"เจ้าพ่อโรงเจ ผู้พิชิต ไวท์ ชัยพยุงพันธ์"


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2537)



กลับสู่หน้าหลัก

ในบรรดานักเจรจาต่อรองเพื่อแลกเปลี่ยนและประสานผลประโยชน์ทางธุรกิจของยุคนี้ ต้องนับเอาไว้ท์ ชัยพยุงพันธ์ กรรมการผู้จัดการของบริษัทรัตนการเคหะเป็นหนึ่งในนั้นด้วย

โครงการประตูน้ำคอมเพล็กซ์หรือในชื่อเดิมว่า สินธรสแควร์ที่เดินหน้าได้อย่างราบรื่นในขณะนี้ก็เป็นเพราะฝีมือของหนุ่มใหญ่วัย 47 ปี เจ้าของบุคลิกนิ่มนวล อ่อนน้อมถ่อมตนผู้นี้

ที่ดิน 10 ไร่บริเวณตลาดเฉลิมโลกซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการนี้ รัตนการเคหะได้สัญญาเช่า 30 ปีจากกรมการศาสนามาตั้งแต่ปี 2532 แต่ก็ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะผู้เช่าเดิมที่อาศัยอยู่ไม่ยอมย้ายออกไปยิ่งมาเจอกับท่วงทำนองแข็งกร้าวของคุณหญิงพัชรี ว่องไพฑูรย์ สมัยที่ยังครอบครองรัตนการเคหะอยู่ ความขัดแย้งก็ยิ่งยืดเยื้อ จนกลายเป็นคดีขึ้นโรงขึ้นศาลไปหลายคดี

จนในที่สุดรัตนการเคหะก็เปลี่ยนมาอยู่ในมือของกลุ่มสุระ สนิทธานนท์และโชติมา ทวีวงศ์ ณ อยุธยาของกลุ่มวงศ์ทวี เคาน์ตี้ พร้อมกับการดึงเอาตัวไวท์ กลับคืนสู่รังเก่าอีกครั้ง

ไวท์ เป็นผู้ร่วมก่อตั้งรัตนการเคหะร่วมกับวีระนนท์ ว่องไพฑูรย์ แต่ได้ลาออกในเวลาต่อมา เพราะแนวความคิดในการพัฒนาโครงการที่แตกต่างกัน

การกลับคืนสู่รัตนาการเคหะอีกครั้งหนึ่ง ภาระกิจเร่งด่วนประการหนึ่งของไวท์คือการผลักดันโครงการสินธร สแควร์ให้เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาให้ได้ เพราะโครงการที่ประกอบด้วยอาคารศูนย์การค้า 4 ชั้น คอนโดมีเนียมที่พักอาศัย 30 ชั้น 2 อาคาร มีพื้นที่ขายรวม 160,000 ตารางเมตรนี้ จะทำรายได้ให้รัตนการเคหะนำไปปลดเปลื้องหนี้สิน และเป็นทุนในการพัฒนาโครงการในอนาคตต่อไปได้อีกอย่างสบาย ๆ

ไวท์นัดเจรจากับไพจิตร ธรรมโรจน์พินิจหรือ "ปอ ประตูน้ำ" ซึ่งว่ากันว่าเป็นกุญแจสำคัญที่ชี้ขาดชะตากรรมของโครงการนี้การเจรจาเกิดขึ้น 2 ครั้งและในที่สุดทั้ง 2 ก็บรรลุข้อตกลงกันได้ว่า จะร่วมมือกันพัฒนาที่ดินแปลงนี้ โดยแบ่งผลประโยชน์กัน

สินธรสแควร์เลยกลายเป็น "ประตูน้ำ คอมเพล็กซ์" โดยมีรัตนการเคหะกับปอประตูน้ำร่วมกันทำ รัตนการเคหะรับหน้าที่ในการก่อสร้างและงานขายไป ส่วน ปอ ประตูน้ำรับหน้าที่เจรจากับผู้เช่าเก่าให้ย้ายออกไป

เรื่องที่ยืดเยื้อกันมานานสี่ห้าปี จนไม่มีใครคิดว่าโครงการนี้จะได้เกิด ก็จบลงอย่างง่าย ๆ เพราะไวท์คุยกับเจ้าพ่อประตูน้ำรู้เรื่อง

เท่านี้ยังไม่พอ ไวท์ยังติดต่อเจรจากับปลอดประสบ สุรัสวดี อธิบดีกรมประมงและพลตรีสุดสาย หัสดิน เจ้าของสมญา "เจ้าพ่อกระทิงแดง" ที่เลื่องชื่อในช่วงปี 2516-2519 เพื่อเจรจาขอเช่าที่ดิน 4 ไร่ที่อยู่ติดกันซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์ของสองตระกูลนี้

ก่อนหน้านี้คุณหญิงพัชรีเคยเจรจาขอเช่าที่ดินผืนดังกล่าวเหมือนกัน แต่ไม่ประสบความสำเร็จ เพราะคนแถวประตูน้ำ โทรศัพท์มาต่อว่าปลอดประสบตลอดวันทั้งที่บ้านและที่ทำงาน จนต้องล้มเลิกความตั้งใจในที่สุด

เมื่อผู้กว้างขวางอย่างปอซึ่งกุมหัวใจคนแถวนั้นได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของประตูน้ำคอมเพล็กซ์ ปัญหาเรื่องผู้อยู่อาศัยเดิมจะต่อต้านก็หมดไป ทั้ง 3 ฝ่ายคือ ไวท์ ปอ และปลอดประสบ สามารถตกลงกันได้เรียบร้อยและเปิดแถลงข่าวอย่างเป็นทางการเมื่อกลางเดือนมิถุนายน ที่ดินที่รัตนการเคหะได้เพิ่มขึ้นมาอีก 4 ไร่นี้จะได้รับการพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมเพิ่มขึ้นอีก 1 อาคารโดยมีสัญญาเช่า 30 ปี ทำให้รัตนการเคหะสามารถขยายโครงการเพื่อสร้างรายได้เพิ่มขึ้นอีก เพราะสามารถในการประสานผลประโยชน์กับผู้ที่ได้รับขนานนามว่าเป็นเจ้าพ่อ

แต่พอมาเจอกับ "จ้าว" ตัวจริง ไวท์ก็ต้องยอมแพ้

ตลาดเฉลิมโลกนั้น มีโรงเจ หรือโรงทานอยู่แห่งหนึ่งมีชื่อว่า "โรงเจโพวเต็กตึ๊ง" เป็นที่ตั้งของศาลเจ้าซึ่งเป็นที่เคารพ กราบไหว้บูชาของผู้คนในย่านนี้ เสมือนหนึ่งสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คอยปัดเป่าทุกข์ภัย ให้ความร่มเย็นเป็นสุขแก่ชาวประตูน้ำ ทุก ๆ ปี จะมีการจัดงานสมโภช และปอ ประตูน้ำก็ใช้ศาลเจ้านี้เป็นโรงทานแจกข้าวของเครื่องใช้ให้กับคนย่านนั้นประจำ

ทุกวันนี้ อาคารพาณิชย์และแผงขายสินค้า ถูกรื้อถอนไปหมดแล้ว เหลือเพียงที่ดินว่างเปล่า แต่ศาลเจ้ายังตั้งตระหง่านอยู่ ไม่ได้ถูกกระทบกระเทือนแต่อย่างใดทั้งสิ้น

ปัญหาเกิดตรงที่ว่าจะสร้างคอมเพล็กซ์ขึ้นมา ก็ต้องรื้อศาลเจ้าทิ้ง

การเจรจารื้อศาลเจ้าของไวท์ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง หัวเรี่ยวหัวแรงที่คัดค้านอย่างเต็มที่คือ ปอ ประตูน้ำนั่นเองและกลุ่มผู้เช่าเดิมที่ยอมให้รื้อบ้านได้แต่ขอศาลเจ้าไว้

ไวท์ ไม่สามารถแก้ปัญหาตรงนี้ได้ เพราะมันเกี่ยวพันถึงความเชื่อที่ยาวนานของคนจีนในย่านนั้น ไม่คุ้มที่จะเสี่ยงตรงนี้ ทางออกหลังจากเจรจาต่อรองกันคือ การสร้างคอมเพล็กซ์คล่อมศาลเจ้าเดิม โดยจะเว้นพื้นที่ส่วนของศาลเจ้าเอาไว้แต่จะออกมาในรูปลักษณ์แบบไหนจึงดูกลมกลืนนั้น สำหรับหลักการแล้ว ห้ามรื้อโดยเด็ดขาด นักเจรจาฝีปากเอกอย่างไวท์ ชัยพยุงพันธ์ที่เอาชนะใจเจ้าพ่อเดินดินมาแล้ว ก็ถึงคราวต้องม้วนเสื่อกลับบ้านเหมือนกันเมื่อมาเจอกับจ้าวแห่งโรงเจ



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.