหันมาทำธุรกิจขายตรงเป็นอาชีพเสริมมากขึ้น รวมถึงการที่คนไทยสามารถแยกแยะธุรกิจขายตรงที่ดีและธุรกิจที่แอบแฝงได้แล้ว ส่วนเรื่องปัญหาการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองพบว่าไม่มีผลต่อธุรกิจขายตรงเลย โดยนักธุรกิจขายตรงนั้นมีความเป็นกลางทางการเมือง แต่สิ่งที่เป็นกังวลมากที่สุด คือ เรื่อง ภัยพิบัติทางธรรมชาติ ซึ่งหากยืดเยื้อต่อไปจะเป็นผลลบต่อธุรกิจ เพราะทำให้คนไม่มีอารมณ์จับจ่ายใช้สอย

**เอเยนซี่งัดโนว์ฮาวใหม่สนองลูกค้า**

นายชัยประนิน วิสุทธิผล อดีตนายกสมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า วงการโฆษณาในปีนี้คาดว่าจะมีอัตราการเติบโตเหมือนปีที่แล้วหรือประมาณ 3-5% เนื่องจากปีนี้ไทยต้องประสบกับหลายปัจจัยทั้งเศรษฐกิจและการเมืองที่เพิ่งจะมาชัดเจนขึ้น จากการได้นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชั่วคราวที่เพิ่งมีการแต่งตั้งขึ้น แต่ในแง่การจับจ่ายใช้สอยของลูกค้ามายังเอเยนซี่พบว่ายังมีไม่มากและอยู่ในขั้นชะลอตัว เนื่องจากลูกค้ายังไม่มีความมั่นใจในการลงทุนหรือทำตลาด ดังนั้นสิ่งที่เอเยนซี่ต้องทำ คือ พยายามหาวิธีการหรือโนว์ฮาว และกลยุทธ์ที่สร้างสรรค์มารองรับกับความต้องการของลูกค้าให้มากๆ

พีอาร์มีบทบาทมากขึ้นในยุคศก.ไม่ดี

นายชัยวัฒน์ ศีตะจิตร นายกสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า นโยบายของภาครัฐมาทางเศรษฐกิจพอเพียง ดังนั้นทุกอย่างก็ต้องใช้เรื่องนี้เป็นตัวนำ ซึ่งในสภาวะเศรษฐกิจแบบพอเพียงนี้เอง ทำให้แรงบันดาลใจในวิชาชีพประชาสัมพันธ์ก่อให้เกิดผลดีตามไปด้วย โดยปัจจุบันภาพรวมของวิธีการสื่อสารและประชาสัมพันธ์เริ่มทวีความสำคัญมาก ส่งผลให้ตลาดมีการเติบโตขึ้นทุกปี ขณะที่การทำงานของบริษัทประชาสัมพันธ์ก็หนักขึ้น เนื่องจากต้องศึกษาพฤติกรรมของผู้บริโภคว่าต้องการอะไร

ล่าสุด 5 สมาคมวิชาชีพของไทย ซึ่งประกอบด้วย สมาคมวิจัยการตลาดแห่งประเทศไทย, สมาคมการตลาดแห่งประเทศ,สมาคมโฆษณาธุรกิจแห่งประเทศไทย, สมาคมการขายตรงไทย และสมาคมนักประชาสัมพันธ์แห่งประเทศไทย เตรียมจัดงานสัมมนาครั้งใหญ่ประจำปี “วันห้าสมาคม ปรับเปลี่ยนสู่อนาคต 4” ภายใต้หัวข้อ “INSPIRATION,the unwritten rule of success เพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ในประเทศไทยทั้งจากเรื่องเศรษฐกิจ การเมืองและสังคมที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.