|
ปริญสิริปั๊มคอนโดฯเพิ่มฐานลูกค้านิคมอมตะฯ
ผู้จัดการรายวัน(1 กันยายน 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
นางสาวสิริลักษณ์ โกวิทจินดาชัย ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ปริญสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากปัจจัยลบสถานการณ์ทางการเมือง ราคาน้ำมัน อัตราดอกเบี้ย ส่งผลให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ 10-20% หรือเข้าชมโครงการ 5-6 ครั้ง จึงเริ่มตัดสินใจจองบ้าน ดังนั้นบริษัทจึงจำเป็นต้องสร้างกระแสให้ผู้บริโภครับรู้ในแบรนด์ของปริญสิริ อีกทั้งยังมองหาสินค้าที่ตรงกับความต้องการของตลาด ซึ่งบริษัทต้องสร้างบ้านในทำเลดี คุณภาพดี แต่ราคาถูกลง
โดยตลาดคอนโดมิเนียมจะกลายเป็นสินค้าที่บริษัทให้น้ำหนักในการเปิดโครงการมากขึ้น นอกเหนือจากโครงการย่านราชปรารภ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ที่กำลังดำเนินการอยู่ โดยเป็นคอนโดมิเนียมสูง 30 ชั้น สร้างฐานรากเสร็จเรียบร้อยแล้ว ส่วนจังหวะของการเปิดขายคาดว่าจะเป็นช่วงปลายปีหรือต้นปี 2550 โดยจะพยายามทำการก่อสร้างให้คืบหน้าไปกว่า 60-70% เพื่อให้สามารถขายได้ในราคาดี
อีกทั้ง ทางบริษัทตัดสินใจเปิดโครงการคอนโดมิเนียมย่านอ่อนนุช-สุวรรณภูมิ ภายในโครงการ ดิ ยูโรเปี้ยน ทาวน์ ซึ่งเป็นโครงการภายใต้บริษัทปริญเวนเจอร์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่างปริญสิริฯ และบริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) โดยจะแบ่งที่ดิน 4-5 ไร่ ก่อสร้างอาคารโลว์ไรซ์ จำนวน 4-5 อาคาร ระดับราคาขาย 1 ล้านต้นๆ/ยูนิต และล่าสุดได้ซื้อที่ดินบนถนนพหลโยธิน ซ.35 จำนวน 3.5 ไร่ เพื่อสร้างเป็นคอนโดมิเนียม 2 อาคาร สูง 8 ชั้น จำนวน 400 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท และโครงการที่ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ บนเนื้อที่กว่า 1 ไร่ พัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมสูง 20 ชั้น ซึ่งจะเปิดต้นปีหน้าเช่นเดี่ยวกัน
นอกจากนี้ ยังอยู่ระหว่างการเจรจากับทางนิคมอุตสาหกรรมอมตะนคร จังหวัดชลบุรี เพื่อคัดสรรที่ดินประมาณ 30 ไร่ มาลงทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในนามบริษัทปริญเวนเจอร์ฯ ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่จัดตั้งขึ้น โดยทางปริญเวนเจอร์จะเป็นผู้ลงทุนด้านที่ดิน ส่วนการพัฒนาโครงการจะเป็นหน้าที่ของบริษัทปริญสิริฯ เจาะกลุ่มลูกค้าระดับผู้จัดการโรงงาน ราคากว่า 1 ล้านบาท/ยูนิต คาดว่าจะมีผู้สนใจซื้อยกทั้งตึกเพื่อปล่อยให้พนักงานเช่า
นางสาวสิริลักษณ์กล่าวว่า สำหรับความคืบหน้าการหาผู้ร่วมทุนในบริษัทปริญสิริฯ นั้น บริษัทได้เลื่อนการหาผู้ร่วมทุนไปเป็นปี 2550แทน เนื่องจากยังไม่มีความเหมาะสม เพราะผู้ที่ประสงค์จะร่วมทุนในช่วงก่อนหน้านี้ มีทั้งทางสิงคโปร์และจีนนั้นจะขอเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และนำเพียงเงินลงทุนเข้ามาเท่านั้น ขณะที่บริษัทต้องการผู้ร่วมทุนที่จะต้องนำเทคโนโลยีด้านก่อสร้างมาด้วย จึงจำเป็นต้องพับแผนออกไป
ส่วนยอดโอนในช่วง 6 เดือนแรกปีนี้ บริษัทมียอดโอนที่ 1,083 ล้านบาท คาดว่าจะมียอดรับรู้รายได้ตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 3,000 ล้านบาท และมียอดขายกว่า 4,000 ล้านบาท ภายในสิ้นปีนี้แน่นอน เพราะปัจจุบันมียอดขายในมือแล้วกว่า 2,800 ล้านบาท ซึ่งจะสามารถทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้และยังมียอดขายที่รอบันทึกเป็นรายได้ (แบ็กล็อก) จากปีที่แล้วมารับรู้รายได้ในปีนี้อีก 1,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่เปิดขาย 10 โครงการ มูลค่าขาย 5,360 ล้านบาท
ด้านนายชัยวัฒน์ โกวิทจินดาชัย รองกรรมการผู้จัดการปริญสิริ กล่าวว่า ในช่วง 4 เดือนสุดท้ายนี้ บริษัทมีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่อีก 4 โครงการ รวมมูลค่า 3,138 ล้านบาท โดยเป็นโครงการที่พัฒนาในนามปริญสิริ 2 โครงการ ประกอบด้วย 1.โครงการปริญญดา เพชรเกษม - กาญจนาภิเษก บ้านเดี่ยว 2 ชั้น ราคา 6-9 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 700 ล้านบาท, 2.ปริญลักษณ์ เพชรเกษม 69 คลัสเตอร์โฮม เล่นระดับราคาเริ่มต้น 1.99 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวม 824 ล้านบาท
ส่วนโครงการที่พัฒนาในนามปริญเวนเจอร์จำนวน 2 โครงการ 1.โครงการ ดิ ยูโรเปี้ยน ทาวน์ อ่อนนุช-สุวรรณภูมิ แบ่งออกเป็น 2 เซ็กเตอร์ มูลค่าโครงการรวม 1,110 ล้านบาท บ้านเดี่ยว ราคาเริ่มต้นที่ 4.29-7 ล้านบาท และคลัสเตอร์โฮม 3 ชั้น สไตล์อังกฤษ ราคาเริ่มต้น 2.79-5 ล้านบาท และ 2.โครงการบ้านเดี่ยว โซนรังสิต ใกล้จุดทางขึ้นทางด่วนโทล์เวย์และโรงกษาปณ์ มูลค่าโครงการรวม 1,350 ล้านบาท
นายชัยวัฒน์กล่าวอีกว่า เนื่องจากปัจจุบันภาวะตลาดมีความไม่แน่นอน ดังนั้นในช่วงปลายปี 49 นี้ เราปรับกลยุทธ์การตลาด การขาย และการสื่อสารการตลาด เพื่อเพิ่มความเชื่อมั่นของผู้บริโภคซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญในการทำการตลาด จากเดิมผู้ประกอบการเน้นการตลาดแบบ Below the Line เท่านั้น โดยผ่านสื่อ Cutout และป้ายนำทาง เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบถึงการเปิดตัวโครงการ แล้วรอลูกค้าเข้ามาเยี่ยมชม แต่ปัจจุบันการทำการตลาดแบบเดิม ไม่สามารถสร้างการรับรู้หรือกระตุ้นให้ลูกค้าสนใจสินค้ามากนัก
ดังนั้นการสร้าง Brand จึงเป็นสิ่งสำคัญในการขายสินค้า เราจึงใช้กลยุทธ์การตลาดอย่างครบวงจรทั้งในรูปแบบ Above the Line ด้วยการสื่อสารกับลูกค้าผ่านสื่อโฆษณาต่างๆ โดยใช้งบในปีนี้ 90 ล้านบาท ล่าสุดออกภาพยนตร์โฆษณาผ่านสื่อต่างๆ โดยใช้งบประมาณ 10 ล้านบาท นอกจากนี้จะออกมินิโรดโชว์ตามสถานที่ใกล้กับโครงการที่บริษัทจะเปิดตัวโครงการ
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|