จุฑานาวีเล็งจ่ายปันผลสิ้นปีนี้หลังลดพาร์ล้างขาดทุนสะสม36ล้าน


ผู้จัดการรายวัน(12 กันยายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

จุฑานาวี เล็งจ่ายปันผลให้กับผู้ถือหุ้นภายในสิ้นปีนี้ หลังลดพาร์จากหุ้นละ 4 บาทเหลือหุ้นละ 3 บาท ทำให้ล้างขาดทุนสะสมได้หมด เผยจับมือนอร์ดานา โปรเจ็ค แอนด์ ชาร์เตอร์ริง ตั้งบริษัทย่อย ตั้งเป้า3 ปีซื้อเรือเพิ่มอีก 10 ลำ

นายชเนศร์ เพ็ญชาติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท จุฑานาวี จำกัด (มหาชน) หรือJUTHA เปิดเผยว่า บริษัทได้ดำเนินการล้างขาดทุนสะสมจำนวน 36.31 ล้านบาท โดยลดมูลค่าที่ตราไว้(พาร์)จากหุ้นละ 4 บาทลดเหลือหุ้นละ 3 บาท และจะจดทะเบียนใหม่กับกระทรวงพาณิชย์ภายในวันที่ 13 กันยายนนี้ ทำให้งบการเงินในงวดไตรมาส 2 กลับมามีกำไรสะสมประมาณ 50 ล้านบาท และทำให้บริษัทอยู่ในข่ายที่สามารถจ่ายเงินปันผลได้ โดยบริษัทมีนโยบายการจ่ายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ เพราะก่อนหน้านี้บริษัทไม่สามารถจ่ายเงินปันผลได้

ทั้งนี้บริษัทคาดว่าปี 2550จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 27%จากปีนี้ เนื่องจากบริษัทมีแผนที่จะทยอยซื้อเรือลำใหม่เพิ่มขึ้นอีก 3 ลำ โดยจะซื้อร่วมกับพันธมิตร บริษัทนอร์ดานา โปรเจ็ค แอนด์ ชาร์เตอร์ริง จำกัด ซึ่งจะเป็นเรือลำใหม่เข้ามาแทนที่เรือเก่าที่กำลังจะหมดอายุการใช้งาน จากที่ปัจจุบันบริษัทมีเรือทั้งหมด 7 ลำ ขณะเดียวกันในเดือนมกราคม2550 ก็จะขายเรือจำนวน 1 ลำ เนื่องจากเรือดังกล่าวมีอายุการใช้งานกว่า 27 ปี ส่งผลให้บริษัทมีเงินทุนเข้ามา 3-4 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อที่จะนำไปลงทุนซื้อเรือเพิ่มอีก

"บริษัทมั่นใจว่าภายในปี2550จะมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดด ภายหลังจากที่บริษัทได้เปลี่ยนนโยบายการรับส่งสินค้ามาเป็นการให้เช่าเรือส่งผลให้บริษัทลดค่าใช้จ่ายในเรื่องการใช้น้ำมันน้อยลง ประกอบกับบริษัทมีเรือเพิ่มขึ้น"นายชเนศร์กล่าว

อย่างไรก็ดีหลังจากที่บริษัทร่วมมือกับบริษัท นอร์ดานา โปรเจ็ค แอนด์ ชาร์เตอร์ริ่ง จำกัด จัดตั้งบริษัทย่อยเพื่อซื้อเรือเอนกประสงค์ เบื้องต้นมีแผนจะซื้อเรือประมาณ 10 ลำ ราคาเฉลี่ยลำละ 10 ล้านเหรียญ ภายในระยะเวลา3 ปี ซึ่งจะเป็นการทยอยซื้อปีละ 2-3 ลำ โดยเงินที่จะนำมาลงทุนซื้อเรือนี้ 70% จะมาจากการกู้ยืมของบริษัทพันธมิตร และบริษัทจะลงทุนอีก 15% ซึ่งเรือที่จะซื้อใหม่นี้ทางพันธมิตรก็มีแผนที่จะเช่าทั้งหมดระยะ 8-10 ปี

นายชเนศร์ กล่าวว่า ภายในปีนี้จะพยายามรักษากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 36% เพิ่มจากปีก่อน 29% จากค่าระวางเรือปีนี้ได้ปรับขึ้นเป็น 7,100 ดอลล่าร์สหรัฐต่อวันจากงวดเดียวกันของปีก่อน 6,800 ดอลล่าร์สหรัฐต่อวัน และจะพยายามรักษาสัดส่วนหนี้สินต่อทุน(DE)อยู่ที่ระดับ 2.5 เท่า จากปัจจุบันอยู่ที่ 4 เท่า อย่างไรก็ตามดำเนินการได้ยาก เพราะบริษัทยังต้องการขยายกองเรือเพิ่ม

สำหรับผลประกอบการในครึ่งปีหลัง คาดว่าบริษัทจะมีรายได้มากกว่าครึ่งปีแรกที่มีรายได้จากการขายและหรือการให้บริการจำนวน 386 ล้านบาทกำไรสุทธิ 108.99 ล้านบาท เนื่องจากในช่วงไตรมาส4 เป็นช่วงที่มีการส่งออกสินค้าจำนวนมาก ทำให้บริษัทมั่นใจว่ารายได้ปีนี้อยู่ที่ 780 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากปี 2548 ที่มีรายได้ 700 ล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.