|
เกียตั้งเป้าไทยเป็นศูนย์ผลิตเตรียมส่งรถเล็กลุยปลายปี
ผู้จัดการรายวัน(12 ตุลาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"เกีย" หวังรุกตลาดอาเซียน เล็งตั้งฐานผลิตในไทย ตัวเก็งผงาดเหนือมาเลเซีย-อินโดนีเซีย พร้อมเร่งเจรจา BOI และศึกษาทำเลที่ตั้งในนิคมฯ คาดชี้ชัดปี'07 ขณะที่ตลาดไทยเน้น Asean Car รุกตลาดรถเล็กและรถปิคอัพ ประเดิมปลายปีนี้เปิด 1 รุ่น ราคา 4.9-5.9 แสน
นายบุญฤทธิ์ ผ่องเมฆินทร์ กรรมการบริหาร บริษัท ยนตรกิจ เกีย มอเตอร์ จำกัด เปิดเผยว่า ทางบริษัทเกีย มอเตอร์ คอร์ปอเรชั่น บริษัทแม่ในประเทศเกาหลีใต้ มีนโยบายที่จะรุกตลาดในภาคพื้นเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมีแผนที่จะตั้งฐานการผลิตรถยนต์เกียในภูมิภาคอาเซียน เพื่อจำหน่ายภายในประเทศ และส่งออกรถยนต์ดังกล่าวไปยังประเทศต่างๆ ทั่วภาคพื้นอาเซียน ทั้งนี้ เนื่องจากอัตราภาษีรถยนต์นำเข้าของประเทศในภาคพื้นดังกล่าวมีอัตราสูงกว่าประเทศอื่นๆ ทำให้ราคาจำหน่ายไม่สามารถแข่งขันในตลาดดังกล่าวได้
ขณะนี้ทาง บริษัทเกีย มอเตอร์ฯ ได้ศึกษารายละเอียดการตั้งโรงงานผลิตใน 3 ประเทศหลัก ได้แก่ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และประเทศไทย ซึ่งประเทศไทยถือว่ามีโอกาสสูงกว่าประเทศอื่นๆ เนื่องจากประเทศมาเลเซียมีกฎระเบียบที่ค่อนข้างเข้มงวด และให้สิทธิ์คุ้มครองผู้ผลิตรถยนต์ภายในประเทศเป็นหลัก ขณะที่ประเทศอินโดนีเซียมีแรงงานที่มีศักยภาพและความชำนาญด้อยกว่าประเทศไทย ด้วยเหตุนี้เมื่อ 3-4 เดือน ทางเกีย มอเตอร์ฯ ได้เข้ามาศึกษาเจรจากับ BOI ในเรื่องของสิทธิประโยชน์ในการสนับสนุนด้านการลงทุน พร้อมศึกษาสถานที่ย่านนิคมอุตสาหกรรมเพื่อตั้งโรงงาน รวมถึงการจัดหาซัพพายเออร์ภายในประเทศที่จะสนับสนุนชิ้นส่วนสำหรับการประกอบรถยนต์เกียในประเทศไทยอีกด้วย
การตั้งฐานการผลิตรถยนต์เกียในไทย คาดว่าจะใช้พื้นที่สำหรับการผลิตรถยนต์ 1 ล้านตารางเมตร และเงินลงทุนเป็นจำนวนหลายพันล้านบาท ซึ่งขณะนี้ ยังไม่มีการเจรจากับทาง ยนตรกิจ กรุ๊ป ในเรื่องของการลงทุน และสัดส่วนการร่วมลงทุนแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่มีการสรุปเรื่องโมเดลรถยนต์เกียที่จะนำมาทำตลาดไทยอย่างชัดเจน และรอความชัดเจนด้านนโยบายการสนับสนุนการลงทุนของรัฐบาลชุดใหม่ก่อน อย่างไรก็ตามคาดว่าในปี 2007 น่าจะมีความชัดเจนในเรื่องการลงทุน
ทั้งนี้ เนื่องจากบริษัทแม่ ได้ตั้งเป้าหมายสำหรับปี 2010 ที่จะขึ้นเป็นผู้ผลิตรถยนต์อันดับ 5 ของโลก สำหรับในปีนี้ ฮุนได กรุ๊ป ได้ขึ้นมาเป็นอันดับ 6 และคาดว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้จะสำเร็จลุล่วงอย่างแน่นอน โดยบริษัทแม่ได้ให้ความสำคัญกับการตั้งฐานการผลิตในทวีปต่างๆ เพื่อเจาะตลาดในภาคพื้นนั้นๆ ซึ่งนอกจากจะตั้งโรงงานผลิตรถยนต์แล้ว ยังมีหน่วยงาน Research & Develompent เพื่อศึกษาตลาดรถยนต์และความต้องการของผู้บริโภคในภาคพื้นนั้นๆ อีกด้วย
สำหรับประเทศไทย บริษัทแม่ ให้ความสนใจตลาดรถเก๋งขนาดเล็ก หรือ A-Segment โดยมีนโยบายทำโครงการ Asean Car ซึ่งทำการผลิตรถยนต์ขนาดเล็กสำหรับตลาดภูมิภาคเอเชีย โดยเฉพาะ เน้นรถ Eco-Car เป็นหลัก ในปลายปีนี้ คาดว่าจะมีการนำเข้ารถขนาดเล็กมาจำหน่ายในไทย 1 รุ่น ราคาจำหน่ายน่าจะอยู่ที่ 4.9-5.9 แสนบาท โดยยอดจำหน่ายน่าจะอยู่ที่ 5,000-6,000 คันต่อปี นอกจากนี้ทางบริษัทแม่ยังให้ความสนใจตลาดรถปิคอัพ เนื่องจากเป็นตลาดที่มียอดจำหน่ายสูงในแต่ละปี และเป็นตลาดที่มีเซกเมนต์ที่มีขนาดใหญ่สุดในไทย
ปัจจุบัน ยอดจำหน่ายรถยนต์เกียในช่วงเดือนมกราคม ถึงเดือนสิงหาคม 2006 มียอดจำหน่ายรวมทั้งสิ้น 1,100 คัน หรือเฉลี่ยเดือนละ 150 คัน มีอัตราการเติบโตลดลงเป็นไปในทิศทางเดียวกับตลาดรถยนต์โดยรวม ทั้งนี้เนื่องจากรถยนต์เกียที่นำเข้ามาจำหน่ายในประเทศไทย เป็นตลาดเฉพาะกลุ่ม ซึ่งเป็นขนาดเล็กที่มียอดจำหน่ายในแต่ละปีไม่มากนัก ด้วยเหตุนี้ทางบริษัท ยนตรกิจ เกีย ฯ จึงได้เจรจากับบริษัทแม่ เพื่อนำเข้ารถยนต์ Grand Carnival ซึ่งเป็นรถ Multipurpose Vehicle ขนาด 11 ที่นั่ง ที่มีอรรถประโยชน์สูงสุดสำหรับผู้บริโภค ด้วยราคาจำหน่ายเพียง 1,496,000 บาท สำหรับรุ่น LX และรุ่น EX ในราคา 1,595,000 บาท กับรุ่น EXEX ราคาจำหน่าย 1,694,000 บาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|