|
กลยุทธ์แมสโปรดักส์โน้ตบุ๊ก"เอเซอร์"ครองตลาดไร้คู่แข่ง
ผู้จัดการรายสัปดาห์(25 กันยายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"เอเซอร์" กับเจ้าตลาดโน้ตบุ๊กเมืองไทย เป็นสิ่งที่คู่แข่งขันยากที่จะไล่ตามทิ้งห่างคู่แข่งขันถึง 25% ด้วยกลยุทธ์แมสโปรดักส์ตลอดช่วง 3 ปีที่ผ่านมา หลังรีแบรนด์ดิ้งและวางโพสิชั่นนิ่งให้กับผลิตภัณฑ์เอเซอร์ใหม่หมด คือกุญแจสำคัญที่ทำให้เอเซอร์เดินไปได้ไกลกว่าค่ายผู้ผลิตรายอื่น
การฉลองความสำเร็จของ "เอเซอร์" ผู้ผลิตคอมพิวเตอร์ยักษ์ใหญ่ไต้หวัน กับการเป็นผู้มียอดขายคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กอันดับ 1 ในเมืองไทยและครองอันดับ 1 ตลาดผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กกว่า 12 ไตรมาสติดต่อกันด้วนส่วนแบ่งการตลาดกว่า 39% คือตัวเลขที่เกินความคาดหมายของผู้บริหารเอเซอร์ประเทศไทย
"เราคิดว่าอย่างไรเราก็เป็นเบอร์หนึ่งในตลาดที่น่าจะทิ้งห่างคู่แข่งขันประมาณ 5% แต่จากการเปิดเผยของไอดีซีตัวเลขส่วนแบ่งทางการตลาดของเราห่างจากคู่แข่งขันอันดับสองถึง 25%" เป็นคำกล่าวของนิธิพัทธ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด บริษัท เอเซอร์ คอมพิวเตอร์ จำกัด
ความสำเร็จของเอเซอร์ในปัจจุบันนี้ เกิดขึ้นจากกลยุทธ์เมื่อ 3 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่เอเซอร์ได้มีรีแบรนด์ดิ้งและวางโพสิชั่นนิ่งให้กับผลิตภัณฑ์เอเซอร์ใหม่ทั้งใหม่ โดยการพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้เด็กลงเป็นวัยรุ่นมากขึ้น ด้วยการว่าจ้างท็อปดีไซน์เนอร์ระดับโลกเป็นผู้ออกแบบสินค้าให้กับเอเซอร์ ทำให้โน้ตบุ๊กของเอเซอร์มียอดขายดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง
"กลุ่มเด็กถือเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีความสำคัญอย่างมาก และเป็นกลุ่มที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อของกลุ่มเป้าหมายอื่นๆด้วย"
ตัวเลขของตลาดมหาวิทยาลัยกว่า 30-40% จึงเป็นของเอเซอร์อยู่ในขณะนี้ จนบางมหาวิทยาลัยเรียกเป็นเอเซอร์แคมปัส ซึ่งเอเซอร์ได้มีการจัดกิจกรรมกับกลุ่มลูกค้าในกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการสนับสนุนโน้ตบุ๊กราคาพิเศษ การสนับสนุนเรื่องของฮอตสปอตในมหาวิทยาลัย
ความสำเร็จของเอเซอร์ยังมาจากกลยุทธ์ที่มุ่งตอบสนองความต้องการของตลาดแมสเป็นหลัก นำไปสู่การเป็นพัฒนาไลน์สินค้าที่เป็นแมสโปรดักส์ด้วยการวางจำหน่ายสินค้าแบบหลากหลาย ตอบสนองความต้องการของทุกกลุ่มไล่ตั้งแต่ระดับราคาต่ำไปจนถึงกลุ่มราคาสูงเป็นแสนบาท รวมทั้งการตอบสนองตลาดด้วยเทคโนโลยีใหม่ล่าสุดเป็นเจ้าแรกเสมอ
"กลยุทธ์เรื่องสปีดการนำสินค้าเข้าตลาดเร็วกว่าคู่แข่ง และการจัดการช่องทางการจัดจำหน่าย ตามด้วยตัวสินค้าที่ดี และโปรโมชั่นที่โดนใจ ทำให้เราสามารถครองใจผู้บริโภคในตลาดเมืองไทยได้"
การทำตลาดคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กของค่ายผู้ผลิตอื่นๆ จะเน้นการนำเสนอเทคโนโลยีใหม่เข้าสู่ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มพรีเมี่ยมก่อน ซึ่งทำให้สินค้ามีราคาแพง เหมาะกับกลุ่มที่มีกำลังซื้อเท่านั้น แต่เอเซอร์จะคิดอีกแบบหนึ่งคือพยายามนำเสนอเทคโนโลยีไปพร้อมๆ กันในทุกผลิตภัณฑ์
อย่างการที่อินเทล เปิดตัวอินเทล คอร์ 2 ดูโอ โปรเซสเซอร์ เอเซอร์ก็พร้อมที่จะเปิดผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กใหม่พร้อมกันถึง 10 รุ่นทำตลาดพร้อมกัน ทำให้ตลาดมีทางเลือก และที่ผ่านมาในความเป็นจริงผลิตภัณฑ์ของเอเซอร์รุ่นที่มียอดขายมากจะไม่ใช่รุ่นที่ราคาต่ำสุด แต่เป็นรุ่นที่มีราคาคุ้มค่ากับประสิทธิภาพของเครื่องมากกว่า
ผู้บริหารเอเซอร์ ย้ำว่า การที่เอเซอร์ประสบความสำเร็จครองอันดับ 1 มาโดยตลอด ส่วนสำคัญเพราะเอเซอร์มีทีมงานที่คอยพัฒนาผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีต่อเนื่องอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังมี Acer Empowering Technology เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน รวมทั้งโน้ตบุ๊กเอเซอร์ทุกเครื่องได้เพิ่มเทคโนโลยีเอเซอร์ ออบิแคม 1.3 ล้านพิกเซล รองรับการถ่ายภาพความละเอียดสูงและถ่ายวิดีโอ รองรับการประชุมทางไกล ซึ่งกำลังเป็นที่ต้องการของตลาดในปัจจุบัน
และในการฉลองอันดับ 1 ของเอเซอร์ได้มีการจัดงาน "เอเซอร์ โน้ตบุ๊ก เดย์" ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์โน้ตบุ๊กราคาพิเศษ 3 รุ่น คือ Aspire 3682NWXMi และ Aspire 5552NWXMi รองรับแพลตฟอร์ม อินเทล เซนทริโน ดูโอ โมบาย เทคโนโลยี ด้วยราคา 23,900 บาท และ 33,900 บาท และรุ่นพิเศษสุด Aspire 5583NWXMi ใช้โปรโซสเซอร์ใหม่ล่าสุดอินเทล คอร์ 2 ดูโอ วางจำหน่ายในราคาเพียง 39,900 บาท พร้อมโปรโมชั่นผ่อนดอกเบี้ย 0%
"ตอนนี้ใครที่จะขึ้นมาเป็นอันดับหนึ่งในตลาดโน้ตบุ๊กเป็นเรื่องยากมากแล้ว ตลาดนี้จะเป็นการแข่งขันช่วงชิงอันดับรองๆ ลงมามากกว่า" นิธิพัทธ์ กล่าวทิ้งท้าย
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|