|
IECโยก"บลิส-เทล"ขายมือถือ
ผู้จัดการรายวัน(29 กันยายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
นางสัณห์จุฑา วิชชาวุธ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท อินเตอร์แนชั่นเนิล เอนจีเนียริง จำกัด (มหาชน) หรือ IEC เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 14/2549 เมื่อวันที่ 27 กันยายน 2549 อนุมัติให้บริษัท ไออีซี โมบาย จำกัด (IEC MOBILE) บริษัทย่อยที่ IEC ถือหุ้นอยู่ในสัดส่วน 100% จำหน่ายสินทรัพย์หลัก ประกอบด้วย สินทรัพย์ถาวรที่ใช้ในการประกอบกิจการค้าปลีกโทรศัพท์เคลื่อนที่ให้แก่บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS มูลค่ารวม 211.50 ล้านบาท
ทั้งนี้ บลิส-เทล ในฐานะผู้ซื้อจะชำระมูลค่าสินทรัพย์ด้วยหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบลิส-เทล จำนวน 47 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท รวม 211.50 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นรายการที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศตลาดหลักทรัพย์ฯ โดย IEC เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่บลิส-เทล จำนวน 56 ล้านหุ้น คิดเป็นสัดส่วน 24.35% ของทุนจดทะเบียนที่จำหน่ายแล้วทั้งหมด
สำหรับหุ้นบลิส-เทล ที่ได้มาจำนวน 47 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (ราคาพาร์) หุ้นละ 1 บาท มูลค่าทางบัญชีหุ้นละ 2.43 บาท ขณะที่ราคาประเมินจากบริษัทหลักทรัพย์ ซีมิโก้ จำกัด (มหาชน) อยู่ที่หุ้นละ 5.09 บาท และจากการได้หุ้นมาครั้งนี้ ส่งผลให้สัดส่วนการถือหุ้นของกลุ่ม IEC ในบลิส-เทล เพิ่มขึ้นจาก 24.35% เป็น 37.18% ของทุนจดทะเบียนที่ชำระแล้ว ซึ่งเข้าเกณฑ์จะต้องทำคำเสนอซื้อหุ้นของบริษัทตามระเบียนของสำนักงาน ก.ล.ต. ที่บริษัทจะต้องดำเนินการต่อไป
ส่วนวัตถุประสงค์ของการขายสินทรัพย์ไออีซี โมบายครั้งนี้ เป็นการปรับโครงสร้างการดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามนโยบายเกี่ยวกับธุรกิจค้าส่ง และค้าปลีกโทรศัพท์เคลื่อนที่ภายในกลุ่มบริษัท จึงแยกธุรกิจด้านค้าปลีกไปรวมอยู่กับบลิส-เทล ซึ่งเป็นบริษัทร่วม โดยคาดว่าจะทำให้ผลประกอบการโดยรวมดีขึ้นในอนาคต
ด้านนายอรรถวิชญ์ เอกธนิตพงษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท บลิส-เทล จำกัด (มหาชน) หรือ BLISS กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 8/2549 อนุมัติให้บริษัทเพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 299 ล้านบาท เป็น 800 ล้านบาท ด้วยการออกหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 501 ล้านหุ้น ราคาพาร์หุ้นละ 1 บาท รวม 501 ล้านบาท โดยแบ่งจัดสรรออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรกจำนวน 47 ล้านหุ้น จัดสรรให้แก่บริษัท ไออีซี โมบาย จำกัด ในราคาหุ้นละ 4.50 บาท รวมเป็นเงิน 211.50 ล้านบาท เพื่อชำระค่าซื้อทรัพย์สินของไออีซี โมบาย
ส่วนที่สอง จำนวน 454 ล้านหุ้น เสนอขายให้แก่บุคคลในวงจำกัด ผู้ลงทุนสถาบัน ผู้ลงทุนที่มีลักษณะเฉพาะ โดยราคาเสนอขายอิงกับราคาปิดถัวเฉลี่ยถ่วงน้ำหนักของหุ้นที่มีการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เป็นเวลา 14 วันทำการ แต่ราคาเสนอขายจะต้องไม่ต่ำกว่าร้อยละ 90 ของราคาตลาด และต้องดำเนินการเสนอขายให้แล้วเสร็จภายใน 12 เดือน นับจากวันที่ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2549
สำหรับผลประโยชน์ที่บลิส-เทล จะได้รับจากการดำเนินการในครั้งนี้ นายอรรถวิชญ์ กล่าวว่า บลิส-เทล คาดว่า ไออีซี โมบายจะช่วยสนับสนุนธุรกิจและช่องทางการจัดจำหน่ายให้ทั่วถึงมากยิ่งขึ้น เพิ่มศักยภาพการแข่งขันในตลาดโทรศัพท์เคลื่อนที่ ขณะที่ต้นทุนสินค้าจะลดลงจากการสั่งซื้อสินค้าในปริมาณที่เพิ่มขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทมีผลประกอบการทางการเงินที่ดีขึ้น
อย่างไรก็ตาม บลิส-เทล จะนำเสนอเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติอีกครั้ง โดยกำหนดประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2549 ในวันที่ 15 พฤศจิกายน 2549 และกำหนดปิดสมุดทะเบียนพักการโอนหุ้นเพื่อสิทธิในการเข้าร่วมประชุมตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2549 เป็นต้นไป
บริษัท ไออีซี โมบาย จำกัด ดำเนินธุรกิจจำหน่ายอุปกรณ์สื่อสารโทรคมนาคมประเภทโทรศัพท์เคลื่อนที่ ซิมการ์ด (SIM Card) บัตรเติมเงิน รวมทั้งอุปกรณ์เสริมเพื่อใช้กับโทรศัพท์เคลื่อนที่ ในรูปแบบการขายปลีกผ่านร้านของบริษัทตามศูนย์การค้าต่างๆ เคาน์เตอร์จำหน่ายในห้างสรรพสินค้า ทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท มูลค่าทางบัญชีของสินทรัพย์ 10.51 ล้านบาท (ณ 30 มิ.ย. 2549)
ส่วนผลการดำเนินงานไออีซี โมบาย ล่าสุด สิ้นสุด ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2549 บริษัทมีรายได้รวม 914.26 ล้านบาท ค่าใช้จ่ายรวม 967.49 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 53.39 ล้านบาท สินทรัพย์รวม 507.40 ล้านบาท หนี้สินรวม 541.85 ล้านบาท ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ 34.45 ล้านบาท
ไออีซีรุกธุรกิจพลังงานในกัมพูชา
นอกจากนี้ IEC ได้แจ้งเพิ่มเติมว่า คณะกรรมการบริษัทได้อนุมัติให้ร่วมลงทุนในบริษัท คริสตัล อะโกร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนจัดตั้งในประเทศกัมพูชา โดยจะเข้าซื้อหุ้นสามัญจากนายสุวิทย์ วิชชาวุธ มูลค่าประมาณ 20 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนการถือหุ้น 50% ของทุนจดทะเบียน ซึ่งจะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือนพฤศจิกายน 2549 นี้
บริษัท คริสตัล อะโกร จำกัด ดำเนินธุรกิจเพาะปลูกพืชเพื่อใช้เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตพลังงานทดแทน และประกอบธุรกิจอุตสาหกรรมการเกษตร ภายใต้สิทธิสัมปทานที่ได้รับจากรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา โดยมีอายุสัมปทาน 70 ปี ทุนจดทะเบียน 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 40 ล้านบาท หรือ 4,000 ล้านเหรียญ) มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 1,000 เหรียญสหรัฐ (ประมาณ 40,000 บาท)
โดยบริษัทคาดว่าจะสามารถขยายการดำเนินธุรกิจการเกษตรเพื่อผลิตพลังงานทดแทน ซึ่งเป็นไปตามนโยบาย และแผนการลงทุนด้านพลังงาน และอุตสาหกรรมแปรรูปสินค้าเกษตรที่จะช่วยผลักดันผลประกอบการของกลุ่มบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่องได้ในอนาคต ขณะเดียวกันยังเป็นการป้องกันความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจจากปัจจุบันธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ที่มีการแข่งขันสูง
ด้านความเคลื่อนไหวหุ้นล่าสุด วานนี้ (28 ก.ย.) ราคาหุ้นทั้ง 2 บริษัทปรับตัวลดลงจากวันก่อน โดย IEC มีราคาซื้อขายสูงสุดที่ 1.81 บาท และปิดต่ำสุดที่ 1.67 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.10 บาท หรือ 5.65% มูลค่าการซื้อขาย 211.01 ล้านบาท ขณะที่ BLISS ราคาสูงสุดที่ 4.22 บาท ต่ำสุด 3.60 บาท ก่อนจะปิดที่ 3.74 บาท ลดลงจากวันก่อน 0.46 บาท หรือ 10.95% มูลค่าการซื้อขายรวม 18.85 ล้านบาท
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|