หุ้นดิ่งผวาทวงคืน ปตท. ต่างชาติชิ่ง - "แม้ว"ท่องกติกา


ผู้จัดการรายวัน(8 กันยายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

"แม้ว" ท่องกติกา คลังโบ้ยให้กระทรวงพลังงานชี้แจงศาลปกครองสู้คดีแปรรูปปตท. ขณะที่ “ประเสริฐ” ยันพร้อมให้ความร่วมมือ เชื่อไม่กระทบแผนธุรกิจของบริษัท ด้านนักลงทุนขวัญผวากลัวหุ้นยักษ์ใหญ่ถูกเพิกถอน เทขายหุ้นเครือปตท.ร่วงยกแผง ฉุดดัชนีตลาดหุ้นไทยร่วงระนาว 9.40 จุด โดย PTT หนักสุดวันเดียวรูด 5% มาอยู่ที่ 226 บาท ต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือนมูลค่าเกือบ 2 พันล้านบาท นักวิเคราะห์ชี้ต่างชาติไม่มั่นใจหุ้นโยงการเมือง รมช.คลัง รับระทบแผนแปรรูปรัฐวิสาหกิจอื่น ด้านผู้ฟ้องปตท.ทั้งหมด องค์กรสนับสนุนและสภาทนายความ นัดหารือถึงรายละเอียดประเด็นคำฟ้องที่จะยื่นข้อมูลต่อศาลเพิ่มเติมวันนี้

ภายหลังศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งลงวันที่ 4 ก.ย. 2549 รับคำฟ้องกรณีที่มูลนิธิคุ้มครองเพื่อผู้บริโภคยื่นหนังสือเพื่อให้ ศาลมีคำสั่งเพิกถอนพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) กำหนดอำนาจสิทธิประโยชน์ของบริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) พ.ศ. 2544 และพ.ร.ฎ.กำหนดเงื่อนเวลายกเลิกกฎหมาย ว่าด้วยการปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย พ.ศ.2544 โดยกำหนดให้เป็นคดีหมายเลขดำที่ฟ.47/2549 ได้ส่งผลกระทบต่อภาพรวมการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ค่อนข้างรุนแรง

ภาวะการลงทุนในตลาดหุ้นไทย วานนี้ (7 ก.ย.) ดัชนีตลาดหุ้นได้ปรับตัวลดลงอย่างรุนแรงตั้งแต่เปิดการซื้อขาย เนื่องจากมีแรงเทขายหุ้นออกมาอย่างหนักในเครือปตท. เนื่องจากนักลงทุนค่อนข้างกังวลต่อปัจจัยดังกล่าว ส่งผลทำให้ดัชนีปิดที่ 692.56 จุด ลดลง 9.40 จุด หรือ 1.34% โดยจุดสูงสุดของวันอยู่ที่ 694.28 จุด และจุดต่ำสุดอยู่ที่ 690.66 จุด มูลค่าการซื้อขาย 9,313.76 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 461.50 ล้านบาท นักลงทุนสถาบันขายสุทธิ 31.45 ล้านบาท นักลงทุนรายย่อยซื้อสุทธิ 492.95 ล้านบาท

สำหรับความเคลื่อนไหวของราคาหุ้นในเครือปตท. ทั้ง 7 บริษัท ปรับตัวลดลงทุกบริษัท โดยหุ้น PTT ราคาปิดที่ 226 บาท ลดลง 12 บาท หรือ 5.04% โดยราคาต่ำสุดระหว่างวันอยู่ที่ 224 บาท มูลค่าการซื้อขาย 1,937.67 ล้านบาท ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำสุดในรอบกว่า 2 เดือน โดยนอกเหนือความกังวลในกรณีศาลรับคำร้องให้เพิกถอนแล้ววานนี้ยังเป็นวันแรกที่หุ้นบริษัทขึ้นเครื่องหมาย XD (ผู้ซื้อไม่มีสิทธิรับเงินปันผล) โดยบริษัทอนุมัติจ่ายเงินปันผลในอัตรา 5 บาทต่อหุ้น

หุ้น PTTEP ราคาปิดที่ 108 บาท ลดลง 3 บาท หรือ 2.70% มูลค่าการซื้อขาย 391.71 ล้านบาท, หุ้น TOP ราคาปิดที่ 60.50 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 1.63% มูลค่าการซื้อขาย 498.03 ล้านบาท, หุ้น RRC ราคาปิดที่ 19.40 บาท ลดลง 0.30 บาท หรือ 1.52% มูลค่าการซื้อขาย 335.83 ล้านบาท, หุ้น PTTCH ราคาปิดที่ 77.50 บาท ลดลง 1 บาท หรือ 1.27% มูลค่าการซื้อขาย 79.48 ล้านบาท, หุ้น TPI ราคาปิดที่ 7.25 บาท ลดลง 10 บาท หรือ 1.36% มูลค่าการซื้อขาย 169.99 ล้านบาท และหุ้น ATC ราคาปิดที่ 34.25 บาท เพิ่มขึ้น 0.25 บาท หรือ 0.74% มูลค่าการซื้อขาย 86.29 ล้านบาท

นักลงทุนต่างชาติแหยงหุ้นการเมือง

นายมนตรี ศรไพศาล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ กิมเอ็ง (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า กรณีที่ศาลปกครองสูงสุดรับคำร้องของมูลนิธิคุ้มครองผู้บริโภคให้เพิกถอน บมจ.ปตท. (PTT) ออกจากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ น่าจะส่งผลต่อบรรยากาศในการลงทุนในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เท่านั้น เพราะเชื่อว่าเมื่อผ่านไปซักระยะบรรยากาศในการลงทุนจะกลับเข้าสู่สภาวะปกติ

ทั้งนี้ กรณี ปตท. ต่างจากกรณีบริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิต จำกัด (มหาชน) หรือ กฟผ. เพราะยังไม่ได้เข้ามาจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ และยังอยู่ในช่วงที่เตรียมแปลงสภาพจากรัฐวิสาหกิจเพื่อเข้าจดทะเบียน รวมทั้งเงื่อนไขในการดำเนินธุรกิจก็ต่างกัน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวเชื่อว่าบมจ.ปตท.ไม่น่าจะถูกถอดจากการเป็นบริษัทจดทะเบียน เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ที่จดทะเบียนมานานแล้ว ซึ่งอาจจะส่งผลต่อตลาดทุน

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) นครหลวงไทย จำกัด กล่าวว่า การปรับตัวลดลงในวานนี้เหตุผลหลักคงมาจากความวิตกกังวลในกรณีศาลรับคำร้อง รวมถึงการปรับตัวลดลงของราคาน้ำมันในตลาดโลกจึงเป็นแรงกดดันให้มีการขายหุ้นในกลุ่มพลังงานโดยเฉพาะในกลุ่มปตท.ออกมาค่อนข้างมาก

ทั้งนี้ ในสภาวการณ์เช่นนี้การเลือกลงทุนนักลงทุนจะต้องเลือกลงทุนในกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากปัจจัยที่กระหน่ำตลาดหุ้นในขณะนี้ เช่น กลุ่มอสังหาริมทรัพย์ หรือกลุ่มส่งออก เนื่องจากรับรู้เรื่องอัตราดอกเบี้ยที่คงที่มาระยะหนึ่งแล้ว

สำหรับการเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นในวันนี้ คาดว่ายังมีโอกาสที่ดัชนีจะปรับตัวลดลงได้อย่างต่อเนื่องแต่คงไม่รุนแรงเหมือนในวันนี้ เนื่องจากน่าจะเริ่มมีแรงซื้อเข้ามาในหุ้นที่ราคาปรับลดลงไปค่อนข้างมากแล้วก่อนหน้านี้

นายญาณศักดิ์ มโนมัยพิบูลย์ กรรมการผู้อำนวยการ บล.บัวหลวง หรือ BLS กล่าวว่า กรณีการยื่นถอด PTT จะส่งผลกระทบกับการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ โดยเฉพาะเรื่องความเชื่อมั่นที่จะเข้ามาลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลว่าจะมีความมั่นคงหรือไม่ ซึ่งจะทำให้การเข้ามาลงทุนต้องมีการพิจารณาปัจจัยต่างๆ มากขึ้น

ทั้งนี้ จากการที่บริษัทพบปะนักลงทุนสถาบันขณะนี้ยังไม่ได้มีมุมมองในด้านลบแต่นักลงทุนส่วนใหญ่มองว่าการรับคำร้องเป็นเพียงขั้นตอนการดำเนินงาน แต่บริษัทมองว่าหากมีการถอนปตท.ออกจะมีความยุ่งยากและจะมีผลกระทบต่อการลงทุนในตลาดหลักทรัพย์แน่นอน

สำหรับการนำหุ้นรัฐวิสาหกิจที่เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ขณะนี้ต้องเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังจากเกิดกรณี บริษัทการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย จำกัด (มหาชน) หรือ กฟผ. ทำให้การผลักดันการแปรรูปรัฐวิสาหกิจต้องทำด้วยความระมัดระวัง ประกอบกับรัฐบาลขณะนี้เป็นรัฐบาลรักษาการทำให้การผลัดดันให้เข้าจดทะเบียนทำได้ลำบาก

อย่างไรก็ตาม คงต้องรอการจัดตั้งรัฐบาลจริงที่มีความชอบธรรมเข้ามาบริหารจัดการอย่างจริงจังต่อไป เพราะการแปรรูปรัฐวิสาหกิจก็มีข้อดี โดยต้องนำจุดอ่อนที่เป็นปัญหาไปแก้ไขและปรับปรุง

แหล่งข่าวจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้สภาธุรกิจตลาดทุนไทยเตรียมที่จะจัดสัมมนาเกี่ยวกับการแปรรูปของบมจ.ปตท. แต่หลังจากที่ศาลมีคำสั่งรับคำร้องจึงต้องมีการยกเลิกการจัดสัมมนาเพื่อจะให้ทุกอย่างอยู่ในขั้นตอนตามกระบวนการพิจารณา แต่ทางสภาธุรกิจตลาดทุนไทยจะมีการยื่นหนังสือเพื่อให้รายละเอียดเกี่ยวกับกระบวนการและขั้นตอนในการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ

ปตท.ยันไม่กระทบธุรกิจ

นายประเสริฐ บุญสัมพันธ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) หรือ PTT กล่าวว่า หากศาลปกครองสูงสุดประสงค์จะได้ข้อมูล ข้อเท็จจริงเอกสารหรือหลักฐานใดๆ ที่เกี่ยวข้องกับคดี ปตท.ก็ยินดีให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทั้งนี้ ปตท.จะติดตามความคืบหน้าของคดีและแจ้งให้ผู้ถือหุ้นและผู้ลงทุนทั่วไป รวมทั้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยทราบต่อไป

“ปตท.ยังคงดำเนินธุรกิจตามปกติ และมุ่งมั่นในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างมีประสิทธิภาพและโปร่งใสดังเช่นที่ผ่านมา”

นายอนนท์ สิริแสงทักษิณ รองกรรมการผู้จัดการใหญ่กลยุทธ์และพัฒนาองค์กร บมจ.ปตท. กล่าวว่า ผลกระทบจากกรณีที่ศาลปกครองสูงสุดรับคำฟ้องคดี ที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภคกับพวก ยื่นฟ้องคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 6 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้ส่งผลต่อราคาหุ้นปตท.และบริษัทในเครือปรับลดลง แต่ส่วนหนึ่งมาจากสภาพตลาดที่ไม่ค่อยดี และหุ้น PTT ก็ขึ้นเครื่องหมาย XD ด้วย

ส่วนผลกระทบทางธุรกิจรวมถึงสัญญาการร่วมทุนในอนาคตนั้น ขณะนี้ยังไม่มีผลกระทบใดๆ ทุกอย่างยังเดินหน้าไปตามแผนงานที่กำหนดไว้จนกว่าศาลจะมีคำสั่งในคดีดังกล่าวอย่างไรก็ตาม ทางปตท.ได้เตรียมเอกสารข้อมูลต่างๆ ซึ่งเป็นข้อเท็จจริงเพื่อสนับสนุนให้กับกระทรวงพลังงาน

นัดประชุมเดินหมากทวงคืน ปตท.วันนี้

นางสาวสารี อ่องสมหวัง ผู้จัดการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค กล่าวว่า วันนี้ (8 ก.ย.) เวลา 13.30 น. ผู้ฟ้องปตท.ทั้งหมด รวมถึงองค์กรสนับสนุนและทนายจากสภาทนายความแห่งประเทศไทย จะประชุมร่วมกันที่มูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เพื่อหารือถึงรายละเอียดประเด็นคำฟ้องที่จะยื่นข้อมูลต่อศาลเพิ่มเติม ซึ่งส่วนหนึ่งต้องรอดูข้อมูลจากฝ่ายผู้ถูกฟ้องมีอะไรบ้างด้วย นอกจากนี้แล้ว ยังจะพิจารณาด้วยว่ามีข้อมูลข้อเท็จจริงที่จะเปิดเผยต่อสังคมประเด็นใดบ้างที่ทำได้และทำไม่ได้เพื่อไม่ให้ละเมิดต่อศาล

“ทักษิณ” ท่องกติกาอีกแล้ว

พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร รักษาการนายกรัฐมนตรี ได้ให้ความเห็นในเรื่องที่ศาลปกครองสูงสุดรับคำฟ้องเพิกถอนการแปรรูปปตท. เพียงสั้นๆ ว่า ศาลห้ามวิพากษ์วิจารณ์ไม่ใช่หรือ ก็ว่ากันไปตามกติกา

รมว.พลังงาน เตรียมข้อมูลชี้แจงศาล

นายวิเศษ จูภิบาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า ไม่ขอให้ความเห็นใดๆ ในเรื่องดังกล่าว แต่พร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งศาล และขณะนี้ได้เตรียมข้อมูลชี้แจงเกี่ยวกับข้อฟ้องร้องดังกล่าวเพื่อส่งต่อศาลปกครองต่อไป ซึ่งเป็นการดำเนินการชี้แจงตามขั้นตอนปกติของวิธีการของศาล

ส่วนกรณีมูลนิธิเพื่อผู้บริโภคตั้งข้อสังเกตว่า ในส่วนของตน ซึ่งเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการใหญ่ ปตท.ไม่สามารถรับหุ้นได้นั้น เรื่องนี้เป็นการได้รับการยกเว้นตาม พ.ร.บ.ทุนฯ ตามมาตรา 18 ที่การห้ามถือหุ้นไม่ให้ใช้บังคับกับกรรมการเตรียมการจัดตั้งบริษัท ซึ่งเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ หรือผู้แทนพนักงานของรัฐวิสาหกิจสามารถถือหุ้นได้ โดยข้อมูลเหล่านี้ก็จะมีการชี้แจงต่อศาลปกครองด้วย

คลังชี้กระทบแผนแปรรูป รสก.อื่น

นายไชยยศ สะสมทรัพย์ รักษาการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เรื่องดังกล่าวย่อมมีกระทบต่อการแผนแปรรูปรัฐวิสาหกิจแห่งอื่นๆ แน่นอน แต่นโยบายการแปรรูปยังต้องเดินหน้าต่อไป แม้จะไม่สำเร็จได้ในรัฐบาลรักษาการก็ตาม สำหรับการที่ศาลปกครองรับคำฟ้อง และถ้ามีความวินิจฉัยออกมา จะช่วยสนับสนุนให้การดำเนินการแปรรูป มีความชัดเจนมากขึ้น เช่นเดียวกับกรณีของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)

“เรื่องนี้ต้องให้กระทรวงพลังงานในฐานะหน่วยงานต้นสังกัดเป็นผู้ดำเนินการ ขณะที่สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ก็จะต้องร่วมพิจารณาการแก้ปัญหาในเรื่องนี้ร่วมกันต่อไป”

คตง.ร่อนหนังสือแจงตั้งที่ปรึกษา กม.

สำหรับความคืบหน้าในการแต่งตั้งคณะที่ปรึกษาทางกฎหมายของคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) รายงานข่าวจากคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน (คตง.) แจ้งว่า วานนี้ (7 ก.ย.) คตง. ได้มีหนังสือชี้แจงกรณีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมายของ คตง. ว่า เป็นการแต่งตั้งจากผู้มีประสบการณ์ในสาขาต่างๆ เพื่อประโยชน์ในการปฏิบัติหน้าที่ตามกรอบอำนาจ ที่กำหนดไว้ในกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการตรวจเงินแผ่นดิน พ.ศ.2542 เพื่อเป็นแนวทางไม่ให้ คตง. และสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) กระทำการเกินขอบเขตที่กฎหมายให้อำนาจ หรือประเด็นกฎหมายที่มีความซ้ำซ้อน ต้องการความคิดเห็นจากผู้ชำนาญการด้านกฎหมายในสาขาต่างๆ

“ดังนั้นการแต่งตั้งอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมาย จึงเป็นอำนาจของ คตง. ไม่ได้เกี่ยวกับ สตง. และเป็นการแต่งตั้งตามลำดับขั้นตอน ที่ได้เริ่มพิจารณาตั้งแต่ปี 2548 ก่อนที่ คตง.จะได้มีมติแต่งตั้ง”

ทั้งนี้ หนังสือของ คตง. ดังกล่าวยังได้ชี้แจงด้วยว่า การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการที่ปรึกษากฎหมายนี้ ไม่ได้ต้องการบิดเบือนผลสอบของ สตง. เกี่ยวกับกรณีที่กรมสรรพากรไม่เก็บภาษีจากการซื้อขายหุ้นบริษัท ชิน คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เนื่องจาก คตง.จะพิจารณาข้อเท็จจริงตามผลสอบของ สตง.

ขณะเดียวกัน คตง. ยังได้ตอบโต้ข่าวที่โจมตีการทำงานของ คตง. ว่าเป็นเครื่องมือของฝ่ายการเมืองนั้น ถือว่าเป็นเรื่องไม่ชอบธรรม เพราะการวินิจฉัยของ คตง. มีความโปร่งใสและยุติธรรม


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.