เปิดนโยบายเชิงรุก 'บ้านใร่กาแฟ'ชู 'แฟรนไชส์' ขับเคลื่อนธุรกิจ


ผู้จัดการรายสัปดาห์(4 กันยายน 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

องค์กรบ้านใร่กาแฟ เพิ่งทำการเลือกตั้งประธานคนใหม่คือ 'อมรรัตน์ คณานุรักษ์' แทน 'สายชล พเยาว์น้อย' ผู้ที่ได้วางรากฐานแนวคิดธุรกิจมาตลอดระยะ 8 ปีที่ผ่านมากับจำนวนสาขา ณ ปัจจุบันที่ 109 สาขา และ กับประธานคนใหม่นี้ ล่าสุดได้ชูนโยบายการดำเนินธุรกิจเชิงรุก ภายใต้การแข่งขันของตลาดกาแฟ

กลยุทธ์แฟรนไชส์ ถูกหยิบยกขึ้นมาและเป็นหนึ่งในนโยบายเชิงรุกตัวหนึ่ง หลังได้ชิมรางและเปิดตัวแฟรนไชส์ไทชงมาแล้ว ทั้งนี้เพื่อเป็นการขยายเครือข่ายสาขาครอบคลุมพื้นที่เป้าหมายและกลุ่มลูกค้า ออกสู่ต่างจังหวัดและทำเลใหม่ๆ หรือเพิ่มช่องทางการจำหน่ายนอกจากทำเลในปั๊มน้ำมันที่แข่งกันดุเดือดและมองว่าทำเลดังกล่าวนี้เต็มหมดแล้ว

ชูความพร้อมคน-ระบบ-สินค้า โดดลุยกลยุทธ์แฟรนไชส์

อัศวิน ไขรัศมี ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจ บริษัท ออกแบบไร่นา (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวกับ “ผู้จัดการรายสัปดาห์” ว่า ขณะนี้บ้านใร่กาแฟ มีความพร้อม 100% ในการขยายธุรกิจในรูปแบบแฟรนไชส์ ด้วยความพร้อมที่ว่าคือระบบการบริหารจัดการธุรกิจ บุคลากรที่มีประสบการณ์และสินค้าที่หลากหลายขึ้น รวมถึงราคาตั้งแต่ 10-80 บาท และสินค้าเสริม เช่น ข้าว กาแฟทรีอินวัน กาแฟสำเร็จรูป และพันธมิตรธุรกิจสุรพลฟูดนำอาหารโฟสเซ่นมาให้บริการกับลูกค้า

"ที่ผ่านมาได้ทดลองโมเดลแฟรนไชส์ตั้งแต่ปี 2545 ทั้งแฟรนไชส์เต็มรูปแบบและแฟรนไชส์ที่ขายเฉพาะแบรนด์และโนฮาวเท่านั้นซึ่งคนส่วนใหญ่ไม่ทราบ แต่ปรากฏว่าพบปัญหาค่อนข้างมาก ทำให้ขณะนั้นบริษัทตัดสินใจขยายสาขาของบริษัทเอง จนปัจจุบันมีสาขาแล้ว 109 สาขา ประสบการณ์ดังกล่าวนำมาต่อยอดธุรกิจสู่รูปแบบแฟรนไชส์"

และการกลับมาสู่กลยุทธ์แฟรนไชส์ในครั้งนี้ อัศวินมองว่า ยังคงได้รับการตอบรับจากนักลงทุนจำนวนมาก จากช่วง 1-2 ปีแรกที่ดำเนินธุรกิจมามีนักลงทุนติดต่อเข้ามาร่วมธุรกิจเฉลี่ย 20 รายต่อเดือน วันนี้เช่นเดียวกัน และเป็นจังหวะที่ดีในการคัดเลือกแฟรนไชซีที่มีแนวคิดการพัฒนาธุรกิจ องค์กรไปในทิศทางเดียวกัน เพราะ 8 ปีที่ผ่านมาได้พิสูจน์ว่าแนวคิดดังกล่าวสามารถบริหารจัดการธุรกิจได้เป็นผลสำเร็จ ทำให้เกิดความมั่นใจต่อผู้ที่เข้ามาลงทุนได้

กับการลงทุนนั้น อัศวินกล่าวว่า ได้แบ่งเป็น 3 รูปแบบ (อ่านล้อมกรอบประกอบ) คือ 1.ชอป สะแตนอะโลนขนาดพื้นที่ 40 ตร.ม. ขึ้นไป ลงทุน 2 ล้านบาท 2.คีออส คอร์นเนอร์ พื้นที่ 6-40 ตร.ม. ลงทุน 1.05 ล้านบาทและ 3.เคาท์เตอร์ ลงทุน 6.5 แสนบาท

อัศวิน กล่าวเพิ่มเติมว่า ในเบื้องต้นนี้ได้เปิดรับนักลงทุนเพียง 5 รายเท่านั้น ทั้งนี้ได้ยึดวิธีคิดขององค์กรคือการเติบโตแบบขั้นบันไดหรือพอเพียง ทั้งนี้ต้องการให้ทั้ง 5 สาขาประสบความสำเร็จในเชิงธุรกิจและคุณภาพจะใช้ระยะเวลาติดตามผลประมาณ 6 เดือน หากประสบความสำเร็จจะเริ่มรุกขายสาขาเต็มที่ได้ในปี 2550 สิ่งที่เป็นตัวพิสูจน์คือวิเคราะห์ความสำเร็จธุรกิจ ระยะเวลาการคุ้มทุนเป็นไปตามที่กำหนดหรือไม่ ทำเลใช่หรือไม่และ ระบบการบริการระหว่างบริษัทและร้านสาขา

นอกจากนี้บ้านใร่กาแฟ ยังให้ความสำคัญกับการคัดเลือกแฟรนไชซี ที่ยอมรับในแนวคิดการบริหารองค์ในแบบฉบับบ้านใร่ ซึ่งมุ่งเน้นการให้ความสำคัญกับคนหรือบุคลากร เพราะความสำเร็จของธุรกิจที่ผ่านมาคนเป็นสิ่งสำคัญ ในการยกย่องคน เพราะจะทำให้เขาเหล่านั้นแสดงศักยภาพสู่ผู้ลงทุนและเกิดความยั่งยืนมากกว่าแค่ผลกำไร

และคำถามที่ว่า การเข้าสู่กลยุทธ์แฟรนไชส์บ้านใร่กาแฟนั้นช้าไปหรือไม่ อัศวินมองว่าเป็นจังหวะมากกว่า โดยไม่ได้มองถึงผลตอบแทนเชิงธุรกิจประเภทน้ำขึ้นให้รีบตัก แต่เป็นจังหวะความพร้อมขององค์กรในการขับเคลื่อนธุรกิจนี้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ถ้าในเชิงธุรกิจนั้น มองว่าการเติบโตของธุรกิจกาแฟยังโตต่อเนื่องเฉลี่ยปีละ 20% รวมถึงผู้บริโภค และบ้านใร่กาแฟยังมีช่องว่าง จากแบรนด์ที่เข้มแข็งในตลาดที่เป็นที่รู้จักของลูกค้า การต่อยอดธุรกิจจากความสำเร็จของแบรนด์จึงไม่ใช่เรื่องยาก และปัจจุบันอัตราการขยายตัวของร้านกาแฟส่วนใหญ่จะเป็นแบรนด์ที่เข้มแข็งในตลาด และโอกาสการแจ้งเกิดแบรนด์ใหม่ค่อนข้างน้อย จึงไม่ได้มองว่าเป็นการเข้าตลาดมาช้ากว่ารายอื่นแต่อย่างใด

ขยายช่องทางการจำหน่ายทำเลต้นแบบ 'ห้าง-MRT'

อัศวิน กล่าวต่อไปอีกว่า กลยุทธ์แฟรนไชส์นั้นนอกจากจะเป็นการรุกในเชิงธุรกิจเพื่อขยายสาขาครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายแล้ว ยังเป็นการสร้างแบรนด์ให้เป็นที่รู้จักมากขึ้นจากจำนวนร้านที่เพิ่มขึ้น เพราะยอมรับว่าช่องทางการขยายบ้านใร่กาแฟ 82 สาขาอยู่ในปั๊มน้ำมันเจท และปัจจุบันทำเลเต็มหรือการจะขยายสู่ปั๊มอื่นส่วนใหญ่จะมีแบรนด์อื่นๆ อยู่แล้ว ทั้งนี้จึงต้องหาทำเลใหม่เพื่อเป็นช่องทางการจำหน่าย

ห้างสรรพสินค้าเป็นทางเลือกหลักที่จะขายบ้านใร่กาแฟเข้าสู่ห้าง สรรพสินค้า และสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) เพราะประสบความสำเร็จธุรกิจสามารถเลี้ยงตัวเองได้จากการเปิดบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส 10 สาขา

กับการขยายสู่ห้างสรรพสินค้านั้นอยู่ระหว่างการติดต่อห้างสรรพสินค้า คาดจะสามารถเปิดได้ภายในปลายปีนี้ 1 สาขาได้ก่อน ทั้งนี้ทำเลห้างสรรพสินค้าเพื่อตอบสนองกลุ่มเป้าหมาย จากการวิจัยฐานลูกค้าที่ใช้บริการบ้านใร่กาแฟในปั๊มตามเส้นเดินทางนั้น ส่วนใหญ่เป็นคนในกรุงเทพฯ และยอดจำหน่ายเพิ่มขึ้นในช่วงวันหยุดยาว 20-30% ฉะนั้นห้างสรรพสินค้าจะเป็นช่องทางการจำหน่ายเพื่อรองรับคนกลุ่มนี้สามารถใช้บริการได้ถี่ขึ้น

และสำหรับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนั้น เป็นการขยายฐานลูกค้าที่โดยสารรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งไม่มีโอกาสได้ใช้บริการในปั๊มน้ำมัน ทั้งนี้พบว่าปัญหาที่เกิดขึ้น ฐานลูกค้าส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ แต่การให้บริการในกรุงเทพฯ ค่อนข้างน้อย จึงเปิดทำเลในห้าง ซึ่งเป็นทำเลที่บริษัทได้สนับสนุนให้แฟรนไชซีด้วยเช่นกัน

อัศวินกล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ทำเลในห้างสรรพสินค้าจะเป็นทำเลที่ร้านกาแฟแบรนด์ไทยและต่างชาติแห่ไปจับจองกันจำนวนมากแล้วนั้น ยังมีช่องว่างของบ้านใร่กาแฟด้วยสินค้าที่แตกต่างในเรื่องรสชาติที่เข้มค้น ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าประจำ เพราะจากการเก็บสถิติลูกค้าจาก 109 สาขาพบมียอดลูกค้าประมาณ 120,000 คนต่อเดือนและเพิ่มขึ้น 20-30% ในช่วงวันหยุด ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าคือคนกรุงเทพฯ ที่เข้ามาใช้บริการในห้างสรรพสินค้า

เปิดแผนตลาดต่างประเทศ 6 ปท.ตะวันออกลาง-กัมพูชา

วุฒิชัย สร้อยฟ้า ฝ่ายสนับสนุนธุรกิจตลาดต่างประเทศ กล่าวถึงการขยายสาขาแฟรนไชส์ไปยังต่างประเทศว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมากและที่เห็นชัดเจนคาดจะสามารถสรุปได้ภายในสิ้นปี 2549 ใน 6 ประเทศ ได้แก่ ซาอุดิอาระเบีย โอมาน คูเวต บาเรนห์ การ์ต้า ยูเออี ซึ่งเป็นนักธุรกิจจากซาอุดิอาระเบียสนใจโมเดลธุรกิจบ้านไร่ทั้งในส่วนของแฟรนไชส์และสินค้าเพื่อนำไปจำหน่าย

สำหรับแฟรนไชส์ นั้นนักธุรกิจรายดังกล่าวได้เห็นรูปแบบการลงทุนในปั๊มน้ำมันและต้องการที่จะเปิดตลาดเช่นเดียวกันไทย ส่วนสินค้านั้นเป็นเจ้าของกิจการห้างสรรพสินค้าหลายแห่งสามารถนำสินค้าเข้าไปจำหน่ายได้เลยและโอกาสการเติบโตในตลาดของ 6 ประเทศสูงมาก เพราะประชากรเกือบทั้งหมดนิยมการบริโภคกาแฟ

นอกจากนี้ได้แก่ นักลงทุนจากกัมพูชา ตัวแทนจำหน่ายสินค้าไทยหลายยี่ห้อ สนใจที่จะเป็นมาสเตอร์แฟรนไชส์บ้านใร่กาแฟในกัมพูชา คาดจะสามารถได้ข้อสรุปเร็วนี้ๆ เช่นกัน

"ที่ผ่านมาความสนใจจากนักลงทุนมีหลายภูมิภาคทั้งยุโรป อเมริกา ซึ่งเป็นนักลงทุนไทยที่ไปเปิดร้านอาหาร ทำกิจการในต่างประเทศและความสนใจของนักลงทุนในประเทศนั้นๆ ที่เห็นจุดเด่นของแบรนด์กาแฟไทยและคอนเซ็ปต์ธุรกิจที่เป็นจุดขายที่แตกต่าง จากนี้ไปคาดจะมีการเจรจาอย่างต่อเนื่องเพราะความสนใจเข้ามาสูงมาก และเป้าหมายโมเดลในต่างประเทศนั้นตามแผนงานต้องสามารถดำเนินการภายในปี 2549นี้" วุฒิชัยกล่าว


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.