ถนอม อังคณะวัฒนา ฝากอนาคตในธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ของเขาไว้กับการพิจารณาของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์
และตลาดหลักทรัพย์ หรือ กลต. และคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ว่า จะอนุมัติให้บริษัทโมเดอร์นโฮม
ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ของเขา เข้าเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์หรือไม่
"เราจำเป็นต้องเข้าตลาดหลักทรัพย์ครับ ไม่อย่างนั้นแล้วทำอะไรไม่ได้
ถ้าเรามีต้นทุนทีสูงกว่าผู้อื่น ต้องแพ้เขาแน่นอนเลย" ประธานกรรมการบริษัทโมเดอร์นโฮม
ยอมรับในความจริงซึ่งก็เป็นที่รู้กันทั่วไปแล้วว่า ต้นทุนการเงินนั้นมีความสำคัญในการกำหนดการแพ้
ชนะ และแหล่งเงินทุนที่ถูกที่สุดก็คือ การระดมเงินจากตลาดทุนหรือตลาดหลักทรัพย์นั่นเอง
โดยเฉพาะในยุคที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ใหญ่ๆ ต่างก็เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เรียบร้อยแล้ว
บริษัทที่ยังไม่ได้เข้าตลาดก็ย่อมจะต้องตกอยู่ในสภาพที่เสียเปรียบเป็นอย่างยิ่ง
ถนอมเองก็ไม่เคยคิดว่าเขามีความจำเป็นที่จะต้องกระจายหุ้น แบ่งส่วนของความเป็นเจ้าของบริษัทให้คนภายนอกเพื่อแลกกับเงินทุนในการดำเนินงานที่มีต้นทุนต่ำ
โครงการวอลล์สตรีททาวเวอร์ ออฟฟิศคอนโดมีเนียมบนถนนสุริวงศ์ ซึ่งถนอมเป็นผู้จัดการโครงการนั้น
ทำให้ชื่อของเขาเป็นที่รู้จักในแวดวงอาคารชุดตั้งแต่ปี 2526 และเขาได้ก่อตั้ง
บริษัทโมเดอร์นโฮมฯ ขึ้นเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2530 โดยมีวัตถุประสงค์ในการทำธุรกิจรับสร้างบ้านเช่นเดียวกับบริษัทสตาร์บล็อค
และบริษัทซีคอน ซึ่งกำลังโด่งดังอยู่ในสมัยนั้น
ถนอมเคยกล่าวว่ารับสร้างบ้าน เป็นธุรกิจที่ง่ายในการหมุนเงิน แต่ยากในการบริหารงาน
เพราะเป็นธุรกิจที่ใช้เงินไม่มากนัก แต่ในขณะเดียวกันจะยุ่งยากในการควบคุมดูแลไซท์งาน
ซึ่งกระจายอยู่ในทำเลต่างๆ กันของลูกค้าซึ่งเป็นเจ้าของที่ดิน
ดังนั้นแนวความคิดที่จะเข้ามาทำโครงการพัฒนาที่ดินเองก็ได้เริ่มเกิดขึ้น
โดยคราวแรกๆ นั้นได้เข้าไปร่วมงานกับรังสรรค์ ต่อสุวรรณ ทำโครงการคอนโดมีเนียมตากอากาศราคาแพงชายทะเล
งานขายโครงการเหล่านั้นยังไม่ทันหมด เขาก็ลุยงานทางด้านที่อยู่อาศัยอย่างต่อเนื่องทั้งในกรุงเทพฯ
และต่างจังหวัดต่อทันที ซึ่งโครงการที่กำลังดำเนินการอยู่ในขณะนี้ก็มีโครงการ
"บ้านกลางบุรี" ในซอยสุขุมวิท 49 โครงการ "โมเดอร์นโฮมเพลส"
ในซอยสุขุมวิท 77 โครงการ "โมเดอร์น การ์เด้นท์ วิลเลจ" ในจังหวัดจันทบุรี
โครงการ "มาสเตอร์วิวเอ็กเซ็กคิวทีฟ เพลส" บนถนนเจริญนคร โครงการ
"โมเดอร์นโฮมทาวเวอร์ ดิ เอ็กซคลูซีฟ เพลส"
พร้อมๆ กับการเร่งยอดขายและการก่อสร้างอย่างหนัก ความคิดที่จะผลักดันบริษัทตัวเองเข้าตลาดหลักทรัพย์ก็เกิดขึ้น
ด้วยเหตุผลที่เขายืนยันเอาไว้เบื้องต้นและเพื่อให้บริษัทของตนแข็งแกร่งยิ่งขึ้น
นอกจากเร่งสร้างโครงการตนเองแล้ว เขายังไปจับมือร่วมทุนกับกลุ่มอื่นๆ อีกด้วยโดยเข้าไปถือหุ้น
55% ในบริษัทบางใหญ่เรียลเอสเตทของสายัณห์ มั่นเหมาะ เจ้าพ่อทางด้านการทำโครงการบ้านจัดสรรอีกคนหนึ่งย่านบางใหญ่
ในจังหวัดนนทบุรี เจ้าของโครงการบางใหญ่ซิตี้ เซ็นเตอร์ และคลัสเตอร์พาร์คที่กำลังโหมงานขายอยู่ในวันนี้
สายัณห์นั้นจะมีความถนัดอย่างมากในเรื่องของทำบ้านจัดสรร อาคารพาณิชย์และทาวเฮ้าส์
ในระดับราคาปานกลาง จนลงมาถึงระดับราคาของผู้มีรายได้น้อย ในขณะที่ถนอมมีความชำนาญในเรื่องการสร้างที่อยู่อาศัยในรูปแบบของตึกสูง
ระดับราคาปานกลางถึงสูง เมื่อร่วมงานกันได้แน่นอนว่า โมเดอร์นโฮมฯ รูปโฉมใหม่นี้ก็จะมีโครงการที่หลากหลาย
และกวาดลูกค้าได้หลายระดับ โดยจะมีการแบ่งกันทำโครงการโดยชัดเจน เช่น หากเป็นทำเลนอกเมืองราคาปานกลาง
สายัณห์ ก็จะเป็นผู้รับผิดชอบ แต่หากเป็นโครงการในเมืองราคาปานกลางถึงสูงถนอมก็จะเป็นคนจัดการ
เมื่อถนอมเข้าไปถือหุ้นในกิจการของสายัณห์แล้ว ทางกลุ่มบางใหญ่ของสายัณห์ก็เข้ามาถือหุ้นในโมเดอร์นโฮมของถนอมเป็นจำนวน
19% ด้วย
การแลกหุ้นกันไปมาระหว่างกลุ่มของถนอมกับสายัณห์นี้ นอกจากจะเป็นรูปแบบของพันธมิตรธุรกิจที่ต่างฝ่ายต่างก็แสวงหาจุดแข็งของกันและกันมาเสริมให้กับตัวเองแล้ว
เหตุผลที่แท้จริงคือ เป็นการปรับโครงสร้างทางด้านสินทรัพย์ และผลการประกอบการเพื่อให้สอดคล้องกับหลักเกณฑ์การรับหลักทรัพย์ใหม่ของ
กลต.
ลำพังเฉพาะกิจการของถนอมหรือสายัณห์คนหนึ่งคนใดเพียงเดี่ยวๆ จะขอเข้าตลาดหลักทรัพย์ด้วยตัวเองนั้นเป็นเรื่องไม่ง่ายนัก
เพราะกติกาหลักเกณฑ์ในการรับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เข้าตลาดนั้น มีความเข้มงวดมากเป็นพิเศษ
การรวมตัวกันของถนอมกับสายัณห์จะว่าไปแล้วก็คือการแต่งเนื้อแต่งตัวให้ดูดีเพื่อเตรียมเข้าตลาดนั่นเอง
โดยแทนที่จะต่างคนต่างเข้าก็หันมาจับมือร่วมกัน ใช้โมเดอร์นโฮมของถนอมเป็นตัวหลักเข้าไปก่อน
โครงสร้างผู้ถือหุ้นล่าสุดของโมเดอร์นโฮม กลุ่มของถนอมและครอบครัวมีหุ้นอยู่ประมาณ
34% กลุ่มบางใหญ่เรียลเอสเตทของสายัณห์ 19% กลุ่มสถาบันการเงินภายในประเทศ
18% กลุ่มสถาบันการเงินนอกประเทศอีก 9% และผู้ถือหุ้นรายย่อยอีกประมาณ 20%
และได้เพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 800 ล้านบาท เรียกชำระแล้ว 520 ล้านบาท ในระหว่างรอการพิจารณาของคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์
ทางบริษัทก็ได้เตรียมหาซื้อที่ดินเพื่อทำโครงการใหม่ไว้อีก 2 โครงการคือ
ทาวน์เฮาส์ และคอนโดในเมือง
นอกจากนั้นก็ยังไปร่วมทุนกับบริษัทภูมิทรัพย์ เจ้าของโครงการมาสเตอร์วิว
เอ็กเซ็กคิวทีฟเพลส และบริษัทเรมีคอน จำกัด ซึ่งเป็นผู้ผลิตคอนกรีตผสมเสร็จอีกด้วย
เมื่อรวมทรัยพ์สินทั้งหมดของโมเดอร์นโฮมแล้วขณะนี้ ถนอมยืนยันว่ามีไม่ต่ำกว่า
3,400 ล้านบาท
ช่วงเวลานานกว่า 10 ปีที่ถนอมคลุกคลีอยู่ในวงการอสังหาริมทรัยพ์ ฟันฝ่าคลื่นลมทางด้านมรสุมเศรษฐกิจที่ร้ายแรงมาแล้ว
2 ช่วงคือเมื่อปี 2527-2529 ที่เศรษฐกิจตกต่ำและช่วงสงครามอ่าวเปอร์เซียเมื่อปี
2533 จนถึงมรสุมลูกใหม่ทางด้านการแข่งขันทางด้านการตลาดที่กำลังร้อนแรงในวันนี้
เงื่อนไขที่จะทำให้โมเดอร์นโฮมฝ่าฟันต่อไปได้ก็คือโอกาสที่จะได้เป็นบริษัทในตลาดหลักทรัพย์