เดอะมอลล์เร่งกู้ยอดขายเศรษฐกิจซบฉุดโต 1 หลัก


ผู้จัดการรายวัน(8 กันยายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

นางมาลินี ทรัพย์บริบูรณ์ ผู้อำนวยการใหญ่ สายบริหารสินค้า A2 เดอะมอลล์กรุ๊ป เปิดเผยว่า จากการประเมินสภาพเศรษฐกิจในขณะนี้ รวมทั้งภาวะปัญหาทางการเมือง ราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น และกำลังซื้อของผู้บริโภคที่ลดลง คาดว่าจะส่งผลต่อยอดขายรวมของเดอะมอลล์กรุ๊ป ซึ่งรวมทั้งเดอะมอลล์และห้างเอ็มโพเรียม มีการเติบโตเพียงแค่เลขหลักเดียว อย่างไรก็ตาม หากรวมศูนย์การค้าสยามพารากอนเข้าไปด้วย ซึ่งเปิดบริการมาได้ประมาณ 1 ปี ก็คาดว่าจะผลักดันให้อัตราการเติบโตรายได้รวมเพิ่มเป็นเลขสองหลักได้ จากรายได้รวมปีนี้ทั้งกลุ่มรวมเดอะมอลล์ ดิเอ็มโพเรียม และสยามพารากอน จะมีประมาณ 35,000 ล้านบาท

ปัจจุบันกำลังซื้อของผู้บริโภคลดลงอย่างเห็นได้ชัดในระดับตลาดทั่วไป การตัดสินใจซื้อสินค้าจะมีจำนวนที่ลดลงต่อครั้ง ซึ่งทำให้ค่าใช้จ่ายต่อบิล (รายการ) ลดลงด้วย ซึ่งจะเกิดขึ้นมากกับห้างในสาขาชานเมืองทั่วไป แต่ในสาขากลางเมืองหรือย่านธุรกิจนั้น กำลังซื้อยังลดลงไปไม่มากนัก

อีกทั้งห้างในสาขากลางเมืองของกลุ่มเดอะมอลล์นั้น ผู้บริโภคจะซื้อสินค้าผ่านบัตรเครดิตมากขึ้นในสัดส่วนประมาณ 55% และผ่านเงินสด 45% ขณะที่สาขาชานเมืองนั้นจะผ่านบัตรเครดิต 40% และผ่านเงินสด 60% ส่วนลูกค้าในสาขาชานเมืองนั้นจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติประมาณ 15% สาขาในเมืองจะมีนักท่องเที่ยวต่างชาติจับจ่ายประมาณ 40% แต่โดยรวมแล้วสัดส่วนลูกค้าต่างชาติ 25% และคนไทย 75%

อย่างไรก็ตาม ทางกลุ่มมีแผนที่จะต้องจัดโปรโมชันหรือแคมเปญใหญ่ๆ ตลอดเพื่อเป็นการกระตุ้นกำลังซื้อในภาพรวม แต่แม้ว่ากำลังซื้อลดลง ผู้บริโภคก็ยังมาเดินเที่ยวและจับจ่ายซื้อสินค้าที่ห้างไม่ลดลงแต่อย่างใด เป็นแคมเปญใหญ่ๆ อย่าง ซัมเมอร์เซลส์และมิดไนต์เซลส์ที่ผ่านไปแล้ว และจะมีอีกตามมาและเร็วๆ นี้เตรียมเปิดตัวกลยุทธ์ซีอาร์เอ็มเต็มที่

ล่าสุดในส่วนของ "Shoes & Bags Salon" ซึ่งเป็นแคทิกอรี่ใหม่ที่เพิ่งเริ่มมาได้ประมาณปีเศษนั้นเป็นโซนเครื่องหนัง รองเท้า กระเป๋าสตรี ก็จะจัดรายการแคมเปญฉลองครบรอบ 1 ปี หลังจากที่ได้ปรับแผนกดังกล่าวเป็นแคทิกอรี่ใหม่ได้ประมาณ 4 สาขาแล้วคือ ดิเอ็มโพเรียม สยามพารากอน เดอะมอลล์ บางกะปิและงามวงศ์วาน ครบ 100% และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่วนที่เหลืออีก 4 สาขาจะเริ่มทยอยปรับปลายปีนี้คือ เดอะมอลล์สาขาท่าพระและบางแค ส่วนปีหน้าเป็นเดอะมอลล์รามคำแหงและโคราช

สำหรับ "Shoes & Bags Salon" เป็นหนึ่งในแผนงานของกลุ่มเดอะมอลล์ ที่ต้องการจะพัฒนาแต่ละแผนกที่มีศักยภาพขึ้นมาเป็นแคทิกอรี่ใหม่ๆ ซึ่งได้ทำมาแล้ว 4 กลุ่มคือ พาวเวอร์มอลล์ สปอร์ตมอลล์ บิวตี้ฮอลล์ และชูส์แอนด์แบ็กส์ซาลอน และเร็วๆ นี้จะเปิดตัวอีก 1 แคทิกอรี่ ซึ่งคาดว่าจะมีแผนกที่สามารถทำแบบนี้ได้ประมาณ 8 แผนก

ทางกลุ่มคาดว่าภายในปีนี้ ผลประกอบการของแคทิกอรี่ดังกล่าวคือ "Shoes & Bags Salon" จะมีรายได้รวมประมาณ 1,300 ล้านบาท เพิ่มจากปีที่แล้วประมาณ 33% ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นจากเดิมเมื่อช่วงต้นปีที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 22% เนื่องจากแผนการทำตลาดและการนำเสนอสินค้าใหม่เข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น

ปัจจุบันมีสินค้าที่เป็นแบรนด์เนม 90 กว่าแบรนด์ โดยเป็นแบรนด์ประเภทกระเป๋ากว่า 35 แบรนด์ และแบรนด์รองเท้ากว่า 50 แบรนด์ นอกจากนั้นจะเป็นแบรนด์ที่เอ็กซ์คลูซีฟวางจำหน่ายที่แผนกนี้ที่เดียวกว่า 20 แบรนด์ ซึ่งในแต่ละปีก็จะมีแบรนด์ใหม่ๆ ที่อินเทรนด์เข้ามาจำหน่ายเพิ่มขึ้นหมุนเวียนสลับกับแบรนด์เดิม มากน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละสาขาที่มีขนาดพื้นที่และความเหมาะสมต่างกัน

สำหรับสัดส่วนยอดขายของแผนกแฟชั่นต่างๆ นั้นมีดังนี้ บิวตี้ฮอลล์ 10% เสื้อผ้าแฟชั่นสตรี 7% ชูส์แอนด์แบ็กส์ซาลอน 5% ชุดชั้นใน 5% เครื่องประดับ 2% จากรายได้รวมที่ 35,000 ล้านบาท ที่เหลือเป็นกลุ่มอื่นๆ

ส่วนงานครบรอบ 1 ปี ของ Shoes & Bags Salon จะจัดตั้งแต่วันที่ 7-21 กันยายนศกนี้ ที่เดอะมอลล์ทุกสาขา ดิเอ็มโพเรียม และสยามพารากอน เมื่อซื้อสินค้าจะได้รับส่วนลด 10-20% ทุกวันศุกร์-อาทิตย์ และสินค้าเฉพาะรุ่นลด 30-70% นอกจากนั้นยังมีสิทธิพิเศษและโปรโมชั่นอื่นอีกมาก คาดว่าแคมเปญนี้จะทำยอดขายได้ 50 กว่าล้านบาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.