"ทหารไทย" ฟื้นกองทุนหุ้นรับอานิสงส์เมกะโปรเจกต์


ผู้จัดการรายวัน(3 ตุลาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

บลจ.ทหารไทยยอมรับอยู่ระหว่างการทบทวนแผนออก “กองทุนอินฟราสตัครเจอร์ฟันด์” มูลค่าโครงการกว่า 1 พันล้านบาท หลังคปค.ยืนยันทุ่มงบลงทุนเมกะโปรเจกต์ คาดปลุกผีหุ้นกลุ่มก่อสร้าง-รับเหมา-ขนส่ง ย้ำต้องจับตาเจบิคในฐานะผู้ให้กู้รายใหญ่ในฐานะผู้ให้กู้ว่าจะปล่อยกู้หรือไม่หลังรัฐประหาร

นางโชติกา สวนานนท์ กรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ทหารไทย จำกัด (มหาชน) (TMBAM) เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ยืนยันสานต่อนโยบายลงทุนในโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจกต์) ของอดีตรัฐบาลรักษาการ เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้บริษัทต้องกลับมาทบทวนโครงการจัดตั้งกองทุนหุ้นที่มีนโยบายลงทุนในหุ้นกลุ่มที่ได้รับผลประโยชน์จากโครงการเมกะโปรเจกต์ ซึ่งก่อนหน้าได้ศึกษาการจัดตั้งกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ โดยมีมูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท

“เรากำลังอยู่ระหว่างการทบทวนแผนการออกกองทุนอินฟราสตรัคเจอร์ฟันด์ใหม่ โดยคาดว่าจะสามารถเปิดตัวได้ภายในต้นปีหน้า เพื่อแน่นอนว่าหากมีการลงทุนเมกะโปรเจกต์ตามแผนจะทำให้หุ้นในกลุ่มที่เกี่ยวข้องได้รับผลประโยชน์” นางโชติกล่าว

อย่างไรก็ตาม ประเด็นที่ต้องติดตามคือ สถาบันการเงินที่ปล่อยกู้เพื่อลงทุนในเมกะโปรเจกต์ ซึ่งเจ้าหนี้รายใหญ่ที่สนใจปล่อยกู้เพื่อลงทุนในเมกะโปรเจกต์คือ เจบิคจะปล่อยกู้หรือไม่ หลังจากที่มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น จากการเข้าทำการรัฐประหารของคปค. เพื่อยึดอำนาจบริหารประเทศจากอดีตรัฐบาลรักษาการ

กรรมการผู้จัดการ บลจ.ทหารไทย กล่าวอีกว่า ในช่วงที่ผ่านมาได้มีการประสานงานกับสถาบันจัดอันดับเครดิต สแตนดาร์ดแอนด์พัวร์ หรือเอสแอนด์พี เพื่อสร้างดัชนีอ้างอิงถึงผลการดำเนินงานของกองทุนอินฟราสตรัครเจอร์ฟันด์ โดยจะมีหุ้นที่เกี่ยวข้องและนำมาคำนวณในดัชนีประกอบด้วย หุ้นในกลุ่มก่อสร้างและวัสดุก่อสร้าง สนามบิน เทเลคอม ปูนซิเมนต์ คอนสตรัคชั่น และกลุ่มขนส่งเป็นต้น

นายณสุ จันทร์สม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายการลงทุนตราสารทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยาเจเอฟ จำกัด กล่าวว่า ในส่วนของบลจ.เอเจเอฟ ปัจจุบันๆ ไม่มีพอร์ตการลงทุนในหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงการเมกะโปรเจกต์ เนื่องจากที่ผ่านมาหุ้นกลุ่มดังกล่าวยังเป็นกลุ่มที่เราเฝ้าระวัง ประกอบกับผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2 ออกมาไม่ค่อยดีนัก โดยเฉพาะกลุ่มผู้รับเหมา

ทั้งนี้ ในการลงทุนจะต้องพิจารณาในแง่ต้นทุนของแต่ละบริษัทประกอบ ดูพื้นฐานของบริษัทนั้นๆ ผลประกอบการและแนวโน้ม ขณะเดียวกันก็ต้องพิจารณาถึงโอกาสการได้งานว่ามีความเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหน และมีฐานะทางการเงินที่มั่นคงเพียงพอหรือไม่

"ถึงแม้จะมีความชัดเจนว่าโครงการเมกะโปรเจกต์จะเดินหน้าต่อไป แต่คงต้องรออีกไกล ซึ่งในส่วนของบริษัทที่ได้ประโยชน์จากโครงการดังกล่าวก็เช่นกัน คงจะยังไม่เห็นชัดเจนทันทีในเรื่องของกำไรที่จะเพิ่มขึ้น"

นายกรวุฒิ ลีนะบรรจง หัวหน้าเจ้าหน้าที่การลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) ยูโอบี (ไทย) กล่าวว่า บริษัทยังไม่มีนโยบายเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มก่อสร้าง หรือหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในเมกะโปรเจกต์ เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาราคาได้ปรับตัวสูง และปัจจุบันมีหุ้นบางตัวที่ราคาสูงกว่าปัจจัยพื้นฐาน

“คงต้องติดตามว่า ท้ายที่สุดแล้วโครงการเมกะโปรเจกต์จะเดินหน้าต่อได้หรือไม่ เพราะในช่วงที่ผ่านมามีข้อจำกัดในเรื่องของแหล่งเงินทุนในการก่อสร้าง ทำให้การดำเนินล่าช้าออกไป” นายกรวุฒิกล่าว

ขณะที่นายศุภกร สุนทรกิจ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) เอ็มเอฟซี จำกัด (มหาชน) ให้ความเห็นในช่วงก่อนหน้านี้ว่า หากโครงการเมกะโปรเจกต์เกิดขึ้นจริง แน่นอนว่าหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนดังกล่าวย่อมได้รับประโยชน์ตามมา แต่ช่วงที่ผ่านมาราคาอาจจะตกไปบ้าง เนื่องจากนักลงทุนยังเป็นห่วงว่าภายหลังจาก คปค.เข้ายึดอำนาจจากรัฐบาลรักษาการ ทำให้โครงการเมกะโปรเจกต์ต้องเลื่อนออกไปอีก

อย่างไรก็ตาม จากความชัดเจนที่ คปค.ออกมายืนยันแล้วว่าจะให้การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์เดินหน้าต่อไป เชื่อว่าจะเป็นเรื่องที่ดี แต่ก็ต้องรอการแต่งตั้งคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะเข้ามาบริหารประเทศต่อจาก คปค. ก่อน ซึ่งในส่วนรายละเอียดของโครงการเองก็ต้องรอดูด้วยว่าจะเดินตามนโยบายเดิมหรือไม่ เช่น โครงการรถไฟฟ้ายังเหลืออยู่กี่สาย หรือจะเดินหน้า 3 สายแรกต่อไปหรือไม่

ทั้งนี้ การที่หุ้นกลุ่มที่ได้ประโยชน์จากโครงการเมกะโปรเจกต์ ทั้งกลุ่มก่อสร้าง ผู้รับเหมา อาจจะมีผลประกอบการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ในช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา แต่เชื่อว่าหุ้นกลุ่มนี้จะดีดรับรายได้ในอนาคตได้ เพราะกว่าจะมีการประมูลงานอย่างจริงจังคงจะใช้เวลาอีกสักพัก อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าราคาหุ้นในกลุ่มนี้ได้ขายรับไปบ้างแล้ว แต่อาจจะปรับขึ้นไม่รุนแรงมากนักถ้าเทียบก่อนเกินการปฏิรูปการปกครอง

"เชื่อว่าตลาดยังรอความชัดเจนของคณะรัฐมนตรีชุดใหม่ที่จะเข้าสานต่อว่าจะดำเนินงานต่อไปอย่างไร หรือจะลงทุนโครงการใดบ้าง ซึ่งคาดว่าในช่วง 2 สัปดาห์ข้างหน้าคงจะมีความชัดเจนมากขึ้น" นายศุภกรกล่าว

สำหรับผลต่อเศรษฐกิจ นายศุภกรกล่าวว่า การลงทุนในโครงการเมกะโปรเจกต์ มีผลดีต่อเศรษฐกิจอยู่แล้ว ซึ่งเห็นได้จากนโยบายของพรรคการเมืองขนาดใหญ่ในช่วงก่อนการปฏิรูปการปกครองที่ผ่านมา ก็นำการลงทุนในรถไฟฟ้าขึ้นมาหาเสียงด้วย

ส่วนพอร์ตการลงทุนของบลจ.เอ็มเอฟซี ก่อนหน้านี้มีการขายหุ้นกลุ่มที่เกี่ยวข้องกับโครงการเมกะโปรเจกต์ออกไปส่วนหนึ่ง เนื่องจากราคาปรับตัวลดลงไป แต่ก็มีการกลับเข้าไปซื้อบ้าง ทั้งนี้ หุ้นกลุ่มดังกล่าวอาจจะมีความผันผวนบ้างแต่ก็คงจะต้องมีอยู่ในพอร์ตการลงทุนบ้าง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.