|
TIES คาดทรดวันแรกได้รับการตอบรับดีเตรียมประมูลงาน 2 พันล้าน รู้ผล 1 พ.ย.นี้
ผู้จัดการรายวัน(27 กันยายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
TIES เชื่อเทรดวันแรก 28 ก.ย.นี้ น่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากนักลงทุน ส่วนราคาเทรดวันแรกประเมินยาก ขณะที่ปัญหาการเมืองคลี่คลายจะส่งผลดี มั่นใจพื้นฐานแกร่ง เผยเตรียมประมูลใหม่สร้างโรงงานมูลค่า 2 พันล้านบาท ฟุ้งมีโอกาสลุ้นสูง คาดรู้ผล 1 พ.ย.นี้ ส่วนครึ่งปีหลังเข้าร่วมประมูลอีก 4 โครงการ วงเงิน 900 ล้านบาท คาดได้งาน 30% ขณะที่ปีนี้รายได้โต 20%
นายอัศวิน ชินกำธรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทไทยบริการอุตสาหกรรมและวิศวกรรม จำกัด (มหาชน) (TIES) กล่าวว่าบริษัทจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ mai วันที่ 28 กันยายนนี้ หลังจากเลื่อนจากเดิมคือวันที่ 22 กันยายน เนื่องจากเกิดการปฏิรูปทางการเมือง ซึ่งผู้บริหารมั่นใจว่าการเข้าเทรดวันแรกน่าจะได้รับการต้อนรับที่ดีจากนักลงทุน
"ผมเชื่อว่าการเมืองมีความชัดเจนมากขึ้น และผลทางการเมืองที่เกิดขึ้นจะไม่ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของบริษัทนัก เนื่องจากบริษัทเน้นการลงทุนภาคการผลิต และการเมืองแม้ว่าจะทำให้เศรษฐกิจต้องถอยบ้างเล็กน้อย แต่เทียบกับการเติบโตที่ดีหลังการเมืองมีทิศทางที่แน่นนอน น่าจะคุ้มกว่า" นายอัศวินกล่าว
ก่อนหน้านี้บริษัทได้ขายหุ้นหลังจากกำหนดวันเลือกตั้งแน่นอน และนักลงทุนที่ซื้อหุ้นจองไปแล้วคงรู้สึกไม่ดีหากต้องเลื่อนกำหนดการเข้าซื้อขายออกไปนานเกินไป ซึ่งเชื่อว่าการเข้าซื้อขายในเดือนนี้น่าจะเป็นโอกาสที่ดีแล้ว พร้อมกับมั่นใจว่าเศรษฐกิจไทยโดยรวมน่าจะเติบโตได้ต่อเนื่องหลังจากนี้
"ราคาหุ้น TIES ที่จะทำการซื้อขายวันแรกในคงพูดยากว่าราคาหุ้นจะยืนเหนือจองได้หรือไม่ เพราะบริษัทต้องรอดูสถานการณ์ต่าง ๆ รอบด้าน ซึ่งบริษัทคงเปิดโอกาสให้นักลงทุนเป็นผู้ตัดสินใจ แต่บริษัทก็มั่นใจในเรื่องของพื้นฐานของบริษัทว่ามีความแข็งแกร่ง" นายอัศวินกล่าว
โดย TIES กระจาย 35 ล้านหุ้น แบ่งเป็นนักลงทุนบุคคลทั่วไป 55%, นักลงทุนสถาบัน 30% และผู้มีอุปการะคุณ 15% ซึ่งในส่วนของนักลงทุนสถาบันนั้น เป็นผลจากที่สถาบันหันมาลงทุนหุ้นตัวเล็กที่มีผลการดำเนินงานเติบโตและปันผลดี แทนการลงทุนในหุ้นตัวใหญ่ มีความมั่นใจในตัวบริษัทฯ และน่าจะเป็นการลงทุนในระยะยาวซึ่งตรงนี้จึงช่วยสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนได้ นอกจากนี้ผู้บริหารยังล็อก-อัพหุ้น 100% ด้วย
นายอัศวินกล่าวถึงผลการดำเนินงานของบริษัทว่า ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ ประมาณ 2 พันล้านบาท โดยรับรู้ไปแล้ว 1,200 ล้านบาท และที่เหลืออีก 600 ล้านบาท จะรับรู้ในไตรมาส 3 และ 4 ปีนี้ และส่วนที่เหลืออีกกว่า 500 ล้านบาทนั้น จะรับรู้รายได้ในปี 50 ซึ่งขณะนี้บริษัทได้เข้าประมูลงานใหม่ได้คืองาน SB FURNITURE งาน เอสเอฟ ซีนีมาร์ พัทยา คอนโดที่หัวหิน และคลับเฮ้าส์ โดยทั้ง 4 โครงการนี้มีมูลค่าประมาณ 900 ล้านบาท และหากชนะการประมูลดังกล่าว บริษัทจะรับรู้รายได้ประมาณ 20-30% โดยจะสรุปได้ในเดือนตุลาคมนี้ ขณะที่โดยปกติบริษัทจะได้รับงานประมาณ 30% ของงานที่เข้าประมูลทั้งหมด
สำหรับโครงการใหญ่ที่ TIES เตรียมเข้ายื่นประมูลและจะทราบผลได้ใน 1 พฤศจิกายนนี้ คืองานโครงการสร้างโรงงานให้กับลูกค้ารายเดิมที่ก่อนหน้านี้บริษัทเคยสร้างโรงงานเฟสแรกให้แล้วมูลค่า 500 ล้านบาท ส่วนโครงการเฟส 2 นี้จะมีมูลค่าโครงการถึง 2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นโครงการส่วนขยายเพิ่มจากเฟสแรก ขณะนี้อยู่ในระหว่างการออกแบบและหาพันธมิตรเพื่อร่วมประมูล
นายอัศวินกล่าวถึงกรณีที่กระทรวงพาณิชย์เซ็น MOU ให้ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ชะลอการขยายสาขาเพิ่มนั้น ไม่ส่งผลกระทบมากนัก เนื่องจากบริษัทยังมีงานก่อสร้างอื่น ๆ ที่บริษัทยังสามารถขยายตัวได้ โดยจุดแข็งของบริษัทคือการเป็นผู้รับเหมาก่อสร้างงานโรงพยาบาล โดยขณะนี้ได้งานแล้ว 2 แห่ง และบริษัทเชื่อว่างานก่อสร้างโรงพยาบาลภาคเอกชนยังมีการขยายตัวอีกใน 3-5 ปีข้างหน้า
ขณะที่สัดส่วนรายได้ของบริษัท 50-60% มาจากการก่อสร้างโรงงานอุตสาหกรรม และประมาณ 30% มาจากการศูนย์การค้าและโรงพยาบาล ซึ่งครึ่งแรกปีนี้บริษัทมีรายได้จากลูกค้าเก่าถึง 60% ขณะที่ปีนี้บริษัทตั้งเป้าการเติบโตไว้ที่ระดับ 20% และบริษัทจะพยายามรักษาตัวเลขกำไรสุทธิของปีนี้ให้ไม่ต่ำกว่า 4%
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|