ในบรรดาบริษัทรับเหมาก่อสร้างจากต่างชาติที่มุ่งหน้าหวังจะเข้ามารับงานในไทยนั้น
คงไม่มีชาติอื่นใดที่รู้ใจคนไทยเท่ากับผู้รับเหมาที่มาจากทวีปเอเชียด้วยกัน
ไม่ต้องดูอื่นไกลเจ้าประจำที่เข้ามารับงานในไทยแรกๆ ก่อนใครเพื่อน ก็ไม่หนีไปจากญี่ปุ่น
ที่อาศัยเครดิตเรื่องเงินช่วยเหลือต่างประเทศที่ให้แก่ไทยมากเป็นพิเศษ เข้ามาเป็นใบเบิกทางรับงานได้อย่างมีศักยภาพสูงกว่าประเทศอื่นที่ตามมาภายหลัง
นอกจากนั้นด้วยคุณลักษณะของบริษัทรับเหมาจากญี่ปุ่นที่ถึงพร้อมด้วยความตรงต่อเวลา
และการรักษาสัจวาจาที่ตัวเองได้ลั่นปากไว้ให้กับเจ้าของโครงการ เหล่านี้เป็นคุณสมบัติส่วนเสริมที่ทำให้จนถึงทุกวันนี้
ญี่ปุ่นก็ยังรักษาระดับการรับงานไว้ในระดับแนวหน้าได้เช่นเดิม
ถัดจากนั้นมาจนถึงทศวรรษปัจจุบัน เกาหลีใต้ ประเทศซึ่งมีความคล้ายคลึงหลายประการกับญี่ปุ่น
ก็ได้พยายามอาศัยจุดขายหลายข้อที่ไม่แตกต่างจากญี่ปุ่นข้างต้น มาเป็นกลยุทธ์ในการทำให้คนไทยรู้จักบริษัทรับเหมาจากประเทศนี้แต่เนื่องด้วยข้อด้อยบางประการ
จึงทำให้แนวหน้าของธุรกิจรับเหมาจากเกาหลีชุดแรกๆ ไม่สามารถทะลวงฟันเอาส่วนแบ่งงานโครงการมาเชยชมได้มากตามต้องการ
ดังนั้นผู้รับเหมาหน้าใหม่ๆ จากเกาหลีที่หวังจะเข้ามาไทยในงวดใหม่นี้ จึงจำเป็นอย่างยิ่งจะต้องศึกษาบทเรียนของรับเหมาหน้าเก่าที่เข้ามาก่อนหน้า
และปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับสถานการณ์
"แดวู คอนสตรัคชั่น" ถือเป็นบริษัทรับเหมาระดับ TOP FIVE ของเกาหลี
และถือเป็นหน้าใหม่ดังกล่าวที่หมายตาจะเข้ามารับงานในไทยมานานพอสมควรแล้ว
แต่ยังไม่ได้โอกาสเหมาะสักครั้ง
จนกระทั่งเมื่อมาพบเนื้อคู่ที่ถูกชะตากันมากที่สุดอย่างเช่นค่ายสหยูเนียน
เมื่อ 3 ปีที่แล้ว การหมั้นหมายระหว่างกันจึงได้เกิดขึ้น
โดยแรกเริ่มนั้น ได้มีการพูดจากกันระหว่าง 2 กลุ่มนี้มานานพอสมควร ซึ่งในขั้นต้นทางสหยูเนียนก็มีโครงการที่จะขยายงานด้านโรงงานอุตสาหกรรมในเครือของตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็นสิ่งทอ หรือเครื่องไฟฟ้าหรือการขยายบทบาทของตัวเองเข้าไปในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ด้วยเช่นกัน
จึงได้ตกปากรับคำทางแดวูที่จะเข้าถือหุ้นในบริษัทใหม่คือ "บริษัทยูเนียนแดวู
เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด" ในอัตรา 51:49 อย่างเต็มใจ
ในขณะที่แดวูเองก็เต็มใจอยู่แล้ว ที่จะปรับกลยุทธ์ในการเข้ามารับงานในไทยเสียใหม่
หลังจากที่ได้เรียนรู้ประสบการณ์จากคนที่มาก่อนหน้าว่า การเข้ามาเปิดตลาดในไทยโดยเข้าร่วมถือหุ้นกับบริษัทชั้นแนวหน้านั้น
จะเป็นหนทางออกที่ดีของปัญหาการเจาะตลาดร่วมกันรับงานในไทย เพราะจะเป็นหลักประกันด้านชื่อเสียงซึ่งจะเป็นที่รู้จักอย่างรวดเร็ว
นอกจากการเจาะตลาดเพื่อรับงานจะเป็นไปอย่างคล่องตัวแล้ว แต่ละฝ่ายต่างก็มีอุปสงค์ของตัวเอง
โดยแดวูก็หวังว่าจะอาศัยฐานของสหยูเนียนเพื่อศึกษาสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์ในไทย
เพื่อการก้าวต่อไปสู่ภูมิภาคอินโดจีน ตามความมุ่งหมายเดิม ในขณะที่สหยูเนียนก็หวังเป็นอย่างมากว่าจะได้มีโอกาสเรียนรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีก่อสร้างจากแดวู
เพื่อไปประสมประสานปรับใช้กับการขยายโครงการของตัวเองในอนาคต
แต่แล้วก็เหมือนกับมีอะไรมาบดบังทำให้การร่วมงานระหว่าง 2 กลุ่มนี้ต้องไปเรื่อยๆ
มากว่า 3 ปี โดยยังไม่มีโอกาสได้รับงานใหญ่เป็นชิ้นเป็นอันแต่อย่างใด
โดยสังเกตได้จากผลงานที่ยูเนียน แดวูรับทั้งในอดีตที่ผ่านมาและที่รับอยู่ในปัจจุบันจะมีมูลค่างานไม่เกิน
400 ล้านบาทเท่านั้น อย่างโครงการที่ทำไปเสร็จแล้ว เช่น บ้านฉางพลาซ่า มูลค่าประมาณ
140 ล้านบาท และบ้านฉางช้อปเฮาส์ก็มีมูลค่าเพียง 18 ล้านบาทเท่านั้น หรือโครงการอีสเทอร์นสตาร์คลับเฮาส์
ก็มีมูลค่าเพียง 34 ล้านบาท และโรงงานกระดาษที่สิงห์บุรีก็เป็นโครงการล่าสุดที่เพิ่งเสร็จสิ้นไปในราคาเพียง
263 ล้านบาทเท่านั้น
ส่วนโครงการที่กำลังก่อสร้างในปัจจุบัน อย่างเช่นโรงแรมเซ็นจูรี่ปาร์คก็อยู่ในวงเงินเพียง
300 กว่าล้าน หรือโครงการราชการอย่างอาคารสำนักงานใหญ่ของการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยก็ไม่เกินวงเงิน
400 ล้านบาทไปแต่อย่างใด และล่าสุดกับโรงแรมภูเก็ตซิตี้ ทราเวล ลอดจ์ ก็เพียง
205 ล้านบาทเท่านั้น
ผู้ใกล้ชิดกับบริษัททั้ง 2 ให้ทัศนะถึงสาเหตุที่ความร่วมมือของทั้ง 2 บริษัทยังเป็นไปได้อย่างไม่เต็มที่ว่า
เพราะทางสหยูเนียนยังไม่มีทีท่าแต่ประการใดที่จะเข้าไปร่วมมือในบริษัทร่วมทุนนี้อย่างจริงจัง
เพราะนอกจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในประเทศยังไม่ได้ส่งสัญญาณให้บุกได้เต็มที่แล้ว
นโยบายการลงทุนของสหยูเนียนในขณะนี้ก็ยังมุ่งเน้นที่จะไปลงทุนในต่างประเทศเป็นส่วนใหญ่
โดยเฉพาะในประเทศจีน เช่นการก่อสร้างพาวเวอร์แพลนท์ หรือโรงงานผลิตไฟฟ้า
ก็ไม่มีความจำเป็นแต่อย่างใดที่จะต้องอาศัยความช่วยเหลือจากพันธมิตรแดวู
"ที่เมืองจีนบริษัทรับเหมาก่อสร้างมีมากมายทุกระดับให้เลือก ซึ่งถ้าเปรียบเทียบราคากับการส่งผู้รับเหมาจากภายนอกเข้าไป
การใช้ผู้รับเหมาพื้นเมืองย่อมถูกกว่าอย่างแน่นอน ดังนั้นความสัมพันธ์ของ
2 กลุ่มนี้จึงดูเหมือนว่า ทางสหยูเนียนจะปล่อยให้ทางแดวูหาลูกค้าเอาเองเสียมากกว่า"
ผู้ใกล้ชิดให้ทัศนะ
เมื่อสถานการณ์เป็นเช่นนี้ ชองโร ลี กรรมการผู้จัดการบริษัทยูเนียน แดวู
ซึ่งรับหน้าเสื่อในการผลักดันให้ความมุ่งหมายของบริษัทพันธมิตเป็นจริงนั้น
ก็คงต้องหนักพอสมควร อย่างไรก็ตาม ชอง ยังคงยืนยันว่า ความร่วมมือฉันท์มิตรระหว่างสหยูเนียนและแดวูยังคงสม่ำเสมอไม่เปลี่ยนแปลงแต่อย่างใด
และทั้ง 2 ฝ่ายยังคงยึดหลัก "แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง" ไว้เช่นเดิม
ด้วยการตั้งเป้าว่าภายในปีนี้จะต้องมีผลดำเนินการไม่น้อยกว่า 2,000 ล้านบาท
ในขณะที่ปีที่แล้วมีผลประกอบการเพียง 1,000 ล้านบาทเท่านั้น
ชองยังมีความเชื่อมั่นว่าเมื่อกระแสการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ดีขึ้นกว่านี้แล้ว
ทางสหยูเนียนก็คงจะแสดงความสนใจเข้ามาร่วมกิจกรรมกับแดวูมากยิ่งขึ้น
"ตอนนี้เรากำลังหวังว่าจะได้เข้าไปรับงานอาคารขนาดใหญ่สูงถึง 44 ชั้นในเร็วๆ
นี้ ซึ่งเราหวังว่าด้วยงานนี้จะทำให้เรามีเครดิตที่จะไปรับงานขนาดใหญ่มากกว่านี้อีก"
ชองกล่าว
ในส่วนของชองเองนั้นไม่ค่อยจะเป็นห่วงปัญหาความร่วมมือกับสหยูเนียนมากนัก
แต่ตัวเขาเองกลับเป็นห่วงปัญหาการขาดแคลนบุคลากรด้านงานก่อสร้างที่ยังคงเรื้อรังอยู่จนถึงขณะนี้
เพราะแม้ว่าทางยูเนียนแดวูจะพยายามเปิดโอกาสให้วิศวกรของไทยได้เข้าไปมีบทบาทในงานของบริษัทได้อย่างเต็มที่แล้วก็ตาม
แต่สงครามการแย่งชิงคนดีมีความสามารถในธุรกิจประเภทนี้ยังคงรุนแรงแสนสาหัสเช่นเดิม
อีกปัญหาหนึ่งที่ชองวิตกเป็นอย่างมากเช่นเดียวกันคือ การแข่งขันตัดราคาในวงการก่อสร้างที่ยังคงรุนแรงอยู่ตลอดมา
จนดูเหมือนว่าทุกค่ายในวงการจะต้องเข้าไปตัดราคาด้วยจึงจะอยู่รอดได้
ซึ่งหากสถานการณ์บีบมากกว่านี้แล้ว ยูเนียนแดวูก็คงอดไม่ได้เช่นกันที่จะต้องเข้าไปร่วมในมหกรรมการตัดราคาด้วยอย่างช่วยไม่ได้
อย่างไรก็ตามชองมีความเชื่อมั่นว่า ด้วยแนวทางการรับงานของแดวูในช่วงต่อไปที่จะหันไปรับงานภาคเอกชนมากขึ้น
ในขณะที่จะไม่ทิ้งการรับงานราชการหรือสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ โดยเฉพาะงานรถไฟฟ้าใต้ดิน
ซึ่งทางแดวูบริษัทแม่มีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นพิเศษ และมีความในใจจนได้ตั้งทีมศึกษาการเข้ามารับงานในไทยทางด้านนี้โดยเฉพาะ
เป็นที่น่าสังเกตว่า ประสบการณ์ของบริษัทรับเหมาจากเกาหลีก่อนหน้า แม้ว่าจะช่วยเตือนสติน้องใหม่ที่เข้ามาภายหลังให้ระมัดระวังตัวในการเข้ามารับงานให้จงหนักแล้วก็ตาม
แต่การเลือกพันธมิตรหรือลูกค้าเจ้าของโครงการ ก็ดูจะเป็นเรื่องของโชคชะตาไปเสียแล้ว
ดูจากประสงการณ์ของรุ่นพี่บริษัทซัมซุง คอนสตรัคชั่น ที่ต้องมารับเคราะห์กรรมในการรับงานครั้งแรก
คืออาคารสีลมพรีเชียส ทาวเวอร์ และโครงการรัตนโกสินทร์ ไอร์แลนด์ ก็ต้องเจอปัญหาหนักทั้ง
2 โครงการเสียแล้ว
ก็คงจะเป็นเครื่องเตือนสติยูเนียนแดวู ให้ระมัดระวังตัวอย่าปล่อยให้เกิดอาถรรพณ์ที่ว่า
"หนทางของบริษัทรับเหมาเกาหลีจะต้องประสบปัญหาจนไปไม่ถึงฝั่งฝันแม้แต่รายเดียว"