ซีอีโอใหม่ “กสท” สู้ศึกเสรี ปลุกพนง.เลิกเช้าชามเย็นชาม


ผู้จัดการรายวัน(4 กันยายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

“พิศาล” ยอมรับหนักใจ หลังได้รับหมวกซีอีโอใหม่กสท. บนยุคตลาดเสรี เริ่มบทแรกวางเป้าสิ้นปี ปิดกำไรสุทธิ 4,500 ล้านบาท นำร่องซีดีเอ็มเอ สร้างลูกค้าเริ่มต้น 6 หมื่นราย พร้อมรักษายอดรายได้โทร.ต่างประเทศ ก่อนปลุกขวัญกำลังใจพนักงานลุกสู้เอกชน เลิก “เช้าชามเย็นชาม” ชูความเป็นองค์กรรัฐมุ่งบริการคุณภาพแก่ประชาชนมากกว่ามุ่งหวังแต่รายได้

นายพิศาล จอโภชาอุดม รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท กสท โทรคมนาคม เปิดเผยว่า หลังจากที่คณะกรรมการ (บอร์ด) ได้มีมติแต่งตั้งตนให้ดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่คนใหม่เมื่อวันที่ 31 สิงหาคมที่ผ่านมา ยอมรับว่าเริ่มรู้สึกหนักใจเหมือนกันที่ได้เข้ามารับตำแหน่งนี้ แต่เมื่อเข้ามาแล้วก็ต้องสร้างความชัดเจนในหลายเรื่องให้เกิดขึ้นโดยเร็ว และจะต้องเดินหน้าแข่งขันอย่างเต็มที่ เพื่อให้ กสท เป็นบริษัทโทรคมนาคมอันดับต้นๆ ทั้งในและต่างประเทศ โดยตนได้ตั้งเป้าหมายการบริหารงานให้กับ กสท ให้ประสบผลสำเร็จใน 3 เรื่อง คือ 1.สร้างกำไรสุทธิในปี 2549 ให้ได้ 4,500 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 420 ล้านบาท จากปีที่ผ่านมามีกำไรสุทธิ 4,080 ล้านบาท

2.วางเป้าหมายการสร้างจำนวนผู้ใช้บริการซีดีเอ็มเอใน 51 จังหวัด ในช่วงระหว่างการให้บริการก่อนบริการเชิงพาณิชย์เต็มรูปแบบ ให้มีจำนวนผู้ใช้งาน 60,000 เลขหมายภายในสิ้นปี หลังจากที่เริ่มให้บริการใน 10 จังหวัดนำร่อง ในวันที่ 1 ตุลาคมนี้ โดยใช้ชื่อให้บริการว่า “แคท ซีดีเอ็มเอ”

“ในช่วงนำร่อง หากทำตลาดให้ลูกค้าเข้าใช้บริการ เราขอแค่ภาคละ 2 หมื่นราย เป้าหมายที่วางไว้ก็จะทำได้ไม่ยาก”

3.รักษารายได้จากธุรกิจบริการโทรศัพท์ระหว่างประเทศ ให้อยู่ในระดับคงที่หรือมีอัตราลดลงอย่างช้า ซึ่งเป็นผลจากการที่ กทช. ได้มีการออกไลเซนส์ให้บริการโทร.ต่างประเทศให้กับผู้ประกอบการรายอื่นมากขึ้น ทั้งในรูปแบบให้บริการต่อตรง หรือ ไอดีดี และแบบ วีโอไอพี ดังนั้น กสท จะเข้าไปหารูปแบบแข่งขันให้ผู้ใช้เห็นถึงความแตกต่างในด้านคุณภาพใช้งาน และในขณะเดียวกันก็จะใช้จุดแข็งในด้านของพันธมิตรในต่างประเทศที่เป็นจุดเชื่อมโยง และการมีเกตเวย์ขนาดใหญ่ ด้วยการเปิดให้ผู้ประกอบการรายเล็ก ในกลุ่มไลเซนส์ ประเภทไม่มีโครงข่ายและมีโครงข่าย แต่ไม่ต้องการลงทุนเข้ามาใช้โครงข่าย

“ถึงแม้ในปัจจุบันยอดการใช้งานสูงขึ้น แต่ถ้าเทียบในด้านรายได้แล้วคงที่ แต่ยอดรายได้ก็ยังถือว่าอยู่ในระดับที่ดีไม่ลดลงมากนัก แต่หลังจากนี้ กสท มีความเสี่ยงเพิ่มมากยิ่งขึ้น เราจะสร้างบริการโทรต่างประเทศให้มีข้อแตกต่างรายอื่น ทั้งในเรื่องคุณภาพเสียง ความชัดเจน การเชื่อมต่อ ควบคู่ไปกับราคาที่แข่งขันได้ ขณะเดียวกันก็จะใช้จุดแข็งส่วนเกตเวย์โครงข่ายออกต่างประเทศ ไปให้รายเล็กมาเช่าใช้ในรูปแบบโฮลเซลล์”

เขากล่าวว่า สิ่งที่วางไว้นั้นจะเป็นไปตามเป้าหมายได้ เนื่องจากตนเป็นคนใน กสท ซึ่งในจุดนี้จะทำให้การทำงานหรือการประสานความร่วมมือได้ง่ายกว่าคนนอกที่เข้ามาบริหาร มีความรู้ความเข้าใจในวัฒนธรรมองค์กรเป็นอย่างดี จึงสามารถเรียนรู่ว่าสิ่งใดที่ต้องแก้ไข โดยไม่ต้องมาทำความเข้าใจศึกษาองค์กรกับพนักงานใหม่ใน 6 เดือนแรก

"ผมจะสร้างแรงกระตุ้น สร้างความกระตือรือร้นในการทำงานกับพนักงาน โดยที่ผมจะสื่อสารไปว่า พวกเราจะอยู่แบบเดิมต่อไปไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้เรามีคู่แข่งใหม่เกิดขึ้นเต็มไปหมด ถ้าเราไม่ลุกขึ้นสู้ กสท ก็จะแย่ และที่สำคัญเราคือหน่วยงานที่ให้บริการประชาชน โดยที่ใช้เงินจากประชาชน เข้ามาให้บริการแก่เขา ดังนั้นเราจะต้องทำในสิ่งที่พวกเขารอคอย สิ่งที่มีอยู่ในมือก็มีไม่ต่างจากคนอื่น แต่เราจะทำอย่างไรให้เข้มแข็งและอยู่รอดเติบโตไปได้”

ทั้งนี้ การเพิ่มกำไรสุทธิให้กับ กสท ได้ตามเป้าหมาย ตนจะมอบหมายให้ฝ่ายบริหารที่ดูแลในแต่ละกลุ่มธุรกิจโฟกัสตนเองมากขึ้น ด้วยการสร้างบริการให้เกิดแรงจูงใจในการเลือกใช้บริการ กสท พร้อมกับการหากลยุทธ์รักษาฐานลูกค้าเดิม โดยแข่งขันด้วยราคาที่เหมาะสม สามารถแข่งขันกับคู่แข่งได้ และไม่มีผลกระทบต่อต้นทุนให้บริการ

ปัจจุบันการแข่งขันในตลาดให้บริการโทร.ระหว่างประเทศ กสท ได้เริ่มเห็นภาพการแข่งขันที่ชัดเจนที่สุด ที่ขณะนี้ กทช. ได้มีการออกไลเซนส์ให้กับผู้ประกอบรายใหม่ หรือกลุ่มผู้บริการเก่าในตลาดอย่าง เอไอเอส ดีแทค ทรู ทีทีแอนด์ที เข้ามาลงทุนให้บริการโทร.ระหว่างประเทศ ทั้งในแบบไอดีดี และวีโอไอพี จึงทำให้รายได้จากส่วนนี้ลดลง ถึงแม้ กสท ได้มีการปรับตัวในการลงทุนธุรกิจใหม่ อย่าง อี-บิสสิเนส หรือการให้เป็นผู้ให้บริการตลาดกลางอิเล็กทรอนิกส์ การเป็นผู้ให้บริการสื่อสารไอทีครบวงจร รวมถึงธุรกิจซีดีเอ็มเอที่อยู่ในระหว่างการเตรียมเปิดบริการอย่างเต็มรูปแบบในไตรมาสที่ 1 ปี 2550

นอกจากนี้ กสท จะมีการปรับเปลี่ยนวิธีการดำเนินโครงการต่างๆ ในรูปแบบใหม่ เพื่อให้กระบวนการดำเนินงานมีความคล่องตัวมากขึ้นและสามารถแข่งขันได้อย่างรวดเร็ว โดยจะเร่งกระบวนการตั้งแต่การร่างเงื่อนไขการประมูล จนถึงได้บริษัทที่ชนะให้เสร็จภายใน 1 เดือน จากเดิมที่จะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน จึงจะสามารถหาบริษัทที่ชนะการประมูลเข้าดำเนินโครงการต่างๆ ได้ ซึ่งส่งผลให้ กสท ต้องสูญเสียโอกาสทางธุรกิจมาโดยตลอด

ทั้งนี้ ได้ปรับส่วนของอำนาจการบริหารการตัดสินใจในการอนุมัติโครงการ ด้วยการให้อำนาจกับกรรมการผู้จัดการใหญ่สามารถตัดสินใจดำเนินการต่างๆ จนได้ข้อสรุปจึงจะยื่นให้บอร์ดพิจารณา เช่น การจัดทำร่างเงื่อนไขการประมูล (ทีโออาร์) ทุกขั้นตอนจะต้องนำเสนอบอร์ดพิจารณา ก็ไม่ต้องแล้วโดยให้กรรมการผู้จัดการใหญ่ ดำเนินการจนทีโออาร์แล้วเสร็จก่อนค่อยเสนอให้บอร์ดพิจารณาครั้งเดียว เป็นต้น

เมื่อวันที่ 1 กันยายนที่ผ่านมา กสท ได้ตั้งหน่วยงานบริหารความเสี่ยง เพื่อเข้ามาช่วยเสริมการบริหารธุรกิจ ซึ่งตนได้พบปะพร้อมให้ความรู้เรื่องการบริหารความเสี่ยงแก่พนักงาน โดยให้แนวทางความเข้าใจในการบริหารด้านความเสี่ยง 4 วิธี คือ 1.การทำให้ความเสี่ยงลดลง 2.การยอมรับกับความเสี่ยงที่มีอยู่ 3.การประกันความเสี่ยงไว้ 4.ยกเลิกกิจการหรือกิจกรรมที่เป็นความเสี่ยง กสท.ให้ความสำคัญในการบริหารความเสี่ยง


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.