|

สหภาพฯ พิลึกขอ"มิ่งขวัญ"คืน - หุ้นรูด 26.25%
ผู้จัดการรายวัน(28 กันยายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
หุ้น MCOT ราคาดำดิ่ง 11.94% ขานรับ"มิ่งขวัญ"พร้อมบอร์ดไขก๊อกลาออก พบราคาหุ้น 5 วันทำการไหลรูดแล้ว 26.25% โบรกเกอร์ "เคจีไอ-นครหลวงไทย"ปรับประมาณการผลประกอบการปีหน้าใหม่ ขณะที่โบรกเกอร์บางรายแนะเลี่ยงลงทุนรอเปิดตัวทีมผู้บริหารชุดใหม่ พบการซื้อขายบิ๊กล๊อต 5 แสนหุ้น มูลค่ารวม 15 ล้านบาท ด้านสหภาพแรงงานฯ อสมท. เร่งประชุมด่วน กรณี ผู้บริหารลาออกยกบอร์ด เอ่ยปากเสียดาย มิ่งขวัญ ล่ารายชื่อได้กว่า 200 ชีวิต เตรียมส่งมอบให้สหภาพแรงงานฯ ยื่นต่อ กระทรวงการคลัง
วานนี้(27 ก.ย.) ราคาหุ้นของบริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) หรือ MCOT ปรับตัวลดลงอย่างแรงและมีมูลค่าการซื้อขายหนาแน่นมาก ภายหลังการประกาศลาออกของคณะกรรมการบริษัทและนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ โดยราคาเปิดอยู่ที่ 30.25 บาทลดลง 3.25 บาทหรือ 9.70% ต่อมาได้มีแรงเทขายออกมา ทำให้ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมาต่ำสุดที่ 29.00 บาท ก่อนจะกระเตื้องขึ้นและมาปิดที่ระดับ 29.50 บาท ลดลง 4.00 บาท หรือ 11.94% มูลค่าการซื้อขาย 1,383.41 ล้านบาท โดยเป็นหุ้นที่มีมูลค่าการซื้อขายสูงเป็นอันดับ 2
นอกจากนี้ได้มีการซื้อขายรายการใหญ่หรือบิ๊กล็อตในหุ้น MCOT.จำนวน 1 รายการ 5 แสนหุ้นราคาเฉลี่ย 30 บาท มูลค่ารวม 15 ล้านบาท
การปรับตัวลดลงของราคาหุ้น MCOT วานนี้ถือว่าเป็นการปรับตัวลดลงเป็นวันที่ 5 ติดต่อกัน โดยหากเปรียบเทียบกับราคาปิดในวันที่ 19 ก.ย. ก่อนที่คณะปฎิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข(คปค.) ยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ซึ่งราคาปิดที่ 40.00 บาท ปรับตัวลดลงแล้วถึง 10.50 บาทหรือ 26.25%
นางสาวจิตติมา อังสุวรังษี ผู้ช่วยกรมการผู้จัดการสายที่ปรึกษาการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์ ฟาร์อีสท์ กล่าวว่า การปรับตัวลดลงของราคาหุ้นเป็นเพราะการประกาศลาออกของนายมิ่งขวัญ เนื่องจากที่ผ่านมาผลการดำเนินงานของอสมท ที่ปรับตัวดีขึ้นจากผลงานของนายมิ่งขวัญ ซึ่งในระยะสั้นราคาหุ้นอาจจะปรับตัวลดลงได้อีก เนื่องจากอัตราค่าโฆษณารวมถึงงบประมาณในการโฆษณาของภาครัฐอาจจะเปลี่ยนแปลงไป
ทั้งนี้ บริษัทแนะนำให้หลีกลี่ยงการลงทุนในหุ้นMCOT จนกว่าจะมีการจัดตั้งทีมผู้บริหารและคณะกรรมการชุดใหม่อย่างชัดเจนก่อน
บทวิเคราะห์บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัดระบุว่า ที่ผ่านมานายมิ่งขวัญเป็นผู้ที่ปรับปรุงรายการของสถานีโทรทัศน์ช่อง 9 จากรายการที่ไม่เป็นที่สนใจ มาเป็นรายการในลักษณะสื่อความรู้ (edutainment concept) คือ Modernine TV ซึ่งทำให้ส่วนแบ่งผู้ชมเพิ่มตลอดมา คาดว่าเมื่อนายมิ่งขวัญพ้นจากตำแหน่ง จะทำให้รายได้จากการโฆษณาลดลงราว 10%
บริษัทคาดว่าการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวน่าจะมีผลกระทบต่อผลประกอบการของบริษัทอสมท ตั้งแต่ปี 2550 เป็นต้นไปราว 20% บริษัทจึงแนะนำ “ขาย” หุ้นMCOT โดยมีราคาเป้าหมายที่ 32 บาท
บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นMCOT ว่า จากการลาออกของนายมิ่งขวัญ และผลกระทบจากเรื่องการเมืองและความไม่แน่นอนต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของบริษัทอสมท ดังนั้นจึงจะมีการทบทวนประมาณการใหม่ทั้งหมด
ทั้งนี้นายมิ่งขวัญถือเป็นคนที่ผลักดันให้อสมทประสบความสำเร็จในการแปรสภาพโทรทัศน์ของรัฐวิสาหกิจไปสู่การเป็นบริษัทที่มีผลกำไรและมีอัตราการเติบโตที่ดี ซึ่งการลาออกจะเป็นจุดเปลี่ยนในปัจจัยพื้นฐานและมีผลต่อกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจ อย่างไรก็ตามในระยะยาวมองว่าไม่มีผลกับบริษัทมากนัก เนื่องจากบริษัทอสมทถือว่ามีพื้นฐานที่แข็งแกร่ง แม้การลาออกของนายมิ่งขวัญจะส่งผลลบในระยะสั้น แต่ในระยะยาวแล้วคนที่จะมารับตำแหน่งน่าจะยังคงดำเนินนโยบายเดิมต่อไป ทำให้ไม่มีผลกระทบในระยะยาว
นักวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.นครหลวงไทย กล่าวว่า อยู่ระหว่างการปรับประมาณการปี 50 หลังจากที่จะมีการเข้าพบกับผู้บริหารใหม่ ส่วนผลประกอบการของบริษัทอสมทในปี 2549 คาดว่าจะไม่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงผู้บริหาร โดยยังคงคาดว่ารายได้รวมจะเติบโตสูง ซึ่งเป็นผลจากรายได้ค่าโฆษณารวมที่สูงขึ้นประมาณ 30% เนื่องจากเรตติ้งของรายการโทรทัศน์ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น การปรับขึ้นค่าโฆษณาของรายการที่ได้รับความนิยมสูงและธุรกิจวิทยุที่รับรู้ผลของการเริ่มดำเนินการเองแทนการปล่อย เช่าเต็มปี ทำให้กำไรสุทธิในปี 2549 คาดว่าจะเติบโตกว่า 33% จากปีก่อน เป็น1,464 ล้านบาท
**สหภาพฯเชลียร์ขอมิ่งขวัญคืน
นายพัชระ สารพิมพา ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ บมจ. อสมท เปิดเผยว่า วานนี้ (27 ก.ย.) สหภาพฯได้มีการจัดประชุมด่วน ภายหลังจากที่ นายมิ่งขวัญและคณะกรรมการในบอร์ดได้แสดงความรับผิดชอบในเหตุการณ์วันที่ 19 ก.ย. ที่ผ่านมา ด้วยการลาออกจากบอร์ดยกชุดนั้น ส่วนนายมิ่งขวัญก็ได้ลาออกจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ด้วย ทำให้ขณะนี้เกิดสุญญากาศขึ้นภายในองค์กรเหลือเพียงบอร์ดรักษาการเท่านั้น โดยจะทำหน้าที่พิจารณาดำเนินงานต่างๆที่สำคัญเท่านั้น
ในที่ประชุมของสหภาพฯมีมติว่าเสียดาย ผอ.มิ่งขวัญ และคณะกรรมการบอร์ดชุดนี้ที่ลาออกไป โดยขอชื่นชมในการแสดงความรับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้
“ที่ผ่านมา ผอ.มิ่งขวัญ ได้ทำประโยชน์ให้แก่องค์กรเป็นอย่างมาก ทั้งช่วยปรับภาพลักษณ์เดิมขององค์กรสู่มิติใหม่ในความเป็นสังคมอุดมปัญญา เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้มากยิ่งขึ้น อีกทั้งที่ผ่านมาผอ.มิ่งขวัญได้ทำงานเต็มความสามารถและไม่เคยมีเรื่องการทุจริตเข้ามาแต่อย่างไร”
อย่างไรก็ตามปัญหาที่เกิดขึ้นในคืนวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมานั้น จนถึงขณะนี้ สหภาพฯ ยังไม่ได้รับรายงาน หรือมีการสอบถามผอ. มิ่งขวัญแต่อย่างไร เนื่องจากโดยปกติ จะมีการสอบถามกันในที่ประชุมกิจการสัมพันธ์ที่จะจัดขึ้น 1 ครั้งทุกๆเดือน แต่ยังไม่ถึงวาระการประชุม ผอ.มิ่งขวัญ และคณะกรรมการบอร์ด ก็ได้แสดงความรับผิดชอบโดยการลาออกไปก่อน ดังนั้นจึงมองว่า เวลานี้จึงไม่มีความจำเป็นใดที่จะต้องรู้ว่า ในวันนั้น เกิดอะไรขึ้นบ้าง
ในส่วนของผู้บริหารคนใหม่ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งแทนนั้น สหภาพฯและพนักงาน อสมท. ได้เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจในการพิจารณาคนที่จะมาเป็นผู้บริหาร อสมท. คนใหม่ด้วยว่า ต้องการให้พิจารณา นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ ด้วย เพราะเชื่อว่าจะเป็นประโยชน์แก่องค์กรเป็นอย่างมาก ขณะที่หากมีผู้อื่นที่คาดว่าจะสามารถทำหน้าที่ในตำแหน่งดังกล่าวได้ สหภาพฯ อยากให้นำคุณสมบัติของนายมิ่งขวัญไปเปรียบเทียบด้วย อีกทั้งผู้นั้นควรจะมีคุณสมบัติที่ดีพร้อม โดยเฉพาะในเรื่องของความสามารถ และมีความซื่อสัตย์ สุจริตเป็นสำคัญ
อย่างไรก็ตามมีกระแสข่าวออกมาว่า มีรายชื่อผู้ที่จะเข้ามาดำรงตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ อสมท. คนใหม่ ประมาณ 2-3 ราย โดยเป็นผู้ที่เคยดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการ อสมท. มาก่อนแล้ว รวมถึงผู้ที่เคยสมัครเข้ามาในตำแหน่งดังกล่าวในครั้งที่ผ่านๆมาด้วย แต่ยังไม่มีความชัดเจนแต่อย่างไร
**ล่ารายชื่อเตรียมส่งมอบ ก.คลัง
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นครั้งนี้ ได้มีกลุ่มพนักงาน อสมท. รวมตัวกันลงชื่อเป็นจำนวนกว่า 200 -300 รายชื่อ ทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด จากจำนวนพนักงาน อสมท. ทั้งหมดประมาณ 1,200 คนนั้น เพื่อต้องการให้นายมิ่งขวัญกลับมาดำรงตำแหน่งเดิมอีกครั้ง มายังสหภาพฯ เพื่อเป็นตัวกลางในการส่งมอบให้แก่กระทรวงการคลัง ในฐานะที่เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ อสมท. ได้รับรู้ถึงความรู้สึกของพนักงานที่มีความชื่นชมการทำงานของนายมิ่งขวัญ อีกทั้งเพื่อให้พิจารณา การลาออกของ ผอ. มิ่งขวัญ และคณะบอร์ดอีกทางหนึ่งด้วย
นายพัชระ กล่าวต่อว่ามิได้มีเจตนาในการรวมกลุ่มเรียกร้อง หรือเคลื่อนไหวแต่อย่างไร เนื่องจากสถานการณ์บ้านเมืองในขณะนี้กำลังต้องการความสงบเรียบร้อยมากที่สุด แต่ที่ได้เร่งประชุมกันนั้น เพื่อต้องการให้ผู้มีอำนาจได้รับรู้ถึงความต้องการของพนักงาน อสมท. เท่านั้นเอง
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตุกันว่า การออกมาเรียกร้องครั้งนี้ มีความเป็นไปได้ว่า มีกลุ่มผู้สูญเสียผลประโยชน์ในอสมท ไม่ว่าจะเป็นพนักงาน หรือคนในสหภาพฯ เช่น เรื่องของการถือหุ้น เพราะนับตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ดังกล่าว ราคาหุ้นของ อสมท ได้ปรับลดลงมาตลอดเวลา ทำให้ผู้ที่ถือหุ้นอยู่นั้นต้องสูญเสียผลประโยชน์ไป และต้องยอมรับว่า ภาพลักษณ์ของตัวนายมิ่งขวัญเองนั้น ผูกติดกับอสมทมากพอสมควร เมื่อลาออกไปคนก็กลัวว่า อสมท จะเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|