"สวรรค์ใหม่" ของแอนดี้ ฮวง"


นิตยสารผู้จัดการ( กรกฎาคม 2537)



กลับสู่หน้าหลัก

หลังจากเติบโตแบบก้าวกระโดดข้ามไลน์ธุรกิจหลักที่ตนเองถนัดคือ อสังหาริมทรัพย์ มายังโทรคมนาคม และเคเบิ้ลทีวีได้ไม่นาน กลุ่มธนายงก็ได้บทเรียนจากการขยายตัวแบบไม่พรักพร้อมด้านประสบการณ์ และกำลังคนจนต้องถอนตัวจากธุรกิจดังกล่าว พร้อม ๆ กับคนเก่าคนแก่ มือดีทั้งหลาย ที่ต่างทยอยอำลาประมุขขององค์กรแห่งนี้ คีรี กาญจนพาสน์ ไม่ว่าจะเป็น สุธรรม ศิริทิพย์สาคร แอนดี้ ฮวง หรือแม้แต่ อรรคพล สรสุชาติ ที่เหลือเพียงตำแหน่งที่ปรึกษา

สำหรับผู้อาวุโสชาวไต้หวันอย่าง แอนดี้ ฮวง เขาผ่านเวทีธุรกิจในเมืองไทยมากว่า 20 ปี และคลุกคลีกับกลุ่มธนายงมาประมาณ 5 ปีกว่า จากผู้อำนวยการฝ่ายบริการการตลาดของกลุ่มธนายงที่ดูแลโครงการธนาซิตี้ เขาได้รับมอบหมายให้เป็นผู้เดินเรื่องงานสัมปทานดาวเทียมจากกระทรวงคมนาคม ซึ่งในช่วงนั้นสารพัดกลยุทธ์ได้ถูกนำมาใช้ในการช่วงชิงสัมปทาน ระหว่างกลุ่มธนายง ล็อกซเล่ย์ และชินวัตรซึ่งที่สุดชินวัตรก็ได้ไป

เสร็จจากศึกดาวเทียมเมื่อแอนดี้กลับมาเกี่ยวข้องกับธนาซิตี้อีก ปรากฏว่ามีคนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ดูแลนโยบายการตลาดแล้วคือ อรรคพล สรสุชาติ นักการตลาดจาก ลีเวอร์ จึงดูเหมือนว่าบทบาทของเขาเงียบเชียบลงไป

แต่จริง ๆ แล้วก็หาเป็นเช่นนั้นไม่ กลุ่มธนายงไม่วายวางมือจากโทรคมนาคม แต่ได้ซุ่มเงียบคว้าสัมปทานวีแซท จากการสื่อสารแห่งประเทศไทยเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมาได้ แต่ก็อีกนั่นแหละ ขนาดคู่แข่งที่อยู่ในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมโดยตรงอย่างสามารถและคอมพิวเนท ยังหืดขึ้นคอ

แม้ว่าวีแซทจะมีจุดขายในเรื่องของการส่งสัญญาณภาพนอกจากเสียงและข้อมูลที่มีเสนอขายบริการกันอยู่แล้ว แต่ปัญหาของธุรกิจนี้ที่สำคัญคือ ความเอาจริงของเจ้าของธุรกิจนโยบายที่แจ่มชัด และฝีมือของผู้บริหาร

ไปได้สักพักหนึ่งธนายงก็ได้ล็อกซเล่ย์เข้ามาถือหุ้นแต่ล็อกซเล่ย์ ก็จำกัดบทบาทตัวเองทั้งโดยเต็มใจ และไม่เต็มใจกลายเป็นผู้สือหุ้นส่วนน้อย เช่นเดียวกับธนายงที่แม้โดยสัญญาจะต้องเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แต่ก็กำลังจะลดบทบาทลงไม่ใช่ผู้ถือหุ้นใหญ่อีกต่อไป เพราะคีรีได้ดึงอิทธิวัฒน์ เพียรเลิศเข้ามาถือหุ้นและบริหารบริษัท ไทยสกายคอมนี้แทนแอนดี้

ผู้บริหารบางคนเหมาะอย่างยิ่งกับงานติดต่อที่ต้องประสานหลายฝ่าย หรือใช้คอนเนกชั่น บารมี และความเก๋าในเรื่องการดีลกับคนกลุ่มต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อต้องคว้าโครงการสัมปทานแข่งกับคนอื่น บางคนถนัดที่จะบริหารกิจการที่มีระบบและความลงตัวดีแล้ว ขณะที่บางคนอาจจะช่ำชองกับการยุบเลิกกิจการหรือรวมกิจการกับคนอื่น

พวกแรก กรณีตัวอย่างที่เห็นชัดและประสบความสำเร็จยิ่งก็เช่น เฉลียว สุวรรณกิติ ในเครือเจริญโภคภัณฑ์ที่มีโครงการเด่น ๆ 1 โครงการก็เพียงพอแล้ว นั่นคือสัมปทานโทรศัพท์ 2 ล้านเลขหมาย

แอนดี้อาจจะดำเนินบทบาทคล้ายกัน แต่เนื่องจากถึงเขาจะ "เข้าถึง" คนในวงการต่าง ๆ แต่ก็ยังเป็นคนต่างด้าวกอปรกับธุรกิจด้านการสื่อสารโทรคมนาคมยังใหม่สำหรับ "กาญจนพาสน์" งานที่แอนดี้ทำให้ธนายงจึงดูเหมือนไม่ค่อยจะประสบผลสำเร็จเท่าไรนัก เมื่อขาดคนสานต่อและแนวทางที่ชัดเจนของเจ้าของผิดกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่แอนดี้เกี่ยวข้องในระยะแรก

"ทุกวันนี้ธนายงให้ความสนใจกับพร็อบเพอร์ตี้และโครงการรถไฟฟ้า ขณะที่กิจการสื่อสารและทีวีนั้นยังใหม่และอาจจะยังเล็กอยู่ นโยบายจึงไม่ต้องการแบ่งบุคลากรออกไป ผมเองหลังจากเกี่ยวข้องกับอสังหาริมทรัพย์ และสื่อสารแล้วก็อยากจะทำอะไรที่เกี่ยวกับระดับย่อยลงมาคือเรื่องครอบครัว การสร้างสิ่งแวดล้อมและความสุขภายในบ้านเพราะเราทำในส่วนที่เกี่ยวข้องมาแล้ว เราจึงหันมาเน้นเรื่องสุขภาพและความปลอดภัยผมจึงขอเกษียณตัวเองก่อนกำหนดเมื่อมีนาคมที่ผ่านมา" แอนดี้กล่าวกับ "ผู้จัดการ"

เขาไม่ต้องการจะเป็นแม้แต่ที่ปรึกษาอย่างคนอื่น สิ่งที่กลายเป็นแหล่งพักพิงของเขา คือบริษัทสวรรค์ใหม่ จำกัด ซึ่งถือเป็นกิจการส่วนตัวที่เขาและหุ้นส่วนชาวไต้หวัน ได้ร่วมกันจัดตั้งขึ้นเพื่อนำเข้าสินค้าจากไต้หวันมาขายในเมืองไทย

แอนดี้เล่าว่า ได้รับการทาบทามจากกลุ่มธุรกิจการเงินและอุตสาหกรรม 2-3 แห่งให้เข้าไปเป็นผู้บริหารระดับสูงแต่เขาปฏิเสธด้วยเหตุผลว่า "อยากจะแก้นิสัยตัวเองเพราะคุมนโยบายกับบริหารงานนั้นไม่เหมือนกัน เราอาจจะจู้จี้มากเกินไปเมื่อเป็นผู้บริหาร แต่เมื่อคุมนโยบายเราก็ต้องเปิดโอกาสให้คนที่มีความรู้ความสามารถเข้าดำเนินงานบ้าง ผมพยายามบอกตัวเองอย่างนั้น อีกอย่างจากบทเรียนของผมต่อไปแม้จะเป็นลูกจ้าง แต่ผมก็คงต้องเข้าไปถือหุ้นบ้าง ไม่ใช่ประเด็นเพื่อความมั่นคงอย่างเดียว แต่เพื่อได้มีส่วนในการกำหนดทิศทางบริษัทได้อย่างแท้จริง"

คนที่สอนบทเรียนนี้ให้เขาจะเป็นใครอื่นไปไม่ได้ ถ้าไม่ใช่คีรี !

แอนดี้ได้ เดวิด โจ นักการตลาดจากไต้หวันมาเป็นกรรมการผู้จัดการ "สวรรค์ใหม่" เขาเข้ามาเมืองไทยเมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เดิมจะมาช่วยด้านแผนการตลาดในการสร้างเครือข่ายร่วมกันระหว่างไอบีซีกับไทยสกาย แต่เนื่องจากมีความล่าช้า ไม่ราบรื่นเขาจึงกลับไต้หวัน และในที่สุดก็ตกลงใจมาร่วมงานกับแอนดี้ ซึ่งเป็นคนชวนเขาเข้ามาทำงานที่ไทยสกายโดยได้รับข้อเสนอเป็นหุ้นส่วนบริษัทด้วย

โจกล่าวกับ "ผู้จัดการ" ว่า แผนการตลาดของบริษัทนั้นจะเน้นการขายตรง เข้าถึงครัวเรือนโดยเริ่มจากชาวต่างชาติในไทย (รวมทั้งชาวไต้หวัน) แต่ก็จะกระจายไปสู่ตลาดคนไทยในที่สุดด้วย

"เราวางแผน 6 ปี ในช่วง 2 ปีแรก คาดว่าจะลงทุน 10-20 ล้านบาท เป็นการนำเข้าสินค้าและดำเนินธุรกิจ ในช่วงนี้ตั้งเป้ายอดขายประมาณ 500 ล้านบาท 2 ปีต่อมา อาจจะตั้งโรงงานผลิตสินค้าในไทย" โจพูดถึงแผนการในการดำเนินของสวรรค์ใหม่คร่าว ๆ

ในขั้นนี้สวรรค์ใหม่มีสินค้า 4 ตัวคือ เครื่องผลิตอากาศบริสุทธิ์ด้วยโอโซน แก๊ซเซฟตี้ล็อค เครื่องกรองน้ำและเครื่องผลิตโอโซนไอออนลบที่ช่วยขจัดสารพิษในพืชผักผลไม้

เป้าหมายของแอนดี้ สำหรับสวรรค์ใหม่ที่ วันนี้วางมือให้คนอื่นบริหารบ้างแล้ว ออกจะดูใหญ่โตเหมือนกันแต่กิจการที่มีแบ็คอัพเป็นกลุ่มไต้หวันที่คลุกคลีอยู่ในไทยมานาน น่าจะมีส่วนเกื้อหนุนสวรรค์ใหม่พอสมควร

"หุ้นส่วนทั้งหมดมี 10 คนคุณเดวิดสัน ไต้ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท CEI ผลิตพัดลม ตั้งอยู่ที่บางนา-ตราดและอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ด้วย คุณหลี่ อยู่ในวงการก่อสร้างทั้งที่มาเลย์และไทย คุณเฉินนำเข้าเครื่องนุ่งห่ม อาหาร เคมีภัณฑ์ โดยวางขายตามห้างสรรพสินค้าในไทย 6 แห่ง คุณหลิน เหวิน หง รองประธานบริษัทค้าแว่นและเพชรพลอย คุณหลี่จื้อหมิง ทำเครื่องประดับเพชรพลอยและหินมีค่า คุณแนนซี่เป็นตัวแทนให้บริษัทนิคเคน และมีธุรกิจส่วนตัวนำเข้า-ส่งออกอาหารทะเล นอกนั้นเป็นคนสัญชาติไทยอีก 2-3 คน" โจเปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับผู้หุ้น

นี่คือเส้นทางเดินของนักธุรกิจไต้หวันที่ทำมาหากินในเมืองไทย จากมือปืนรับจ้างสู่ความเป็นเถ้าแก่ แอนดี้พูดทิ้งท้ายเหมือนจะตีวัวกระทบคราดใครบางคนว่า "อย่าไปสนใจเรื่อง 'ไฮ โปรไฟล์' มากนัก เราหันมาสร้างกิจการดีกว่า กู๊ดวิลล์ของกิจการนั้นอยู่ที่การบริหารไม่ใช่อยู่ที่ภาพของกิจการที่ปรากฎออกไป"



กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.