|
นับถอยหลังเศรษฐกิจ"รูดถึงจุดต่ำสุด" เช่าซื้อบอบช้ำราคามือสองร่วงต้นทุนวิ่ง
ผู้จัดการรายสัปดาห์(11 กันยายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
แบงก์ชาติมั่นใจไตรมาส 4 ปีนี้เศรษฐกิจดิ่งถึงจุดต่ำสุด รอสัญญาณการบริโภคภายในเพิ่ม ดอกเบี้ยปรับตัวลดลง ขณะที่"สมาคมเช่าซื้อ"โอดราคารถมือ 2 ดิ่ง20-40% กดราคาสินทรัพย์ต่ำกว่าจำนวนเงินปล่อยกู้ ดอกเบี้ยวิ่งยังผลักภาระต้นทุนการเงิน ยึดรถก็ขายต่อยาก ต้องปรับตัวหันมาบริหารพอร์ตเพิ่มประสิทธิภาพ-บริหารต้นทุนป้องกันความเสี่ยง คาดครึ่งปีหน้ากำลังซื้อมีสิทธิ์หวนกลับหลังการเมืองเริ่มนิ่ง ส่วนครึ่งหลังปี 2550 คาดเห็นดอกเบี้ยนิ่ง ราคาน้ำมันทรงตัว ต้นทุนของผู้ประกอบการลด
บัณฑิต นิจถาวร รองผู้ว่าการสายเสถียรภาพการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) กล่าวบรรยายในหัวข้อ "โค้งสุดท้ายเศรษฐกิจไทยและปัจจัยเสี่ยง ดอกเบี้ย น้ำมันและธุรกิจเช่าซื้อ" ว่า จุดเปลี่ยนของเศรษฐกิจไทยน่าจะเกิดขึ้นในต้นปีหน้า จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศที่เพิ่มขึ้น ในขณะที่เงินเฟ้อเริ่มลดลง
"ไตรมาส 4 ปีนี้ น่าจะเป็นจุดที่เศรษฐกิจถึงจุดต่ำสุดแต่ไทยยังมีจุดที่เข้มแข็งคือภาคการส่งงออก ภาคการเกษตรและภาคการท่องเที่ยวที่ขยายตัวดีมาก ส่งผลให้การจ้างงานเพิ่มมากขึ้นและฐานะการเงินภาคธุรกิจยังดีเป็นแรงที่พยุงเศรษฐกิจ ไม่ให้ปรับตัวลดลงมาก ส่วนโอกาสที่เศรษฐกิจฟื้นตัว จะอยู่ประมาณต้นปีหน้า แต่เป็นห่วงการลงทุนภาคเอกชนที่ยังมีความไม่แน่นอนว่า จะฟื้นเมื่อใด"
สิ่งที่ ธปท.อยากเห็นคือการปรับตัวของภาคธุรกิจกับราคาน้ำมันในตลาดโลกอย่างแท้จริง เพราะหากการปรับตัวของภาคธุรกิจกับราคาน้ำมันยังไม่ใช่ ราคาที่แท้จริงในตลาดโลกจะทำให้ไม่สามารถแข่งขันได้ ดังนั้น การลอยตัวราคาน้ำมัน จึงเป็นสิ่งที่ตัดสินว่า เงินเฟ้อในอนาคตจะลดลงเร็วมากน้อยเพียงใด
อย่างไรก็ตาม ธปท.เชื่อว่า เงินเฟ้อในครึ่งปีหลังมีแนวโน้มลดลงจาก 3 สาเหตุด้วยกัน คือ เศรษฐกิจ ชะลอ ,ราคาสินค้าปรับขึ้น และ ประมาณการเงินเฟ้อของภาคเอกชนที่ไม่สูงมากนักจะช่วยลดแรงกดดันไปยังธุรกิจอื่นได้และหากเงินเฟ้อลดลงจะกระตุ้นการใช้จ่ายและการลงทุนภาคเอกชนได้
แนวโน้มอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและเศรษฐกิจขยายตัวชะลอลงเกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันทั้งโลก ทำให้ไทยจะต้องระมัดระวังมากขึ้นในการดูแลด้านเศรษฐกิจ เพราะทิศทางการดำเนินนโยบายการเงินของแต่ละประเทศจะคาดการณ์ได้ลำบากมากขึ้น ซึ่งจะนำไปสู่ความผันผวนของธุรกรรมในตลาดการเงินส่งผลให้การไหลเข้า-ออกของเงินทุนผันผวนตามไปด้วย
เป็นธรรมดาที่เศรษฐกิจมหภาคย่อมต้องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจจุลภาค ราคาน้ำมันและอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องจากต้นปี ส่งผลให้กำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงซึ่งจะมีผลกระทบเป็นลูกโซ่ที่สำคัญไปถึงต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการได้ปรับขึ้นตามไปด้วย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยที่เสนอให้กับลูกค้าเงินกู้เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ ทำให้ผู้ประกอบการมีภาระต้นทุนเพิ่ม นอกจากนี้ความสามารถในการชำระคืนของลูกหนี้ ก็มีความเสี่ยงเพิ่ม ขึ้นด้วย
สำหรับราคารถยนต์ในปีนี้ไม่ได้หวือหวามากนัก แต่ราคารถยนต์หลังที่ถอยออกจากโชว์รูมมาใช้แล้ว ระดับราคาที่ขายเป็นรถมือ 2 ลดลงตั้งแต่ 20-40% ทำให้มูลค่าสินทรัพย์มีราคาต่ำกว่าที่ได้อนุมัติปล่อยกู้ไปตั้งแต่แรก ซึ่งถือว่ามีความเสี่ยงที่ชัดเจนของผู้ประกอบการในการจะขยายสินเชื่อ
เพราะฉะนั้นสำหรับผู้ประกอบการแล้วสิ่งที่เห็นได้ชัดคือความสามารถในการสร้างธุรกิจเริ่มลดลง เพราะฉะนั้นต้องบริหารพอร์ตที่มีอยู่ให้ดีขึ้น โดยต้องหันมาเน้นในเรื่องการเพิ่มประสิทธิภาพของลูกหนี้ และ คุณภาพของลูกหนี้ให้มากขึ้น รวมทั้งต้องบริหารต้นทุนทางการเงินให้ดี เพราะบางบริษัทก็มีค่าใช้จ่ายสำหรับเจ้าหน้าที่การตลาดในระดับที่สูง ทั้งนี้สิ่งที่สำคัญซึ่งจะลืมไม่ได้คือการรวมตัวหันหน้าร่วมกันในการเกื้อหนุนธุรกิจซึ่งกันและกัน
อีกเรื่องที่มีความสำคัญไม่แพ้กันคือการหันมาเน้นเรื่องการติดตามหนี้ให้มากขึ้นด้วย เช่นการเพิ่มเจ้าหน้าที่ติดตามหนี้ เพราะภาพรวมนั้นได้เห็นสัญญาณของการผิดนัดชำระหนี้เริ่มชัดเจนขึ้น นอกจากนี้การที่คาดว่าเมื่อมีการยึดรถมาแล้วก็จะสามารถขายต่อออกไปได้ก็เริ่มยากขึ้นในสภาพเศรษฐกิจเช่นนี้
"ต้องยอมรับว่าเหนื่อยมากขึ้นสำหรับธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ภาพรวมในปีนี้ เพราะอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบการปล่อยกู้ให้กับลูกค้าเป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ แต่เมื่อดอกเบี้ยขยับขึ้น ต้นทุนทางการเงินขึ้น ทำให้ธุรกิจเช่าซื้อรถยนต์ประสบกับความยาก แต่จากการที่ดอกเบี้ยเริ่มนิ่งก็ทำให้สถานการณ์เริ่มดีขึ้นแล้วเป็นลำดับ ที่สำคัญคือ ต้องหันมาให้ความสำคัญกับการบริหารพอร์ตให้ดีขึ้นโดยการเน้นประสิทธิภาพและคุณภาพของสินเชื่อ
ความเป็นจริงการใช้รถยนต์ของคนไทยยังมีความจำเป็นอยู่ แต่เพราะภาวะเศรษฐกิจที่เป็นอยู่ในขณะนี้ จึงทำใหประชาชนซื้อสิ่งของที่มีมูลค่าสูงๆ ได้แก่ บ้านและรถยนต์ ต้องมีการระมัดระวังเพิ่มขึ้น เพราะภาระของ ประชาชนไม่ได้มีหนี้เพียงอย่างเดียว บางรายมีภาระหนี้สินจากบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อที่อยู่อาศัย เมื่อดอกเบี้ยปรับตัวขึ้น ส่งผลให้กำลังซื้อโดยรวมลดลงทันที
ทั้งนี้มีการประมาณการว่าสำหรับปีนี้จะมียอดขายรถยนต์ทั้งหมดราว 6 แสนคันและคาดว่าในจำนวนนี้จะมาขอสินเชื่อเช่าซื๋อประมาณ 50% หรือ 3 แสนคัน
คาดว่าในครึ่งปีแรกของปี 2550 กำลังซื้อโดยรวมน่าจะกลับคืนมาได้ หลังจากการตั้งรัฐบาลมีความชัดเจนเป็นรูปเป็นร่างแล้ว ซึ่งจะส่งผลให้ในช่วง 6 เดือนหลังของปี 2550 จะมีงบลงทุนและการใช้จ่ายจากภาครัฐเข้ามา โดยแนวโน้มดอกเบี้ยในครึ่งปีหลังในปีหน้า ก็มีแนวโน้มว่าจะลดลง แต่ทั้งนี้ต้องขึ้นอยู่กับการเมืองต้องชัดเจนด้วย ราคาน้ำม้นก็ต้องปรับตัวลดลง และไม่มีปัจจัยลบอื่นๆแทรกซ้อนเข้ามา ซึ่งจะทำให้ต้นทุนทางการเงินของผู้ประกอบการลดลง
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|