|
เซเว่นฯ สวนแรงต้านค้าปลีกเทศทุ่ม 1.2 พันล.ผุดอีก 500 แห่ง เย้ยโชวห่วยโกยเหยียบแสนล.
ผู้จัดการรายวัน(7 กันยายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
เซเว่น อีเลฟเว่น เตรียมงบลงทุนกว่า 1,200 ล้านบาท ขยายสาขาปีหน้า 500 แห่งทั้งในกรุงเทพฯและต่างจังหวัด เผยการขยายสาขาในต่างหวัดไม่กระทบร้านค้าโชวห่วย เน้นนโยบายใหม่ขยายสาขาในรูปแบบแฟรนไชส์มากขึ้น เพื่อส่งเสริมให้คนไทยเป็นเถ้าแก่ใหม่ คาดสัดส่วนเพิ่มเป็น 50% ในอีก 3 ปี พร้อมโฟกัสจำหน่ายสินค้ากลุ่มอาหารเป็นหลัก เนื่องจากมีกำไรสูง ส่วนปีนี้มั่นใจยอดขายโต 20% และมีสาขาเซเว่นฯรวมทั้งหมด 3,750 แห่ง
นายปิยะวัฒน์ ฐิติสัทธาวรกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซี.พี.เซเว่น อีเลฟเว่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า กรณีที่ผู้ประกอบการในต่างจังหวัดพากันร้องเรียนและต่อต้านกลุ่มผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ที่แห่ลงทุนเปิดสาขาในต่างจังหวัดมากขึ้นนั้น โดยส่วนตัวมองว่า เซเว่นอีเลฟเว่นเองเป็นผู้ประกอบการรายเล็ก จึงไม่สามารถให้รายละเอียดหรือความเห็นได้ ต้องไปถามค้าปลีกรายใหญ่เอง
แต่หากถามในส่วนของเซเว่นฯ เชื่อว่า การขยายสาขาของร้านเซเว่นฯ เชื่อมั่นว่า ไม่ได้ไปกระทบกับใครทั้งนั้น โดยแผนการขยายสาขาในปีหน้าบริษัทฯ เตรียมงบลงทุนกว่า 1,250 ล้านบาท ในการขยายสาขาร้านเซเว่นอีเลฟเว่นอีก 500 สาขา แบ่งเป็นสาขาในกรุงเทพฯ คิดเป็นสัดส่วน 50% และต่างจังหวัด 50%
ทั้งนี้การขยายสาขาในต่างจังหวัดของเซเว่นฯ จะดูสถานที่และเงื่อนไขต่างๆ ที่ต้องไม่กระทบกับร้านค้าใด เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของบริษัทฯ ในระยะเวลา 3 ปีข้างหน้านี้ ที่จะเน้นการขยายสาขาภายใต้ระบบแฟรนไชส์มากขึ้น เพื่อส่งเสริมคนรุ่นใหม่ให้เป็นเจ้าของกิจการหรือเป็นเถ้าแก่คนใหม่ ทั้งนี้คาดว่าสัดส่วนร้านเซเว่นฯ แบบแฟรนไชส์จะเพิ่มเป็น 50% จากปัจจุบันมีสัดส่วน 30% ปัจจุบันสาขาของเซเว่นฯ รวมถึงสิ้นปีนี้จะมี 3,750 สาขา ซึ่งถือว่าเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้
ส่วนด้านการบริหารจัดการในร้านเซเว่นฯ ยังคงจะเน้นกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มเป็นหลัก เนื่องจากบริษัทฯ มีศักยภาพในการผลิตและจัดจำหน่าย เช่น อาหารกล่องอีซีย์-โก เป็นต้น อีกทั้งกลุ่มอาหารมีกำไรสูง โดยปัจจุบันสัดส่วนยอดขายกลุ่มอาหารคิดเป็น 70% ที่เหลือเป็นกลุ่มที่ไม่ใช่อาหาร 30%
อย่างไรก็ตามหากมองเป็นภาพรวมสินค้าอื่นทั่วไปที่วางขายในเซเว่นฯ จะพบว่าแพงกว่าร้านค้าทั่วไปหรือโชวห่วยอยู่ 5% ทั้งนี้บริษัทฯ มีแผนเพิ่มสัดส่วนยอดขายกลุ่มอาหารเพิ่มเป็น 80% ในอีก 2 ปีข้างหน้า
สำหรับยอดรายได้ของบริษัทฯ สิ้นปีคาดว่าจะปิดยอดที่ประมาณ 90,000 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นอัตราการเติบโตขึ้น 20% จากการที่บริษัทฯ ขยายสาขาเพิ่มและจากการที่สาขาเก่าทำยอดขายเพิ่มขึ้น ขณะที่ภาพรวมการแข่งขันของธุรกิจค้าปลีกในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้มองว่าไม่รุนแรง เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจถดถอย แต่โดยรวมยังเชื่อตลาดก็ยังมีอัตราการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดบริษัทฯ ได้มอบเงินบริจาค 100 ล้านบาท จากการทำบัตรถวายพระพรและสายข้อมือเรารักพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสทรงครองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี ให้แก่มูลนิธิคิง เพาเวอร์ เพื่อทูลเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เพื่อทรงใช้สอยตามพระราชอัธยาศัย ต่อจากนั้นบริษัทฯ จะขอรับบัตรถวายพระพรและสายข้อมือเพิ่ม 1 ล้านชุด โดยจะเริ่มในกลางเดือนก.ย.นี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|