มัทสุชิตะ แบตเตอรี่(ประเทศไทย) บริษัทในเครือมัทสุชิตะ ผู้ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่จากญี่ปุ่น
ประกาศโครงการลงทุนตั้งโรงงานผลิตถ่านอัลคาไลน์ ยี่ห้อพานาโซนิค ในประเทศไทย
ด้วยวงเงินลงทุน 350 ล้านบาท มีกำลังการผลิต 150 ล้านก้อนต่อปี โดยมีเป้าหมาย
เพื่อส่งออก 80%
"โรงงานแห่งนี้ จะอยู่ภายใต้การจัดการ และควบคุมดูแลโดยคนไทยทั้งหมด มีชาวญี่ปุ่นเพียงคนเดียว
ที่เป็นเจ้าหน้าที่เทคนิค"โยชิคาซึ โยโคเอะ กรรมการผู้จัดการ มัทสุชิตะแบตเตอรี่(ประเทศไทย)กล่าว
มัตสุชิตะ ได้เริ่มเข้ามาตั้งโรงงานผลิตแบตเตอรี่ในประเทศไทย ที่อำเภอเทพารักษ์
จังหวัดสมุทรปราการ มาตั้งแต่ปี 2504 และโรงงานแห่งนี้ ถือเป็นโรงงานแห่งแรกในกลุ่มมัทสุชิตะ
ที่ตั้งอยู่นอกประเทศญี่ปุ่น โดยที่ผ่านมาจะผลิตถ่านแมงกานีส เพื่อป้อนตลาดภายในประเทศเป็นหลัก
ส่วนถ่านอัลคาไลน์ ที่จำหน่ายในไทย เป็นการนำเข้ามาจากญี่ปุ่น
แต่จากการเติบโตของอุตสาหกรรมอิเลคทรอนิคส์ในช่วง ที่ผ่านมา ส่งผลให้ความต้องการใช้ถ่านอัลคาไลน์ทั่วโลกเพิ่มสูงขึ้น
ทำให้มัทสุชิตะตัดสินใจ ที่จะใช้ประเทศไทย เป็นฐานการผลิตถ่านอัลคาไลน์ เพื่อส่งป้อนตลาดในเอเซีย
เอเซียแปซิฟิค ตะวันออกกลาง และอาฟริกา
"ความต้องการใช้ถ่านทั่วโลกมีประมาณปีละ 10,000 ล้านก้อน ในจำนวนนี้เป็นส่วนแบ่งขของถ่านพานาโซนิคประมาณ
10%"
ปัจจุบัน นอกจาก ที่ญี่ปุ่น และในประเทศไทยแล้ว มัตสุชิตะยังมีฐานการผลิตถ่านอัลคาไลน์อยู่
ที่สหรัฐอเมริกา เบลเยี่ยม และบราซิล โดยในประเทศไทย คาดว่าโรงงาน ที่จะตั้งขึ้นใหม่
จะสามารถเปิดดำเนินการผลิตได้ในเดือนเมษายนปีหน้า"เราตั้งเป้าว่าภายใน 3
ปี ยอดส่งออกถ่านอัลคาไลน์จากโรงงานแห่งนี้ จะสูงถึงปีละ 680 ล้านบาท"โยชิคาซึ
โยโคเอะกล่าว
สำหรับภายในประเทศ ปัจจุบันมัทสุชิตะเป็นผู้จำหน่ายถ่านอัลคาไลน์รายใหญ่ที่สุด
ครองส่วนแบ่งตลาดประมาณ 51% รองลงมาได้แก่ดูราเซล 26% เอ็นเนอไจส์เซอร์ 17%
และรายอื่นๆรวมประมาณ 6% โดยตลาดรวมในปี 2543 มีมูลค่าประมาณ 500 ล้านบาท
ปี 2542 มัทสุชิตะ มียอดขายถ่านอัลคาไลน์ภายในประเทศ 177.3 ล้านบาท ได้เพิ่มขึ้นเป็น
265.9 ล้านบาทในปีนี้ และคาดว่าในปี 2544 ยอดขายถ่านอัลคาไลน์ภายในประเทศจะเพิ่มขึ้นประมาณ
20%