กรุงศรีฯถือหุ้นใหญ่AJF


ผู้จัดการรายวัน(31 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

แบงก์กรุงศรีฯ เดินหน้าสร้างบริษัทในเครือหนุนธุรกิจ ล่าสุดเข้าซื้อหุ้น "เอเจเอฟ" ต่อจากกลุ่ม JFAM ครองสัดส่วนผู้ถือหุ้นใหญ่ 77% หวังช่วยเสริมศักยภาพสู่การเป็นยูนิเวอร์แซล แบงก์กิ้ง ส่วนบลจ.พรีมาเวสท์ ที่ธนาคารถือหุ้นอยู่ ยังไม่มีแนวคิดควบรวมกิจการ ระบุต้องการให้ทั้ง 2 รายแข่งขันต่อไป และพร้อมให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่

นายพงศ์พินิต เดชะคุปต์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ธนาคารได้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) อยุธยาเจเอฟ จำกัด (เอเจเอฟ) ด้วยการซื้อหุ้นที่บริษัท เจเอฟ แอสเซ็ท แมนเนจเม้นท์ จำกัด (JFAM) ซึ่งเป็นบริษัทในเครือ เจพี มอร์แกน ถืออยู่ทั้งหมดร้อยละ 38.3 ส่งผลให้ธนาคารฯ กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ด้วยสัดส่วนร้อยละ 77 ทันที

โดยการเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว สอดคล้องกับความประสงค์และเป้าหมายของธนาคาร และเป็นส่วนหนึ่งของการดำเนินกลยุทธ์ ด้วยการปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทในเครือเพื่อให้ธนาคารเป็นผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ เพื่อเข้าสู่การเป็นธนาคารที่สามารถให้บริการการเงินครบวงจร (Universal Banking) แก่ลูกค้าได้อย่างเต็มที่และมีประสิทธิภาพ และเพื่อเสริมสร้างความเข้มแข็งให้แก่ระบบสถาบันการเงินของประเทศ โดยก่อนหน้านี้ธนาคารได้ปรับโครงสร้างการถือหุ้นบริษัทในเครือบางแห่งเรียบร้อยแล้ว

ทั้งนี้ เอเจเอฟ จะทำหน้าที่เป็นผู้เชี่ยวชาญในการบริหารการลงทุนให้แก่ลูกค้าในกลุ่มของธนาคารกรุงศรีอยุธยา ที่ต้องการลงทุนผ่านบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนทั้งที่เป็นการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ รวมทั้งสร้างผลิตภัณฑ์และบริการด้านการลงทุนที่เป็นทางเลือกที่จะเป็นประโยชน์ต่อลูกค้าของธนาคาร โดยธนาคารจะสนับสนุนเอเจเอฟอย่างเต็มที่ในการเสนอบริการผ่านสาขาของธนาคารทั่วประเทศ

“ธนาคารรู้สึกยินดีที่ได้เข้าเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในเอเจเอฟ และเชื่อมั่นว่าเอเจเอฟจะสามารถเสนอและให้บริการการบริหารจัดการกองทุนที่มีประสิทธิภาพสูงแก่ลูกค้าของธนาคารได้เป็นอย่างดี ความเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ส่งเสริมให้ธนาคารสามารถเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินได้อย่างหลากหลาย ครอบคลุม และครบวงจร” นายพงศ์พินิตกล่าว

ด้านนายโรเจอร์ เฮปเปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่สายปฏิบัติการ บริษัท เจเอฟ แอสเซ็ท แมนเนจเม้นท์ จำกัด (JFAM) กล่าวว่า การเสนอขายหุ้นทั้งหมดที่ถืออยู่ในเอเจเอฟให้กับธนาคารกรุงศรีอยุธยานั้น ก็เป็นส่วนหนึ่งในกลยุทธ์ ของ JFAM เช่นเดียวกัน ที่ต้องการหันไปรุกธุรกิจและตลาดหลักในระดับภูมิภาคมากขึ้น

“ตลอด 9 ปีที่ถือหุ้นในเอเจเอฟ เราประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก และมีบทบาทสำคัญที่ได้ช่วยเสริมสร้างและวางรากฐานธุรกิจกองทุนรวมในประเทศไทย เอเจเอฟได้รับความสำเร็จมีความก้าวหน้าเป็นบริษัทจัดการกองทุนที่รู้จักกันทั่วประเทศ แม้ว่าจะรู้สึกเสียดายที่ต้องจากไป แต่เรามีความเชื่อมั่นว่าผลการดำเนินงานของเอเจเอฟในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะมีความก้าวหน้าและเติบโตอย่างต่อเนื่องในธุรกิจกองทุนรวม ทั้งยังจะเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการให้บริการและบริหารหลักทรัพย์จัดการกองทุนแก่ลูกค้าของธนาคารอีกด้วย” นายโรเจอร์

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าจะไม่ได้อยู่ในฐานะผู้ร่วมทุนหลังจากขายหุ้นในเอเจเอฟแล้ว แต่ JFAM จะยังคงทำงานร่วมกับเอเจเอฟต่อไปอย่างใกล้ชิด ในส่วนของการบริหารหลักทรัพย์ประเภทตราสารหนี้ระดับนานาชาติที่ดูแลอยู่ให้กับลูกค้าบางรายของเอเจเอฟ นอกจากนี้ JFAM ยังคงเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ในตลาดทุนของไทยในนามของลูกค้าต่างๆ โดยมีมูลค่าการลงทุนราว 600 ล้านเหรียญสหรัฐ (หรือราว 24,000 ล้านบาท) ในอุตสาหกรรมยานยนต์ และลูกค้าสถาบัน ซึ่ง JFAM และบริษัทในกลุ่มจะให้บริการจัดการกองทุนระดับนานาชาติแก่ลูกค้าสถาบันของไทยจากศูนย์กลางการลงทุนในฮ่องกง

สำหรับหุ้นที่เหลืออีกร้อยละ 23 ในเอเจเอฟนั้น ถือโดยบริษัทในเครือของธนาคารฯ ได้แก่ บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) บริษัท ประกันภัยศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัทประกันชีวิต อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. จำกัด (มหาชน) ทั้งนี้ การซื้อขายหุ้นเอเจเอฟ ระหว่างธนาคารกรุงศรีอยุธยาและ JFAM เป็นไปตามเงื่อนไขข้อตกลงการร่วมทุนที่มีต่อกัน ที่ให้แต่ละฝ่ายสามารถซื้อขายหุ้นแก่กันได้ ซึ่งการดำเนินการครั้งนี้บรรลุข้อตกลงอย่างสมบูรณ์แล้ว

บลจ.เอเจเอฟ ก่อตั้งขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2539 โดยมีผลกำไรจากการดำเนินธุรกิจมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และเป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนชั้นนำแห่งหนึ่งของประเทศ และตั้งแต่ต้นปี 2549 ผลการจัดอันดับกองทุนตามผลการดำเนินงานและผลตอบแทนสะท้อนให้เห็นว่าหลายกองทุนของเอเจเอฟอยู่ในกลุ่มที่ให้ผลตอบแทนสูงสุดของกองทุนแต่ละประเภท

นายประภาส ตันพิบูลย์ศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่สายการลงทุน บลจ.เอเจเอฟ กล่าวว่า การเข้ามาซื้อหุ้นของบริษัทในครั้งนี้ เป็นความต้องการของธนาคารกรุงศรีอยุธยามานานแล้ว เพราะธนาคารเองต้องการมีบริการทางการเงินที่ครบวงจรหรือเป็นยูนิเวอร์แซล แบงก์กิ้ง ในขณะที่ JFAM เองก็ต้องการรุกตลาดในระดับภูมิภาค จึงทำให้เกิดดีลการซื้อขายหุ้นนี้ขึ้นมา ซึ่งหลังจากนี้ก็จะทำให้ธนาคารกรุงศรีอยุธยามีภาพการเป็นบริษัทแม่ของบลจ.เอเจเอฟอย่างชัดเจนมากขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้ถือหุ้นโดยตรงเต็ม 100% ทั้งหมดก็ตาม แต่การที่ผู้ถือหุ้นของบลจ.เอเจเอฟ ล้วนเป็นบริษัทในเครือธนาคารกรุงศรีอยุธยา จึงทำให้สัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าวเสมือนเต็ม 100% อยู่แล้ว

อย่างไรก็ตาม นอกจากธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะถือหุ้นอยู่ในบลจ.เอเจเอฟแล้ว ยังถือหุ้นในบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) พรีมาเวสท์ จำกัด อีกด้วย โดยมีสัดส่วนการถือหุ้นทั้งหมด 10% ซึ่งก่อนหน้านี้ บลจ.พรีมาเวสท์เอง ก็มีการปรับโครงสร้างผู้ถือหุ้นด้วยเช่นกัน โดยมีบริษัท อยุธยา อลิอันซ์ ซี.พี. ประกันชีวิต จำกัด (มหาชน) หรือ AACP เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 10% ในช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการเข้ามาซื้อหุ้นต่อจากสัดส่วนของบริษัท บีบีทีวี แอสเซตแมเนจเมนท์ จำกัด ที่ถือหุ้นของบริษัทอยู่ก่อนหน้านี้

โดยนางซาลอต โทณวนิก ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ธนาคารกรุงศรีอยุธยา กล่าวว่า หลังจากเข้าไปซื้อหุ้นของบลจ.เอเจเอฟแล้ว ธนาคารไม่มีแนวคิดที่จะควบรวมกิจการระหว่างบลจ.พรีมาเวสท์ซึ่งเป็นบริษัทจัดการกองทุนในเครือเข้ามาด้วย เนื่องจากต้องการให้บลจ. ทั้ง 2 รายมีการแข่งขันกันในตลาดต่อไป ซึ่งในส่วนของธนาคารเองก็พร้อมที่จะให้การสนับสนุนทั้งบลจ.เอเจเอฟ และบลจ.พรีมาเวสท์อย่างเต็มที่

ด้านนายเพิ่มพล ประเสริฐล้ำ กรรมการผู้จัดการ บลจ.พรีมาเวสท์ กล่าวว่า หลังจากนี้คงจะต้องมีการหารือระหว่างผู้ถือหุ้นของบริษัทอีกครั้งว่าจะวางตำแหน่งทางการตลาดของทั้ง 2 บริษัทอย่างไร แต่โดยส่วนตัวยังเชื่อว่าธนาคารกรุงศรีอยุธยาจะยังคงให้การสนับสนุนบริษัทต่อไปตามที่เคยให้การสนับสนุนมาโดยตลอด

สำหรับความคืบหน้าการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารกรุงศรีอยุธยากับกลุ่มจีอี มีรายงานข่าวว่า ในการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นครั้งที่ 1/2549 ในวันพุธที่ 20 กันยายน 2549 ธนาคารจะมีการขออนุมัติที่ประชุม เพื่อพิจารณาเพิ่มจำนวนกรรมการของธนาคารอีก 2 คน จากเดิมที่มี 9 คน เป็น 11 คน โดยการเสนอ นายพรสนอง ตู้จินดา และนางสาวพรรณพร คงยิ่งยง เข้าดำรงตำแหน่งกรรมการของธนาคารด้วย


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.