SHแจงเพิ่มการปรับโครงสร้างธุรกิจเชื่อเกิดผลดีต่อผู้ถือหุ้นในระยะยาว


ผู้จัดการรายวัน(11 กันยายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

SH แจงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างธุรกิจและการขายหุ้น PP เพราะเชื่อว่าจะทำให้ผลการดำเนินงานของบริษัทดีขึ้น หากปล่อยให้เกิดภาวะขาดทุนต่อเนื่องมีแนวโน้มสูงที่จะทำให้ส่วนของผู้ถือหุ้นติดลบ แม้การเพิ่มทุนจะส่งผลกระทบต่อส่วนของผู้ถือหุ้นเดิมลดลง แต่ในระยะยาวจะส่งผลกระทบต่อผู้ถือหุ้น เชื่อ

นายชาตรี มหัทธนาดุลย์ กรรมการ บริษัท ซีฮอร์ส จำกัด (มหาชน)(SH) ได้ทำการชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมของมติที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทไปเมื่อวันที่ 6 กันยายน 2549 แล้วนั้น และตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย ได้แจ้งให้บริษัทดำเนินการชี้แจงข้อมูลเพิ่มเติมอีกครั้งในบางประเด็นเพื่อความชัดเจนต่อนักลงทุน ซึ่งทางบริษัทขอเรียนชี้แจงตามรายละเอียดดังนี้

1. ผลประโยชน์ที่นักลงทุนรายย่อยของบริษัทจะได้รับคือ ผลประกอบการของบริษัทที่จะดีขึ้นในอนาคต เนื่องจากในปัจจุบัน เมื่อทำการวิเคราะห์สถานะการณ์การทำธุรกิจของบริษัทในปัจจุบันจะเห็นได้ว่าบริษัทเองก็กำลังประสบปัญหาขาดทุนจากการดำเนินธุรกิจมาโดยตลอด เนื่องจากปัญหาการขาดแคลนวัตถุดิบและจากต้นทุนราคาการผลิตที่สูงขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อทำการเปรียบเทียบขนาดธุรกิจของบริษัทกับบริษัทคู่แข่งก็จะเห็นได้ว่าบริษัทมีขนาดเล็กกว่าจึงทำให้ยากต่อการบริหารต้นทุนให้มีความได้เปรียบทางการแข่งขัน ถ้าสถานะการณ์การขาดทุนในขณะนี้ดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ ก็มีแนวโน้มที่เป็นไปได้สูงที่มูลค่าส่วนของผู้ถือหุ้นจะติดลบในอนาคต ซึ่งทำให้บริษัทต้องถูกย้ายไปอยู่หมวดฟื้นฟูกิจการในที่สุดและเป็นผลเสียต่อผู้ถือหุ้นปัจจุบันทุกคน

ดังนั้นบริษัทจึงได้ตัดสินใจที่จะขยายกรอบการดำเนินธุรกิจของบริษัทไปยังธุรกิจที่มีอัตราการเติบโตที่สูงและให้ผลตอบแทนที่ดี แต่อย่างไรก็ตามการที่บริษัทจะสามารถดำเนินการลงทุนเพิ่มเติมได้นั้น บริษัทจำเป็นต้องมีเงินทุนที่พอเพียง ดังนั้นจึงเป็นสาเหตุที่บริษัทต้องดำเนินการเพิ่มทุนในครั้งนี้ แม้ว่าการเพิ่มทุนในครั้งนี้จะสูงถึง 2,600 ล้านบาท และจะส่งผลทำให้สัดส่วนการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นเดิมของบริษัทลดลงเป็นจำนวนมาก แต่หากมองในระยะยาวแล้ว บริษัทเชื่อว่าผู้ถือหุ้นของบริษัทจะได้รับผลประโยชน์จากการลงทุนในครั้งนี้ของบริษัทมากกว่าการที่บริษัทไม่ได้ดำเนินการแก้ไขในรูปแบบการดำเนินธุรกิจใดๆ ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ บริษัทขอยืนยันว่า การดำเนินการเพิ่มทุนเพื่อนำเงินไปลงทุนในธุรกิจใหม่นั้น เป็นการดำเนินการไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของผู้ถือหุ้นของบริษัท

2. สำหรับเรื่องของกรอบระยะเวลาการใช้เงินนั้น ตามที่บริษัทได้เคยเรียนชี้แจงไปแล้วนั้นว่า ณ ปัจจุบันบริษัทยังอยู่ระหว่างการศึกษาข้อมูลความเป็นไปได้ทางธุรกิจในหลาย ๆ แนวทางเพื่อให้บริษัทและผู้ถือหุ้นของบริษัทได้รับประโยชน์สูงสุดจากการลงทุนในครั้งนี้ ดังนั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงอีกครั้งหนึ่งว่า ณ ขณะนี้ บริษัทยังไม่สามารถกำหนดกรอบระยะเวลา ที่ชัดเจนแน่นอนได้ หากบริษัทได้ข้อสรุปที่ชัดเจนแล้ว จะดำเนินการแจ้งให้ตลาดหลักทรัพย์ แห่งประเทศไทย และนักลงทุนทั่วไปทราบโดยทันที

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่ากรอบระยะในการใช้เงินเพิ่มทุนยังไม่ชัดเจน แต่ปัจจัยบวกที่บริษัทจะเห็นได้ชัดเจนในทันทีก็คือความแข็งแกร่งทางการเงินที่ดีขึ้นของบริษัท เนื่องจากเงินสดที่เข้ามาจะทำให้บริษัทมีความสามารถในการชำระหนี้ที่สูงขึ้นอย่างนัยสำคัญและยังทำให้บริษัทมีโอกาสที่จะเข้าไป ลงทุนในธุรกิจที่มีศักยภาพอื่นๆ ได้ง่ายขึ้นอีกด้วย

3. ในส่วนประเด็นเรื่องความชัดเจนของการให้การสนับสนุน และผลักดันธุรกิจใหม่จากนักลงทุนใหม่ทั้ง 2 ราย นั้น บริษัทขอเรียนชี้แจงว่า บริษัทได้มีการประชุมหารือร่วมกับนักลงทุนใหม่ทั้ง 2 ราย ในเรื่องของแนวทางในการขยายการดำเนินธุรกิจเพิ่มเติมมาก่อนหน้านี้แล้ว ดังนั้นเมื่อนักลงทุนทั้งสองได้แสดงความสนใจที่จะเข้ามาลงทุนจึงถือว่าเป็นทางเลือกอีกทางหนึ่งให้กับทางบริษัท แต่ อย่างไรก็ตามบริษัทเองก็ตระหนักดีว่าการที่บริษัทตัดสินใจเพิ่มทุนให้กับบุคคลทั้งสองจำนวนมากก็จะมีผลกระทบต่อสัดส่วนของผู้ถือหุ้นในปัจจุบันอย่างมีนัยสำคัญ แต่ภายหลังจากการวิเคราะห์ถึงความเป็น ไปได้ทางธุรกิจของธุรกิจอาหารทะเลแช่แข็งแล้วบริษัทคาดการณ์ว่าสถานะการณ์การขาดทุนของบริษัทในปัจจุบันคงไม่สามารถพลิกกลับมาเป็นกำไรอย่างก้าวกระโดดได้ในอนาคตอันใกล้ ซึ่งถ้ามองอีกนัยหนึ่งก็หมายความว่านักลงทุนทั้งสองรายจะต้องเป็นผู้แบกรับภาระการขาดทุนในอนาคตแทนผู้ถือหุ้นใน ปัจจุบันเนื่องจากจะมีสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทสูงกว่าผู้ถือหุ้นในปัจจุบันรวมกัน

ทั้งนี้ บริษัทเชื่อว่าการที่นักลงทุนรายใดจะตัดสินใจเข้ามาลงทุนอย่างมีนัยสำคัญในบริษัทใดที่ประสบปัญหาการขาดทุนและกำลังสูญเสียความได้เปรียบในการแข่งขันทางธุรกิจ นักลงทุนรายนั้นคงต้องมีการใตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว อย่างไรก็ตามบริษัทเองก็มีความกังวลเหมือนกันว่านักลงทุนที่เข้ามาใหม่นี้อาจจะไม่ได้มีเจตนาเข้ามาฟื้นฟูฐานะกิจการของบริษัทจริง แต่อาจเพียงต้องการที่จะเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเอง และนำพาความเสียหายมาให้กับผู้ถือหุ้นในปัจจุบัน

ดังนั้นการที่ บริษัทได้รับฟังแนวความคิดใหม่ ๆ ที่น่าสนใจจากนักลงทุนก็ไม่ได้เป็นการรับประกันว่าแนวความคิดเหล่านั้นจะต้องประสบความสำเร็จเสมอไป เพื่อเป็นการทดสอบความตั้งใจจริงและความมั่นใจของนักลงทุนทั้งสอง บริษัทจึงขอให้นักลงทุนทั้งสองดำเนินการชำระเงินเพิ่มทุนเป็นรูปเงินสดให้เสร็จสิ้นภายในเดือนตุลาคม 2549 ภายหลังจากที่ได้รับการอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นที่จะถูกจัดขึ้นในวันที่ 2 ตุลาคม 2549 นี้ โดยนักลงทุนทั้งสองเองก็ไม่มีข้อขัดข้องแต่ประการใดซึ่งก็เป็นการแสดงถึงเจตนาที่บริสุทธิ์ และความจริงใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุนกับทางบริษัทในครั้งนี้


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.