เตือนผู้ประกอบการรับมือราคาเม็ดพลาสติกพุ่ง!


ผู้จัดการรายสัปดาห์(17 กันยายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

โรงงานโอเลฟินส์ในเอเชียหลายแห่งทยอยหยุดซ่อมบำรุง ดันราคาเอทิลีนพุ่ง1.5 พันเหรียญสหรัฐต่อตัน ผู้ผลิตผลิตภัณฑ์พลาสติกไทยเตรียมรับมือราคาต้นทุนเม็ดพลาสติกพุ่ง ทั้งเจอEUและสหรัฐฯเก็บภาษีAD ถุงพลาสติกปลายปีนี้ ขณะที่ราคายังปรับเพิ่มไม่ได้เพราะผู้บริโภคไม่มีกำลังซื้อ

ในภาวะราคาน้ำมันยังเป็นปัจจัยหลักในการผลิตและขนส่ง กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกในครึ่งปีหลังจะอยู่รอดได้อย่างไร เพราะ EU และสหรัฐฯเก็บภาษีAD ถุงพลาสติกไทยสูงกว่าคู่แข่ง และยังมีโรงงานในเอเชียทยอยปิดตัวซ่อมบำรุงอีก "สมศักดิ์ บริสุทธนะกุล" ประธานกลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติก สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวถึงอุตสาหกรรมพลาสติกในครึ่งปีหลังว่า ปีนี้ไทยส่งออกพลาสติกเพิ่มขึ้น 10% ซึ่งเป็นอัตราการขยายตัวลดลงจากปีก่อนที่ส่งออกโตขึ้น 20% และปีก่อนมีมูลค่าส่งออก 7.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากประสบปัญหาการตอบโต้การทุ่มตลาด (AD) ในส่วนผลิตภัณฑ์ถุงพลาสติกจากสหรัฐฯและสหภาพยุโรป (อียู) โดยล่าสุด อียูประกาศเก็บภาษีAD ถุงพลาสติกไทยสูงกว่าประเทศคู่แข่งอย่างมาเลเซีย ในไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าปีหน้ายอดการส่งออกพลาสติกบรรจุภัณฑ์จะลดลงโดยเฉพาะตลาดEU ปัจจุบันไทยส่งออกถุงพลาสติกไปอียูถึง 7 พันล้านบาทจากยอดส่งออกถุงพลาสติกรวม 2 หมื่นล้านบาท

ด้านวิวรรธน์ เหมมณฑารพ ประธานกิตติมศักดิ์ กลุ่มอุตสาหกรรมพลาสติกมองว่า ราคาผลิตภัณฑ์พลาสติกจะยังไม่ปรับขึ้นในช่วงนี้ เนื่องจากผู้ประกอบการหวั่นเกรงว่าผู้บริโภคจะรับไม่ได้จนไม่ซื้อสินค้า ส่วนผลกระทบจากราคาน้ำมันถือว่าเป็นผลกระทบทั่วโลก สำหรับภาพรวมอุตสาหกรรมพลาสติกขณะนี้ยังจะไม่มีการลงทุนใหม่ เนื่องจากมูลค่าเพิ่มของอุตสาหกรรมลดลงในปีนี้ ซึ่งเป็นผลมาจากการส่งออกน้อยกว่าการนำเข้าในปี 2548 ที่มีการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติก 70,000 ล้านบาท แต่ส่งออกเพียง 50,000 ล้านบาท

"ขอเรียกร้องให้รัฐบาลตรวจสอบข้อมูลการนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกจากกรมศุลกากร เพื่อพิจารณาว่าไทยนำเข้าผลิตภัณฑ์พลาสติกประเภทใดมากที่สุด และจะสามารถผลิตในประเทศทดแทนได้หรือไม่ "

นอกจากนี้อุตสาหกรรมพลาสติกยังถูกซ้ำเติมจากราคาน้ำมัน ประกอบกับผู้ผลิตในไทยยังขาดการจัดระบบ โดยขณะนี้มีผู้ประกอบการทั้งหมด 5,000 ราย แต่เป็นผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) ถึง 3,000 ราย ซึ่งต่างผลิตสินค้าเหมือนกันตามกระแส ปีนี้ คาดว่าอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์พลาสติกจะเติบโตเท่ากับจีดีพี จากสถานการณ์ปกติจะต้องเติบโต 1-2 เท่าของจีดีพี แต่ยังมั่นใจว่าจะยังไม่มีการปลดคนงาน เพียงแต่อาจจะกระทบต่อการทำงานล่วงเวลา ซึ่งถือเป็นรายได้หลักของพนักงานในภาคอุตสาหกรรมนี้

ขณะที่บริษัท พีทีที โพลีเมอร์ มาร์เก็ตติ้ง จำกัดผู้ผลิตรายใหญ่โดย "ณรงค์ชัย พิสุทธิ์ปัญญา" กรรมการผู้จัดการอาวุโส มองว่า แนวโน้มราคาเม็ดพลาสติกจะปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังไปถึงต้นปี 2550 เนื่องจากโรงโอเลฟินส์หลายแห่งในภูมิภาคเอเชียนี้ได้หยุดซ่อมบำรุงรักษา และโรงงานปิโตรเคมีแห่งใหม่ก็ยังไม่เกิดขึ้น สวนทางกับความต้องการใช้เม็ดพลาสติกยังมีอยู่ ทำให้ราคาเอทิลีน ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเม็ดพลาสติกในช่วงส.ค.ที่ผ่านปรับตัวเพิ่มขึ้นอีก 150 เหรียญสหรัฐต่อตันมาอยู่ที่ระดับ 1.4 พันเหรียญสหรัฐใกล้เคียงกับราคาเม็ดพลาสติก แนวโน้มราคาแนฟธา ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตเอทลีนเองก็ยังทรงตัวในระดับสูง 604 เหรียญสหรัฐต่อตัน เป็นผลสืบเนื่องจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น

"ดังนั้นผู้ประกอบการผลิตภัณฑ์พลาสติกของไทยจำเป็นต้องบริหารสต็อกสินค้าให้ดีเพื่อรองรับราคาเม็ดพลาสติกที่เพิ่มสูงขึ้น " ณรงค์ชัย กล่าว

ขณะที่สถานการณ์โรงงานเม็ดพลาสติกของอินโดนีเซียได้นำเข้าเอทิลีนที่ราคา 1.5 พันเหรียญสหรัฐ/ตัน ซึ่งเป็นระดับราคาที่สูงมากเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้โรงงานผลิตเม็ดพลาสติกที่ต้องนำเข้าเอทิลีนในฟิลิปปินส์ได้มีการหยุดผลิต เนื่องจากไม่คุ้มต้นทุน ส่งผลให้ปริมาณเม็ดพลาสติกหายออกไปจากตลาดบางส่วน

ทั้งนี้ โรงงานปิโตรเคมีที่ไต้หวันมีแผนหยุดซ่อมบำรุง 3 โรงในช่วงส.ค.-พ.ย.นี้ เป็นเวลา 40-45 วันขณะที่โรงงานปิโตรเคมีของไทย อาทิ โรงงานของพีทีที เคมิคอล ก็จะหยุดซ่อมบำรุงในช่วงต้นปีนี้เป็นเวลา 73 วัน และโรงงานทีพีไอหยุดพ.ย.นี้เป็นเวลา 30 วัน


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.