|
กฤษดาฯ ปรับแผนเน้นโตยั่งยืนยอมเสียแบรนด์รุกบ้านถูก
ผู้จัดการรายสัปดาห์(4 กันยายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
กฤษดานครปรับแผนลงทุนครั้งใหญ่ เน้นโตอย่างยั่งยืน รุก 4 ปีนี้โครงการ เพิ่มบ้านเดี่ยวเซกเมนต์กลาง-ล่าง พร้อมเทขายแลนด์แบงก์แปลงใหญ่ล้างหนี้
ในช่วง 10 ปีที่แล้ว กฤษดานคร นับเป็นดีเวลลอปเปอร์ยักษ์ใหญ่ในตลาดที่มีภาพลักษณ์ของการพัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์เป็นส่วนใหญ่ แต่ความผิดพลาดในด้านการบริหารการเงิน ทำให้เมื่อวิกฤติฟองสบู่แตกเกิดขึ้นในปี 2540 ส่งผลให้ฐานะของกฤษดานครกลับกลายเป็นบริษัทที่มีหนี้สินกว่า 15,000 ล้านบาท ต้องหยุดการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการ จากบทเรียนดังกล่าวทำให้กฤษดานครต้องหันกลับมาทบทวนทิศทางและนโยบายการบริหารงานอีกครั้งว่าในภาวะเช่นนี้ วิถีทางแบบเดิมๆ จะยังคงมีความเหมาะสมกับสถานการณ์หรือไม่
ธเนศวร์ สิงคาลวณิช กรรมการผู้จัดการ บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “จากที่ผ่านมาบริษัทฯอยู่ในช่วงภาวะของการฟื้นฟู ฉะนั้นแผนการบริหารองค์กรและการดำเนินงานจะเน้นเรื่องของ sustainable หรือ การเติบโตแบบมั่นคง มีกำไรแบบยั่งยืนถาวร และต้องสามารถปรับเปลี่ยนแผนงานให้ทันกับสถานการณ์ตลาดได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันทั้งราคาน้ำมันที่สูงขึ้น อัตราดอกเบี้ยที่ยังคงปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง และสถานการณ์การเมือง จึงส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ช่วงครึ่งปีแรกชะลอตัว”
การกลับมาครั้งนี้ของกฤษดานคร แม้ว่าจะมองดูเป็นสิ่งที่ท้าทายยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงนี้ที่เต็มไปด้วยปัจจัยลบที่ไม่เกื้อหนุนต่อธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เท่าใดนัก แต่ ธเนศวร์ ก็มีความมั่นใจว่า กฤษดานครจะยังเติบโตต่อไปได้ และยังมีความมั่นใจว่าเป้าหมายยอดขาย 2,000 ล้านบาท ที่ตั้งไว้เมื่อต้นปียังไม่จำเป็นต้องปรับลดเป้าลง แม้ในครึ่งปีแรกนี้ยอดขายจะทำได้แค่ 900 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้แต่แรก
สำหรับในครึ่งปีหลัง กฤษดานคร มีแผนที่จะลุยอีก 4 โครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยคาดหวังว่าจะช่วยเร่งยอดขายในครึ่งปีหลังให้ทันตามเป้าที่วางไว้ได้ และน่าจะทำให้ทุกไตรมาสสามารถมีผลกำไรได้ ซึ่งจะสามารถชำระหนี้แก่เจ้าหนี้ ล้างผลขาดทุนสะสม และคาดหวังว่าจะมีการปันผลกำไรให้ผู้ถือหุ้นได้บ้าง หลังจากที่กฤษดานครไม่เคยมีมาติดต่อกันกว่า 10 ปี
สำหรับ 4 โครงการมูลค่ารวม 3,000 ล้านบาทที่ลงทุนในครึ่งปีหลัง ได้แก่ กฤษดานคร วงแหวน-อ่อนนุช (ถ.สุขาภิบาล 2), กฤษดา แกรนด์ เลค ถนนปิ่นเกล้า-พระราม 5, กฤษดา เพรสทีจ เลค ถนนปิ่นเกล้า-พุทธมณฑล นอกจากนั้นเป็นการเพิ่มเฟสจากโครงการเดิมอีก 10 โครงการ คิดเป็นมูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ซึ่งทั้งหมดคิดเป็นมูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท เป็นสิ่งที่กฤษดานครคาดหวังว่าจะทำให้ตัวเลขยอดขายของบริษัทฯ ดีขึ้นและส่งผลต่อยอดรับรู้รายได้ที่ดีต่อไปในปี 2550
นอกจากนี้กฤษดานครยังตอบรับกระแสดีมานด์ในคอนโดมิเนียมใจกลางเมืองที่ขณะนี้มีอย่างท่วมท้นด้วยการขยายเฟส 3 โครงการเดอะคริส ถ.รัชดาภิเษก ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสุทธิสาร ซึ่งหากสภาวะเศรษฐกิจยังไม่เลวร้าย ธเนศวร์ กล่าวว่า จะเปิดขายเฟส 4 เพิ่มทันทีในต้นปีหน้า
นอกจากนี้กฤษดานครยังปรับแผนที่จะหันมารุกตลาดระดับกลาง-ล่างมากขึ้น ซึ่งจะครอบคลุมทุกเซกเมนต์ในตลาดเพื่อลดความเสี่ยง โดยในปี 2550 เตรียมเปิดโครงการแนวราบในทำเล 80 ไร่ พหลโยธิน-รังสิต ลักษณะเป็นบ้านแฝดกึ่งบ้านเดี่ยว ใช้แบรนด์กฤษดานคร ราคาไม่เกิน 2 ล้านบาท ตกแต่งไม่ครบ 100% แต่ชูโดยชูจุดเด่นของบ้านที่มีคุณภาพ ลูกค้าสามารถตกแต่งภายในเพิ่มเติมได้ตามต้องการ โดย ธเนศวร์ กล่าวว่า การส่งบ้านเข้าโครงการประกันสังคมก็เป็นสิ่งน่าสนใจที่จะทำด้วย
ในส่วนการดำเนินงานของบริษัทฯนั้น วิรัตน์ เอี้ยวอักษร รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส บริษัท กฤษดามหานคร จำกัด (มหาชน) ได้กล่าวถึงผลการดำเนินงานว่า ไตรมาสที่ 2 ปี 2549 บริษัทมีกำไร 17 ล้านบาท เพิ่มจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาที่ขาดทุน 4 ล้านบาท โดยยังคงทำกำไรได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งกำไรส่วนนี้มาจากการรับรู้รายได้ของโครงการเดอะคริส โครงการกฤษดา ลากูน และโครงการอื่นๆ นอกจากนี้ทางบริษัทฯ ยังเตรียมที่จะปรับเป้าการรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นอีกประมาณ 1,000 ล้านบาท
สำหรับแนวทางในการล้างหนี้ วิรัตน์ กล่าวว่า จะต้องนำไปหารือกับคณะกรรมการของบริษัทก่อนแต่แนวทางเบื้องต้นบริษัทก็มีแผนที่จะนำที่ดินออกขายเพื่อล้างหนี้ โดยจะนำที่ดินขนาดใหญ่ มูลค่ากว่า 700-1,000 ล้านบาท บริเวณปากเกร็ด และใกล้สนามบินสุวรรณภูมิออกขาย เนื่องจากมองว่าที่ดินบริเวณนี้ไม่เหมาะสมที่จะนำมาพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยอีกต่อไป ซึ่งหากขายออกไปได้ก็จะช่วยให้กระแสเงินสดของบริษัทดีขึ้น แต่ทั้งนี้ก็ยังมีที่ดินอีกหลายแห่งที่บริษัทนำไปจำนองกับสถาบันการเงิน ซึ่งหากทำเลนั้นเติบโตเมื่อไร ก็พร้อมที่จะไปไถ่ที่ดินคืนเพื่อนำมาพัฒนาโครงการ
ส่วนแลนด์แบงก์ 100 ไร่ ที่ภูเก็ต ใกล้แหลมพรหมเทพ ซี่งผู้บริหารของกฤษดานครเคยมีโครงการที่จะร่วมทุนกับกลุ่ม Raffles เพื่อพัฒนาเป็นโรงแรม มูลค่ากว่า 100 ล้านบาท ก็มีแผนที่จะขายที่ดินดังกล่าวออกไป เนื่องจากกองทุนที่เข้ามาซื้อกิจการของ Raffles ต้องการจะเป็นผู้ถือหุ้นฝ่ายเดียว โดยขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเจรจากับผู้ซื้อ คาดว่าจะตกลงซื้อขายกันแล้วเสร็จภายในไตรมาส 3 นี้
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|