|

อุ๋ยโล่งอกค่าบาทสู่ปกติ
ผู้จัดการรายวัน(22 กันยายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"หม่อมอุ๋ย" โล่งตลาดเงิน-ตลาดทุนไม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์รัฐประหารมากนัก ตลาดหุ้นลดลงแค่ 9.99 จุด หรือ 1.4% ในวันแรกหลังเปิดทำการ ขณะที่ค่าเงินบาทกลับคืนสู่ระดับปกติแล้วโดยไม่ได้มีการแทรกแซงจากทางการ ระบุเป็นสัญญาณที่ดีว่าเศรษฐกิจไทยแข็งแกร่ง และจะเติบโตได้ดีขึ้นหลังมีรัฐบาลชุดใหม่ ย้ำผู้นำประเทศต้องมีคุณธรรมนำหน้า
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล ผู้ว่าการ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวถึงสถานการณ์ในตลาดเงิน-ตลาดทุนว่า ขณะนี้ตลาดการเงินเรียบร้อยดีแล้ว หลังจากที่เมื่อวันที่ 20 กันยายนที่ผ่านมา ธปท.ได้เข้าไปดูแล ดังนั้นเมื่อวานนี้ธปท.จึงหันมาให้ความสนใจความเคลื่อนไตลาดหุ้นแทน ซึ่งปกติหากเกิดเหตุการณ์ปฏิวัติขึ้นตลาดหุ้นจะตก 5-10% แต่วันนี้กลับดีขึ้น โดยในช่วงครึ่งวันที่ผ่านมาตลาดหุ้นลดลงแค่ 1% เท่านั้น ถือว่าทุกอย่างเรียบร้อยดีมาก และเป็นสัญญาณดีอย่างหนึ่งที่แสดงให้เห็นว่านักลงทุนต่างประเทศเชื่อถือประเทศไทย แม้จะมีเหตุการณ์ปฏิรูปการปกครองก็ตาม
“นักลงทุนทั้งในประเทศและต่างชาติพอใจประเทศไทยว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีความเรียบร้อยดีมาก ไม่มีทะเลาะเบาะแว้ง เห็นได้จากเมื่อวานนี้ก็มีประชาชนซื้อพิซซ่าไปเลี้ยงทหารที่ประจำตามจุดต่างๆ” ผู้ว่าการ ธปท.กล่าว
สำหรับค่าเงินบาทในขณะนี้ก็เริ่มกลับมาสู่ภาวะปกติแล้ว โดยเมื่อเวลา 11.54 น. ของวันที่ 21 กันยายนที่ผ่านมา ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 37.56 เทียบกับเมื่อวันก่อนหน้าที่ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 37.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ถือว่าค่าเงินบาทแข็งค่าขึ้นประมาณ 24 สตางค์ ซึ่งหลังจากที่ธปท.ประกาศให้นักค้าเงินสามารถค้าขายได้ตามปกติที่ตลาดนิวยอร์กและลอนดอน ค่าเงินกลับมามีเสถียรภาพมากขึ้น ถือว่าสบายใจได้แล้ว และยืนยันว่าตั้งแต่มีการปฏิรูปการปกครอง ธปท.ไม่ได้เข้าไปแทรกแซงค่าเงินบาทแต่อย่างใด
“ค่าบาทที่แข็งค่าขึ้นเป็นไปตามธรรมชาติของตลาดเอง ทุกคนก็พอใจดีอยู่ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะพื้นฐานเศรษฐกิจยังแข็งแกร่งอยู่ และทั้งการส่งออกและการบริโภคยังเป็นตัวช่วยเศรษฐกิจได้ดีเหมือนเดิม แม้จะเกิดเหตุการณ์เปลี่ยนแปลงภายในประเทศก็ตาม ซึ่งยิ่งเป็นเช่นนี้เชื่อว่าแนวโน้มจะดีขึ้น เพราะจะมีรัฐบาลชุดใหม่สามารถอนุมัติงบประมาณปี 50 ได้เร็วขึ้น จากเดิมที่คิดว่าต้องรออนุมัติได้ในช่วงกลางปีหน้า จึงมีตัวกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอีก จึงน่าจะเป็นสัญญาณที่ดีขึ้น” ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว
สำหรับประเด็นคำถามที่ว่าผู้นำประเทศควรมีลักษณะเช่นใดนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ผู้นำต้องมีคุณธรรมนำหน้า และขณะนี้ประเทศไทยก็มีมือเศรษฐกิจดีๆ อยู่หลายคนสามารถหาคนเหล่านี้มาช่วยบริหารประเทศได้ ขณะเดียวกันก็ยังคงยืนยันว่ายังไม่มีใครเข้ามาทาบทามตนเป็นนายกรัฐมนตรี
พร้อมกันนี้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวยืนยันว่า ธปท.ไม่ได้สั่งให้ธนาคารพาณิชย์มีการกั้นสำรองกรณีปล่อยกู้ให้แก่บริษัท กุหลาบแก้ว จำกัด แต่อย่างใด และกรณีการเกิดเหตุปฏิรูปการปกครองขึ้นในประเทศก็ไม่กระทบการควบรวมระหร่างธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)กับธนาคารจีอี มันนี่ เพื่อรายย่อยด้วย
นางธาริษา วัฒนเกส รองผู้ว่าการ ด้านเสถียรภาพสถาบันการเงิน ธปท.กล่าวว่า แม้จะมีการแก้ไขกฎหมายรัฐธรรมนูญใหม่ แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยยังคงเดินหน้าต่อไปได้ ขณะเดียวกันธปท.ก็ยังไม่ได้ประเมินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าจะส่งผลต่อเศรษฐกิจไทยอย่างไรบ้าง แต่เชื่อว่าไม่ได้ส่งผลกระทบอะไรมาก เพราะเหมือนกับประชาชนทั่วไปและหน่วยงานอื่นๆ ทั้งภาครัฐและเอกชนเหมือนมีวันหยุดเพิ่มอีก 1 วันเท่านั้น นอกจากนี้ ธนาคารพาณิชย์ต่างชาติที่เข้ามาดำเนินธุรกิจในประเทศไทยยังไม่มีรายใดขอให้ธปท.ชี้แจงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นหรืออธิบายข้อสงสัยต่างๆ แต่อย่างใด
ด้านนายศุภรัตน์ ควัฒน์กุล ปลัดกระทรวงการคลัง ปฏิบัติการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ผลกระทบจากเหตุการณ์ต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ที่ได้มีการปิดทำการไปหนึ่งวัน และเพิ่งมาเปิดทำการนั้น ถือว่ามีผลกระทบในจุดนี้ค่อนข้างน้อย แม้ว่าผลจากการปิดทำการไปหนึ่งวันจะทำให้ดัชนีตลาดหุ้นติดลบไปต่ำสุดถึง 26-27 จุด ก็ตาม ซึ่งหากเทียบกับสมัยการก่อรัฐประหารโดยคณะรักษาความสงบเรียบร้อยแห่งชาติ (รสช.) และเหตุการณ์ผู้ก่อการร้ายขับเครื่องบินชนตึกเวิล์ดเทรดเซ็นเตอร์แล้ว ถือว่าผลกระทบในครั้งนี้มีค่อนข้างน้อยกว่ามาก
"ในแง่ของการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ ก็สะท้อนให้เห็นว่า นักลงทุนมีความเข้าใจในสถานการณ์ และมีความเชื่อมั่นมากกว่าก่อนหน้านี้ ที่ยังเคลือบแคลงในสถานการณ์อยู่ ส่วนค่าเงินบาทก็อ่อนลงไปบ้าง แต่ไม่มากนัก" นายศุภรัตน์ กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|