ธุรกิจสร้างบ้านระดับบน ไม่เหมือนเดินบนปุยนุ่นอย่างที่บางคนคาดคิดไว้ ใครที่จะอยู่ในธุรกิจนี้ได้
นอกจากต้องระดมสมองหากลยุทธ์แปลก ๆ มาปลุกตลาดตลอดเวลา และมีสายป่านยาวที่จะให้บริการลูกค้าได้อย่างต่อเนื่องแล้ว
น้ำอดน้ำทนเป็นเรื่องสำคัญทีเดียว
หากจะถามว่า สินค้าชนิดใดที่ผู้ซื้อซื้อมาแล้ว สามารถเพิ่มพูนฐานะ และภาพพจน์ของตัวเองได้แล้ว
ก็คงจะหนีไม่พ้น รถยนต์ และบ้าน แต่หากจะเจาะลึกลงไปให้เลือกระหว่างสินค้าทั้ง
2 ตัวว่าตัวใดมีบทบาทมากที่สุดแล้ว
ก็ย่อมเป็น "บ้าน" อย่างแน่นอน
แต่การที่จะได้บ้านที่จะมีศักยภาพเต็มใบอย่างที่ว่านั้น นอกจากอาศัยบ้านที่จัดสรรไว้เรียบร้อยแล้ว
"บริษัทรับสร้างบ้าน" ก็เป็นอีกช่องหนึ่งที่จะทำให้ความฝันของเราเป็นจริงขึ้นมาได้
โดยเฉพาะผู้ซื้อในระดับที่มีอันจะกินด้วยแล้ว ความประณีตและพิถีพิถันที่จะได้บ้านวิจิตรวิจิตรบรรจง
หนึ่งเดียวที่ไม่เหมือนใคร ย่อมอยู่ในห้วงคิดทุกสำนึกทีเดียว จนไม่มีแม้แต่สำนึกใดที่จะคิดถึงเรื่องราคา
ถ้าหากจะกล่าวถึงความเป็นมาของตลาดสร้างบ้านเศรษฐีแล้ว ผู้ที่จุดกระแสความสนใจในยุคแรก
ๆ นั้น มักจะเป็นตัวเจ้าของบ้านเอง ที่หวังจะสร้างบ้านซึ่งไม่เหมือนใคร และไม่มีใครเหมือน
และข้อสำคัญก็คือ จะต้องไม่โดนผูกมัดโดยระบบรับสร้างบ้านที่ยุ่งยากวุ่นวาย
ซึ่งเจ้าของบ้านมีอันจะกินเหล่านี้ไม่ต้องการเข้าไปข้องแวะอยู่แล้ว
ดังนั้นจึงจำเป็นอยู่เองที่ เจ้าของบ้านเหล่านี้จำเป็นต้องพึ่งตัวเอง และอาศัยความสัมพันธ์ส่วนตัวกับบรรดาสถาปนิกที่ตัวเองรู้จัก
หรือมีผู้แนะนำให้อีกทีหนึ่ง สร้างความฝันของตัวเองออกมาให้เป็นจริงตามที่คิด
ซึ่งเจ้าของบ้านเหล่านั้นจะต้องเสียเวลามานั่งคุมงานในทุกขั้นตอนด้วยตัวเอง
เพื่อไม่ให้ผิดพลาดไปจากรูปแบบที่ตั้งใจไว้
และแน่นอนที่เศรษฐีผู้มีภาระกิจหนักอึ้งอยู่เต็มหลัง ก็คงจะแบ่งภาคมาดูแลกิจการพันล้าน
และบ้านรโหฐานของตนในขณะเดียวกันได้อย่างยากเย็นในที่สุดก็ต้องยอมแพ้ไป ซึ่งทำให้สถาปนิกผู้เข้ามารับงานให้เศรษฐี
เห็นช่องทางที่จะสร้างตลาดเหล่านี้ขึ้น ในช่วงแรกจะออกไปในรูปของการเป็นผู้ดำเนินงานเกี่ยวกับขั้นตอนต่างๆ
ของการสร้างบ้านขึ้นมาสักหลังหนึ่งให้ลูกค้าเหล่านี้โดยใช้การติดต่อกันเป็นส่วนตัวเป็นราย
ๆ ไป
ต่อมาเมื่อเริ่มรู้ช่องทางเป็นอย่างดีแล้วบรรดาสถาปนิกเหล่านี้ก็เริ่มหานายทุนที่มีความเห็นสอดคล้องว่า
ตลาดนี้น่าจะไปได้มาสนับสนุนโครงการบริษัทที่รับสร้างบ้านราคาแพงทีเห็นอยู่ในวงการขณะนี้ก็มีฐานเริ่มต้นจากจุดนี้ทั้งสิ้น
จนถึงทุกวันนี้ แม้ว่าจากตัวเลขคาดการณ์ความต้องการบ้านจัดสรร ในเขตกรุงเทพมหานคร
และปริมณฑล ในช่วงแผนพัฒนาเศรษฐกิจ และสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 7 ได้ประเมินความต้องการบ้านที่อยู่อาศัยเบื้องต้นไว้ในช่วงปี
2535-2539 ไว้รวมทั้งสิ้น 376,522 หลัง เป็นครัวเรือนใหม่ 301,304 หลัง และสร้างทดแทนจำนวน
75,216 หลัง ซึ่งสามารถแบ่งเป็นบ้านพักอาศัยระดับกลางและล่างได้ถึงร้อยละ
99% ในขณะที่บ้านรโหฐานในระดับราคาตั้งแต่ 5 ล้านขึ้นไปจะกุมส่วนแบ่งอยู่ในตลาดไว้ในมือเพียง
1% เท่านั้น
แต่ด้วยฐานเพียงเท่านี้ ผู้เชี่ยวชาญในวงการบ้านระดับบนหลายคน กลับวาดหวังไว้อย่างบรรเจิดว่า
อนาคตของบ้านระดับนี้ยังไปได้อีกไกล
"เนื่องจากเงินสะสมของคนระดับเศรษฐีมีอยู่ค่อนข้างสูงในช่วงนี้ และช่วงที่แล้วมา
เพราะช่องทางในการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นธนาคารก็ไม่แจ่มใส เพราะช่องทางในการลงทุน
เพราะอัตราดอกเบี้ยมีแนวโน้มจะตกลงไปอีก ในขณะที่หุ้นก็ยังมีอัตราเสี่ยงที่หวือหวา
ด้วยการเก็งกำไรที่ดินหรืออสังหาริมทรัพย์อย่างเช่น คอนโดมีเนียม ก็ล้าสมัยไปเสียแล้ว
ดังนั้นการลงทุนสร้างบ้านของตัวเองเพิ่มอีกสักแห่ง เพื่ออนาคตครอบครัวและลูกหลานที่จะมีการขยายตัวในอนาคต
จึงน่าเป็นหนทางที่ถูกต้องอันหนึ่ง" นักวิเคราะห์ทางการเงินรายหนึ่งให้ความคิดเห็น
แรงกระตุ้นสำคัญ อีกประการที่เป็นตัวเร่งทำให้ หลายฝ่ายมองตลาดสร้างบ้าน
ระดับบนอย่างสดใสมากขึ้น คือ นอกจากยอดขายของบ้านระดับบนจะมาจากเศรษฐี หรือมหาเศรษฐีที่ประสบความสำเร็จในการตั้งตัวไปเรียบร้อยแล้ว
อัตราการเติบโตของเศรษฐีรุ่นใหม่ที่ขึ้นมาทดแทนเศรษฐีรุ่นเก่าที่ล้มหายตายจากไป
แม้ว่าเศรษฐีเหล่านี้ จะยังมีภาระที่จะต้องก่อร่างสร้างตัว เพื่อตั้งหลักปักฐานในอนาคตก็ตาม
แต่เมื่อเขาจำเป็นต้องสร้างเพื่อเป็นหลักประกันในอนาคตแล้ว
แทนที่เขาจะยึดภาษิตที่ว่า "นกน้อยทำรังแต่พอตัว" อย่างเช่นเศรษฐีรุ่นเก่าเคยถือปฏิบ้ติมาก่อนหน้าเศรษฐีรุ่นใหม่เหล่านี้
จะมองไปถึงการลงทุนในการสร้างโลกส่วนตัวที่บ้าน อย่างเต็มที่ เพื่อเป็นการลงทุน
ครั้งเดียวเพื่อให้ได้สิ่งที่ดีที่สุดในชีวิต
การลงทุนเพื่อสร้างความสุขในครอบครัว จะเป็นวิถีทางการดำเนินชีวิตของคนไทยที่จะเป็นจริงเป็นจังยิ่งขึ้นในอนาคต
เพราะเมื่อต้องผจญภัยกับงานที่มากมาย และต้องพบกับการจราจรที่หนักหนาสาหัสมาแล้ว
การกลับมาหาความสุขที่บ้านจึงน่าจะเป็นสิ่งที่มีความสุขที่สุดของคนยุคต่อไป
"ตอนนี้ค่ายรับสร้างบ้านบางราย ซึ่งในอดีตไม่ค่อยได้ให้ความสำคัญกับกลุ่มเศรษฐีรุ่นใหม่
ก็เริ่มปรับท่าทีที่จะเน้นเจาะเข้าไปในลูกค้ากลุ่มนี้มากขึ้นในขณะที่บางรายก็เน้นเจาะไปที่กลุ่มเศรษฐีรุ่นใหม่เพียงอย่างเดียว
เพื่อเป็นเอกลักษณ์ในการทำตลาดของตน" ผู้เชี่ยวชาญในวงการบ้านระดับบนกล่าว
แต่การที่จะได้บริษัทรับสร้างบ้านที่จะสานฝันของเศรษฐีทั้งรุ่นเก่า และรุ่นใหม่ให้ออกมาเป็นรูปเป็นร่างนั้น
ความเป็นมารวมถึงกลยุทธ์ในการแข่งขันและชักชวนลูกค้า ให้มาเป็นลูกค้า เป็นข้อมูลที่จะบ่งบอกถึงความมีศักยภาพ
ของแต่ละค่ายได้เป็นอย่างดี
เมื่อมองเข้าไปในวงการรับสร้างคฤหาสน์เศรษฐีค่ายใหญ่ที่ประกาศตัวมาเป็นเวลาช้านานว่ารับทำงานด้านนี้เฉพาะ
นั่นก็คือ เทคนิกาโนวา ซึ่งเปิดตัวมาเป็นเวลา 4-5 ปี ได้ประกาศแนวความคิดที่จะมุ่งรับงานบ้านระดับบนมาตั้งแต่คนในวงการไม่เห็นด้วย
และไม่เห็นความสำคัญ มีการมองว่าเทคนิกาโนวาจำกัด ตลาดของตัวเองไว้แคบจนเกินไป
โดยเฉพาะในช่วงแรกที่เข้ามาบุกเบิกตลาดใหม่ ๆ นั้น อัตราการสร้างบ้านระดับบนที่ยังมีไม่ถึง
1% คือมีอยู่เพียง .1-.3% นั้น
เป็นช่วงที่เทคนิกาโนวาต้องดิ้นอย่างสุดขีด
แต่การดิ้นรนของค่ายบุกเบิกรายนี้ ตั้งอยู่บนพื้นฐานของแนวความคิดที่มุ่งบริการลูกค้าระดับสูงที่มุ่งมั่นว่าการซื้อสินค้าของตนนั้นจะต้อง
"ถึงพร้อมในเรื่องคุณภาพและไม่กังวลในเรื่องราคา" ดังนั้นจึงทำให้มีลูกค้าในระดับหนึ่ง
ที่แม้ว่าจะไม่น่าพอใจนักในด้านผลประกอบการ แต่ในแง่ของการสร้างเสริมภาพพจน์ในระยะยาว
เพื่อให้คนคุ้นเคยกับชื่อ "เทคนิกา โนวา" แล้วนับว่าคุ้มค่าพอสมควร
"ถือได้ว่า เทคนิกาโนวาเขาได้ปูทางให้บริษัทรับสร้างบ้านระดับบนช่วงต่อมา
ให้เป็นที่รู้จักของคนในวงการได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งหากเขาไม่มุ่งมั่นในความคิดที่เขาตั้งไว้แต่ต้น
ก็คงทำให้คนทั่วไปไม่เข้าใจความมุ่งมั่นของธุรกิจประเภทนี้" แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับเทคนิกาโนวากล่าว
แนวความคิดที่จะใช้ทำเลซึ่งเหมาะสม และสามารถเข้าถึงลูกค้าเศรษฐีได้นั้น
ก็ถือว่าเทคนิกาโนวา ได้เป็นผู้บุกเบิกเรื่องนี้ การไปตั้งสมรภูมิไว้ที่อาคารเพนนินซูล่า
ถนนราชดำริ ซึ่งเป็นแหล่งชุมนุมของลูกค้าที่มีอันจะกินนั้น ได้เป็นการวางรากฐานให้ค่ายรับสร้างบ้านรายอื่นเข้ามาในเส้นทางนี้เดินตาม
แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับเทคนิกาโนวารายเดิม ให้ทัศนะว่า การมีทำเลดีที่ลูกค้าจะสามารถไปติดต่อได้อย่างง่ายดาย
โดยเฉพาะเป็นย่านที่ชุมนุมสินค้าระดับเลิศหรูด้วยกัน ก็เหมือน "มีชัยไปกว่าครึ่ง"
แล้ว จากจุดนี้เอง ทำให้จนถึงขณะนี้เทคนิกาโนวา ก็ยังคงคิดตั้งหลักปักฐานอยู่ที่เพนนินซูล่าแห่งนี้ต่อไป
โดยไม่คิดจะเปิดสาขาเพิ่มแต่อย่างใด
รายต่อมาซึ่งเพิ่งจะเปิดตัวไปได้เพียงปีกว่า ๆ แต่ก็ยึดมั่นในแนวคิดที่เทคนิกาโนวาวางไว้เป็นอย่างดี
เช่นเดียวกัน "มาสเตอร์พีซ" (MASTERPIECE) ในเครือควอลิตี้เฮาส์
ก็เป็นอีกความพยายามหนึ่งของบริษัทแม่ข่าย อย่างแลนด์แอนด์เฮาส์ที่จะขยายอาณาจักรของตนออกไปให้ครอบคลุมทุกจุดโดยเฉพาะในงานบ้านระดับบน
ที่ตัวเองเป็นผู้นำรายหนึ่งในตลาดนั้น
อันที่จริงแล้ว ควอลิตี้เฮาส์ได้เตรียมการที่จะเข้ามาทำตลาดระดับบนไว้นานพอสมควร
การตั้งรากฐานให้แน่นหนาด้วยการศึกษาความต้องการของลูกค้าระดับกลาง ที่จะไต่ระดับขึ้นไปเป็นเจ้าของบ้านระดับบนอย่างต่อเนื่องนั้นเหล่านี้ได้สร้างความเชื่อมั่นให้กับควอลิตี้เฮาส์เป็นอย่างมากว่า
ตลาดนี้ยังไปได้อีกไกล !
นอกจากนั้นด้วยรากฐานของความเป็นควอลิตี้เฮาส์ ซึ่งมีบริษัทแม่ข่ายอย่างแลนด์
แอนด์ เฮาส์คอยยืนดูความสำเร็จอย่างชื่นชมนั้นทำให้มาสเตอร์พีซมั่นใจว่าตัวเองมีข้อได้เปรียบผู้บุกเบิกตลาดในยุคแรกๆ
อย่างเช่น เทคนิกาโนวา
โดยมาสเตอร์พีซ มั่นใจอย่างเต็มเปี่ยมว่า ผู้ที่จะสามารถปลุกให้การแข่งขันในตลาดรับสร้างบ้านระดับบนเข้มข้นกว่านี้
และเข้าไปมีศักยภาพในการแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดของบ้านระดับบนได้อย่างเต็มที่นั้น
จะต้องเป็นค่ายรับสร้างบ้านที่อยู่ในเครือข่ายของบริษัทพัฒนาที่ดินใหญ่ ที่มีสายป่านยาวไม่รู้จักจบสิ้นเท่านั้น
ไม่ใช่ค่ายใหญ่ที่ขาดเงินทุนสนับสนุน หรือค่ายเล็กที่หวังเพียงตีหัวเข้าบ้าน
เพราะการบริการให้กับลูกค้าระดับนี้ ไม่ใช่จะเสร็จได้ภายใน 6 เดือนอย่างเช่นธุรกิจรับสร้างบ้านระดับกลางหรือล่างที่รับทำกันทั่วไป
แต่จะต้องกินเวลาอย่างน้อย 7-8 เดือนขึ้นไป อาจต้องใช้เวลาเป็นปีหรือมากกว่านั้น
ดังนั้นหากไม่ใช่ค่ายที่มีสายป่านที่พร้อมที่จะรับปัญหาจากลูกค้าทุกรูปแบบ
ทั้งเรื่องรสนิยมที่อาจต้องใช้เวลาสร้างสรรค์เป็นเวลายาวนาน หรือแม้แต่เรื่องเงิน
ซึ่งไม่น่าจะเกิดกับลูกค้าระดับนี้ แล้ว
ก็มีหวังจะจอดตั้งแต่ยกแรก
เช่นเดียวกับทางเดินไปสู่ความสำเร็จที่เทคนิกาโนวาวางไว้แต่ต้น ในการไปใช้ยุทธภูมิที่เหมาะสมซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับบนได้นั้น
มาสเตอร์พีซจึงได้ประยุกต์มาใช้กับตัวเองดูบ้างด้วย การใช้ฐานที่มั่นที่อาคารคิว
เฮาส์ ถนนคอนแวนต์ ย่านสีลม ซึ่งเป็นอาคารสำนักงานในเครือของควอลิตี้เอง
ซึ่งอยู่ในย่านธุรกิจสำคัญ ที่เศรษฐีพร้อมจะไปติดต่อได้เป็นอย่างดี
นอกจาก 2 ค่ายที่ประกาศตัวอย่างแจ่มชัด ที่จะลงมาจับตลาดบ้านระดับบนอย่างจริงจังแล้วทอดตาเข้าไปให้ในวงการให้ลึกยิ่งขึ้น
ก็จะพบว่ายังมีค่ายรับสร้างบ้านระดับกลางอีก 2-3 ค่ายที่ได้เริ่มเข้าไปรับงานบ้านระดับบนบ้างแล้ว
เพียงแต่ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างจริงจัง และระดับราคาบ้านที่เข้าไปรับ ก็จะเริ่มต้นตั้งแต่
3 ล้านบาทขึ้นไป ไม่ย้ำอย่างหนักแน่นเหมือน 2 ค่ายแรกว่าจะต้องไม่ต่ำกว่า
10 ล้านบาท
แต่ผู้เชี่ยวชาญในวงการให้ความเห็นว่า อย่าได้มองข้ามค่ายระดับกลางที่หาญกล้าทะยานขึ้นมาสู้กับค่ายแนวหน้าในตลาดเป็นอันขาด
โมเดิร์นกรุ๊ป เรียล เร็อพเพอร์ตี้ เป็นบริษัทรับสร้างบ้านระดับกลางที่มีผลงานพอสมควร
ที่จะเบนเข็มไปจับงานสร้างบ้านเศรษฐีมากที่สุดรายหนึ่งของวงการขณะนี้ แม้ว่าปัจจุบันจะมีสัดส่วนในการรับงานสร้างบ้านเศรษฐีอยู่ในมือเพียงไม่ถึง
10% ก็ตามแต่ก็มีแนวโน้มว่าจะเพิ่มศักยภาพของตนเข้าไปรับงานส่วนนี้ให้มากขึ้นในอนาคต
แม้ว่าจะไม่มีแรงสนับสนุนจากบริษัทแม่อย่างเช่นค่ายอื่น แต่ด้วยการเริ่มวางแนวคิด
และมีจุดยืนให้ถูกใจลูกค้าผู้มีรายได้ดีทั้งหลายให้มากขึ้น รวมถึงการสืบทอดเจตนารมณ์ในการหาทำเลเหมาะ
ๆ ในการตั้งศูนย์บัญชาการ ที่แจ้งวัฒนะ โดยเป็นอาคารของตนเอง และให้เช่าด้วยนั้น
เป็นการฉีกทำเลออกไปเพื่อรองรับกับลูกค้าแถบชานเมือง ก็เป็นการชิมลางให้เห็นถึงกลยุทธ์ของบริษัทรับสร้างบ้านระดับกลางอย่าง
โมเดิร์นฟอร์มว่า
เมื่อไม่สามารถสู้กันได้ด้วยสายป่านให้ยาวกว่าได้แล้ว ก็จำเป็นต้องสู้ด้วย
"กึ๋น" ที่มีอยู่ของตัวเองว่าใครจะมีวรยุทธ์สูงกว่ากัน
และนอกเหนือจากโมเดิร์นกรุ๊ป ที่เริ่มมุ่งมาจับตลาดบ้านระดับบนแล้ว น้องใหม่ในวงการที่เพิ่งจะประกาศตัวเล็ก
ๆ ว่า จะเข้ามาจับตลาดบ้านเศรษฐีอย่างเช่น คาซาริกา หรือชิชา คอนสตรัคชั่น
โดยเฉพาะชิชาฯ ที่เคยจัดสรรบ้านเศรษฐีมาก่อนหน้านี้แล้ว จึงมีประสบการณ์
ที่พร้อมจะผันตัวเองมารับงานสร้างบ้านระดับบนได้อย่างเต็มตัว
จากความเป็นมาของแต่ละค่ายรับสร้างบ้านหากได้เจาะลึกเข้าไปในกลยุทธ์ของแต่ละบริษัท
จะได้ทราบถึงความเป็นไปของแต่ละค่ายมากขึ้นจะพบว่าในขณะที่ ระดับกลางอาจจะใช้กลยุทธ์ด้านราคาหรือการส่งเสริมการขายหลากรูปแบบได้อย่างไม่ยั้งในขณะที่เรื่องคุณภาพและบริการ
แม้ระดับกลางก็ถือว่าเป็นหนึ่งในหัวใจของการดำเนินการอยู่บ้าง
แต่หากเป็นระดับบนแล้ว คุณภาพและบริการ (QUALITY&SERVICE) เป็นสิ่งที่ผู้บริหารของค่ายรับสร้างบ้านระดับนี้
ต้องให้ลูกน้องของตน ท่องให้ขึ้นใจทุกลมหายใจเข้าออก
สาเหตุที่ต้องเน้นจุดนี้เป็นพิเศษนั้น เพราะลูกค้าซึ่งอยู่ในระดับที่มีอันจะกินเหล่าน
ี้เป็นผู้ที่ต้องการความสมบูรณ์ (PERFECT) ในทุกเรื่องที่เขาต้องเข้าไปเกี่ยวข้อง
ในฐานะผู้บุกเบิกรับสร้างบ้านระดับบนเทคนิคโนวา จึงค่อนข้างทราบดีถึงจิตใจของเหล่าเศรษฐีเป็นอย่างดี
นับตั้งแต่การออกแบบบ้าน แหล่งข่าวจากเทคนิกาโนวากล่าวว่า ในส่วนนี้การที่จะทำให้ลูกค้าพึงพอใจได้
ก็น่าจะเป็นการดีไซน์แบบบ้านให้ลูกค้าได้มีโอกาสเลือกเป็นจำนวนมาก ๆ ซึ่งแบบเหล่านี้จะต้องมีลูกเล่น
ๆ แปลก ๆ ใหม่ ที่ประมวลจากความคิดเห็นของลูกค้า และประสบการณ์จากการรับงานบ้านเศรษฐีที่ผ่านมา
ออกมาเป็นข้อสรุปที่แตกต่างกันออกไปได้ถึงกว่า 200 แบบ
แต่แน่นอนว่า แบบต่าง ๆ เหล่านี้ไม่ได้วางไว้อย่างตายตัว เพราะแบบแต่ละอันสามารถแตกลูกแตกหลาน
เข้าไปในส่วนของรายละเอียดได้อีกมากมาย โดยจุดยืนของเทคนิกาโนวามองว่า การทุ่มเททางด้านสถาปนิกให้สร้างสรรค์งานเผื่อไว้ให้ลูกค้ามีสิทธิ์เลือกได้ตลอดเวลานั้น
เป็นความจำเป็นที่เทคนิกาโนวาต้องทำเพื่อรักษาภาพพจน์ผู้นำในตลาด รวมถึงการรักษาส่วนแบ่งในตลาดของตนเอาไว้ด้วย
"จุดเด่นในการออกแบบของเทคนิกาโนวาเท่าที่เราเห็นก็คือ แม้ว่าเขาจะมีแบบให้เลือกประมาณ
200 แบบ แต่เขาก็สามารถออกแบบครอบคลุมประโยชน์ในการใช้สอยได้ครบเกือบทั้งหมด
ทั้งที่ทำเป็นห้องโถง ห้องรับแขกขนาดใหญ่ ห้องใต้ดิน หรือแม้แต่ห้องหับส่วนตัวที่จะใช้เป็นห้องเอนกประสงค์รูปแบบต่าง
ๆ" แหล่งข่าวกล่าว
แต่สิ่งที่เขาต้องระมัดระวังคือ กลยุทธ์ของค่ายอื่นในตลาด ที่เริ่มจะสร้าง
"ขอบเขตที่ไร้พรมแดน" ของการออกแบบบ้านขึ้นมาประชันขันแข่งกันแล้ว
ในขณะที่ความคิดทางด้านการออกแบบของน้องใหม่อย่าง มาสเตอร์พีซ กลับตรงข้ามกับเทคนิกา
โนวา เพราะมาสเตอร์พีซมองว่า กลยุทธ์ที่จะจูงใจลูกค้าอย่างได้ผล น่าจะเป็นการเปิดเสรีภาพในการเลือกแบบบ้านของลูกค้าออกไปอย่างไม่มีขอบเขตจำกัด
ไม่ใช่ปิดกั้นให้เหลือเลือกเพียง 200 แบบอย่างที่ทำกัน
รัชดา ลี้ตระกูล ผู้จัดการโครงการ มาสเตอร์พีซ ของควอลิตี้เฮาส์ กล่าวว่า
มาสเตอร์พีซยึดนโยบาย "หนึ่งแบบต่อลูกค้าหนึ่งคน" เป็นบรรทัดฐานในการให้บริการกับลูกค้าแต่ละคนมาตลอดเวลา
แม้ว่าจะต้องเพิ่มค่าใช้จ่ายในการดำเนินการ ทั้งในส่วนของสถาปนิกและเวลาปฏิบัติการที่จะต้องล่าช้าออกไปเพียงใดก็ตาม
"ตอนนี้เราถือได้ว่าเป็นผู้นำแต่เพียงผู้เดียวในตลาด ที่สามารถเปิดหนทางให้ลูกค้าได้ปรึกษากับสถาปนิกเพื่อให้ได้แบบตามที่ต้องการ
โดยแม้ว่าจะมีกำหนดเวลาไว้ว่า จะสามารถปรึกษากับสถาปนิกและแก้แบบได้อย่างเต็มที่ก่อนหน้าที่จะลงมือก่อสร้างก็ตาม
แต่ช่วงเวลาระหว่างนั้นไม่ได้กำหนดไว้ตายตัวเช่นเดียวกัน" รัชดากล่าว
อย่างไรก็ตาม ทางมาสเตอร์พีซก็ยอมรับว่าด้วยบริการแบบหนึ่งต่อหนึ่งเช่นนี้
ทำให้ต้องเพิ่มต้นทุนดำเนินการขึ้นมาอีกพอสมควร แต่ด้วยความได้เปรียบดังกล่าว
ที่มาสเตอร์พีซมีสายป่านยาว และมีผู้สนับสนุนที่ดีอย่างควอลิตี้เฮาส์คอยช่วยเหลือทุกย่างก้าวเช่นนี้
จึงทำให้มาสเตอร์พีซ ไม่ต้องแบกรับภาระในส่วนนี้มากนัก
และแน่นอนว่าการยอมทุ่มตัวลงมาให้บริการแบบ "หนึ่งต่อหนึ่ง"
เช่นนี้ มาสเตอร์พีซก็คงจะต้องทำใจอยู่แล้วว่า ตัวเองจะต้องมีน้ำอดน้ำทนพอสมควร
ที่จะต้องได้รับการท้วงติงจากลูกค้าเกี่ยวกับแบบตลอดเวลา จนกว่าลูกค้าจะพอใจ
"เรารู้อยู่แล้วว่า ธุรกิจนี้เล่นยากพอสมควรเพราะเล่นกับความพอใจของลูกค้าที่แปรผันได้ตลอดเวลา
ดังนั้นเป็นธรรมดาอยู่เอง ที่ธุรกิจประเภทนี้เขาจำเป็นต้องบวกค่าบริการเข้าไปอีกกว่า
100% ขึ้นไปซึ่งลูกค้าระดับนี้เขาไม่ห่วงอยู่แล้ว" รัชดากล่าว
นอกจากนั้น การให้บริการแบบหนึ่งต่อหนึ่งนี้ยังมีผลเสียเพิ่มเติมที่ทำให้ผลงานของมาสเตอร์พีซที่จะปรากฎให้เห็นเป็น
"ต้นฉบับ" เพื่อใช้ในการอ้างอิงได้นั้น ต้องอาศัยเวลารอคอยพอสมควร
ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการสั่งสมชื่อเสียงให้ทัดเทียมกับผู้บุกเบิกในตลาดที่มีผลงานเป็นที่อ้างอิงได้ไปมากพอสมควรแล้ว
ยังเป็นแผนการสกัดกั้น "หน้าใหม่" ที่จะเข้ามาในตลาดนี้ได้อย่างชะงัด
ซึ่งหากรายใดที่เข้ามาแบบ "ตีหัวเข้าบ้าน" แล้ว เมื่อมาพบกับกลยุทธ์นี้
ก็จะไม่มีวันยืนอยู่ในยุทธจักร์นี้ได้อย่างแน่นอน
ทางค่ายโมเดิร์นกรุ๊ป น้องใหม่ซึ่งหวังเข้ามา จับตลาดระดับบนอย่างจริงจังเช่นเดียวกัน
ก็มีแนวความคิดที่จะใช้กลยุทธ์แบบหนึ่งต่อหนึ่งเช่นกัน สมพงษ์ กิตติมหาคุณ
กรรมการผู้จัดการของโมเดิร์น กรุ๊ป ให้ทัศนะว่า การที่จะอยู่ในธุรกิจรับสร้างบ้านเศรษฐีได้อย่างดีนั้น
แต่ละบริษัทจะต้องมีจุดขายหรือจุดเด่นอันใดอันหนึ่งเป็นของตัวเอง
แม้ว่าในปัจจุบัน ทางโมเดิร์นกรุ๊ปจะมีข้อจำกัดทางด้านแบบที่ออกมาอยู่บ้างก็ตาม
เนื่องจากยังขาดแคลนบุคคลากร ที่จะผลักดันงานออกแบบให้ได้กว้างไกลกว่าที่เป็นอยู่ทุกวันนี้
"ถ้าหากเราทำในสิ่งที่คนอื่นเขาทำไม่ได้ นั้นแหละเรามีฝีมือ แต่ถ้าหากเราทำแล้ว
คนอื่นก็สามารถทำได้เช่นกัน ก็ไม่รู้ว่าจะทำไปเพื่ออะไรเช่นเดียวกับลูกค้าเหล่านี้
ถ้าหากเขาจะต้องมีบ้านที่รูปทรงไปเหมือนคนอื่น หรือเป็นโหลไปเสียแล้วและยิ่งถ้ามาอยู่ในบริเวณเดียวกันด้วยแล้ว
เป็นสิ่งที่ยอมให้ไม่ได้อย่างแน่นอน"
สมพงษ์กล่าวพร้อมย้ำว่า การให้ความสะดวกแก่ลูกค้าทางด้าน "เวลา"
ถือได้ว่าเป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะใช้วัดความสามารถในการให้บริการของค่ายรับสร้างบ้านระดับบนแต่ละรายว่า
จะอยู่ในเส้นทางนี้ไปอีกยาวไกลเพียงใด
"ลูกค้าบางรายที่ค่อนข้างพิถีพิถันเป็นอย่างมากแม้แต่เรื่องหินอ่อนที่เขาต้องสั่งจากนอกเป็นพิเศษ
หรือระบบแอร์ที่เขาต้องการระบบที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก แม้ว่าเขาจะต้องใช้เวลารอคอยยาวนานอีกเป็นปี
เขายังต้องยอม เพราะฉะนั้นเราในฐานะผู้ให้บริการก็จำเป็นต้องรอตามไปด้วย"
ทางด้านผู้บุกเบิกตลาดอย่าง เทคนิกา โนวา ก็เห็นพ้องต้องกันว่า กลยุทธ์ที่จะอำนวยความสะดวกด้านเวลาแก่ลูกค้าเศรษฐีนี้
จะต้องให้อย่างเต็มที่ ดังที่มีการพูดกันว่า ธุรกิจนี้มีความยากลำบากในตัวของมันเองพอสมควรนั้น
ความยากลำบากหลักใหญ่ของมันประการหนึ่งที่ยากจะปฏิเสธ คือการที่ต้องคอยให้บริการกับลูกค้าผู้มีอันจะกินเหล่านี้แม้ว่าจะต้องพบกับการจู้จี้จุกจิกหลายรูปแบบ
หรือความไม่เร่งรีบของลูกค้าแต่ละราย
ดังนั้นการฝึกอบรมพนักงานที่จะออกไปติดต่อกับลูกค้าเศรษฐีเหล่านี้ นอกจากความมีมนุษย์สัมพันธ์
และจิตใจ ที่พร้อมจะให้บริการอย่างเต็มเปี่ยมแล้ว ความรอบรู้ทางด้านเทคนิคก่อสร้างในระดับพื้นฐาน
ที่พอจะตอบคำถามลูกค้าได้ในระดับหนึ่งนั้น เป็นความจำเป็นเช่นเดียวกัน
ทางฝ่ายมาสเตอร์พีซ ก็เห็นความสำคัญในเรื่องนี้เช่นเดียวกัน รัชดา ผู้จัดการโครงการให้ความเห็นว่า
ธุรกิจประเภทนี้จะต้องอาศัยการติดต่อเป็นการส่วนตัว เป็นเป้าหมายหลัก และยิ่งเมื่อการแข่งขันทวีความรุนแรงขึ้นในอนาคตแล้ว
พนักงานลูกค้าสัมพันธ์ (CUSTOMER RELATIONS) ซึ่งมาสเตอร์พีซตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษเพื่อการนี้
โดยเฉพาะจะยิ่งมีบทบาทมากขึ้นที่จะสร้างความเข้าใจอันดีและผูกใจให้ลูกค้าใช้บริการอย่างต่อเนื่องตลอดไป
กลยุทธ์ผูกใจลูกค้าอีกประการหนึ่ง ที่เป็นที่เห็นพ้องต้องกันของค่ายรับสร้างบ้านทั้ง
3 และจะใช้เป็นกลยุทธ์หลักในการดึงดูดความสนใจของลูกค้าในช่วงต่อไปคือ กลยุทธ์
PACKAGING SERVICES หรือการบริการครบวงจร โดยแนวความคิดของการให้บริการรูปแบบนี้
จะเน้นไปที่ความสะดวกสบายของลูกค้าเมื่อมาติดต่อกับทางบริษัทรับสร้างบ้านก็จะได้รับบริการนอกจากในส่วนของการออกแบบ
งานก่อสร้างภายนอก การควบคุมงานในทุกขั้นตอนแล้ว ยังรวมถึงการออกแบบและก่อสร้างงานตกแต่งภายในด้วย
งานตกแต่งภายในนี้ถือว่าเป็นงานนอกเหนือซึ่งหากเป็นค่ายรับสร้างคฤหาสน์เศรษฐี
จะไม่ค่อยอยากเข้าไปแตะต้อง หรือผนวกงานในส่วนนี้เข้ามาเพื่อเพิ่มภาระของตนขึ้นไปอีก
ยิ่งถ้าเป็นบริษัทรับสร้างบ้านระดับกลางหรือล่างด้วยแล้ว ทุกบริษัทมีแต่ส่ายหน้า
และไม่มีวันที่จะยอมรับงานตกแต่งเข้าไปรวมด้วยอย่างแน่นอน
"เพราะงานตกแต่งภายในเป็นชิ้นงานที่ต้องอาศัยความละเอียด พิถีพิถันสูงมาก
และมีโอกาสที่ลูกค้าจะมีปัญหากับบริษัทรับก่อสร้างได้มากที่สุดนอกจากนั้นต้นทุนดำเนินการมีแต่จะสูงขึ้นอย่างแน่นอน
เพราะยังไม่เคยพบว่างานตกแต่งภายในที่ใดที่จะใช้เวลาครบตามกำหนดที่วางไว้
มีแต่จะบานปลายออกไป โดยเฉพาะในงานบ้านระดับเช่นนี้" ผู้เชี่ยวชาญในบริษัทตกแต่งภายในชั้นนำให้ความคิดเห็น
แต่การที่บริษัทรับสร้างบ้านเศรษฐี กล้าทุ่มทุนและยอมสิ้นเปลืองเวลามากขึ้น
เพราะมองเห็นว่ากลยุทธ์อันนี้ เป็นอาวุธที่จะเจาะเข้าไปถึงแก่นใจของความต้องการลูกค้าได้ดีที่สุด
สมพงษ์ แห่งโมเดิร์นกรุ๊ปให้ทัศนะว่า ในช่วงที่รับสร้างบ้านระดับกลางยังคงสนุกกับการทำโปรโมชั่นส่งเสริมการขายทุกรูปแบบ
ไม่ว่าจะเป็น แจกแถมสร้อยคอทองคำ เครื่องปรับอากาศ หรือลดค่าบริการ 1-3 แสนบาทและอีกหลากรูปแบบที่แต่ละค่ายจะสรรหามานี้
การใช้กลยุทธ์ที่ดูเหมือนว่าเป็นการส่งเสริมการขายทางอ้อมแต่สามารถให้ความสะดวกสบายในการใช้สินค้าได้อย่างครบวงจรมากขึ้น
น่าจะเป็นหนทางที่เหมาะสม สำหรับการทำตลาดรับสร้างบ้านเพื่อเอาใจประดาเศรษฐีทั้งหลาย
ทางฝ่ายมาสเตอร์พีซ ก็เห็นความสำคัญในกลยุทธ์นี้เช่นเดียวกัน แม้ว่าจำเป็นจะต้องตั้งแผนกที่ดูแลทางด้านตกแต่งภายในขึ้นมาเป็นการเฉพาะและต้องว่าจ้างมัณฑนากรที่มีความสามารถเข้ามาประจำก็ตาม
ก็ต้องยอมทุ่มทุน
"การแข่งขันในอนาคต ผู้ที่จะยืนอยู่ได้ จะต้องเป็นผู้มีความสามารถให้บริการได้อย่างครบวงจรเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เราก็คงจะหวังว่า ยอดบริการที่จะหลั่งไหลเข้ามาของลูกค้าจะเป็นจำนวนเท่าใดนั้น
เราคงหวังออกมาเป็นตัวเลขไม่ได้ สิ่งที่เราจะได้คือความพอใจของลูกค้าที่บอกต่อไป
ในรูปแบบของปากต่อปาก ซึ่งเป็นช่องทางการโฆษณาประชาสัมพันธ์ ที่รู้สึกว่าจะใช้ได้ดีที่สุดในธุรกิจรับสร้างคฤหาสน์เศรษฐี"
ผู้จัดการโครงการมาสเตอร์พีซ กล่าว
ขณะเดียวกันทางฝ่ายเทคนิกา โนวา ก็เห็นว่าความสำคัญในกลยุทธ์นี้เช่นเดียวกัน
โดยแหล่งข่าวในเทคนิกาโนวาเปิดเผยว่า อันที่จริงแล้ว ทางบริษัทได้เริ่มใช้รูปแบบการบริการแบบครบวงจรมาระยะหนึ่งแล้ว
แต่ไม่ได้ทำอย่างจริงจัง แต่เมื่อค่ายอื่นเริ่มหันมาสนใจในจุดนี้มากขึ้น
ก็คงต้องมีการปรับตัวและเริ่งเสริมให้บริการรูปแบบนี้เข้าถึงลูกค้าให้มากขึ้น
เมื่อวิเคราะห์ถึงความคุ้มค่าในการนำกลยุทธ์นี้มาใช้กับตลาดรับสร้างบ้านระดับบนในปัจจุบัน
จะพบว่าหากเป็นค่ายที่มีสายป่านยาวเพียงพอ อย่างเช่นมาสเตอร์พีซ หรือบริษัทรับสร้างบ้านที่มีผลงานมาเป็นเวลาช้านานอย่างเทคนิกาโนวา
ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แต่หากเป็นค่ายใหม่ที่เพิ่งหวังมาจับตลาดนี้ คงจะหืดขึ้นคอพอสมควร
นอกจากกลยุทธ์บริการครบวงจรแล้ว การทำหน้าที่เป็นสื่อกลางให้ลูกค้าได้รับคำปรึกษาที่จะใช้วัสดุตกแต่งที่วิจิตรพิศดาร
ทั้งในส่วนของงานวิจิตรศิลป์ งานประติมากรรม เท่าที่จะสรรหามาได้ก็ถือว่าเป็นอีกบทบาทหนึ่งของบริษัทรับสร้างบ้านที่ต้องเตรียมหน้าที่ดังกล่าวไว้ด้วย
"บ้านของเศรษฐีหลายต่อหลายแห่ง ต้องประสบปัญหาที่เสียเงินตกแต่งไปอย่างมหาศาล
แต่ไม่มีความรู้ ความชำนาญเพียงพอที่จะแต่งแต้มภายในด้วยเฟอร์นิเจอร์ ภาพวิจิตรศิลป์ที่สวยหรูที่เข้ายุคเข้าสมัยกันได้เป็นอย่างดีนั้น
ในส่วนนี้บริษัทรับสร้างบ้านน่าจะเสริมบทบาทเข้ามาด้วย เพื่อความต้องการสมบูรณ์แบบของลูกค้า"
แหล่งข่าวผู้เชี่ยวชาญด้านตกแต่งให้ความคิดเห็น
อีกกลยุทธ์หนึ่งที่จะสร้างความคล่องตัวให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างมากคือ
กลยุทธ์ในการให้ความสะดวกด้านการเงิน แม้ว่าคนในระดับเศรษฐีที่จะมีบ้านเช่นนี้อยู่ได้นั้น
อาจจะมีความพร้อมทางการเงินอยู่อย่างเต็มอัตราศึก
จนไม่เคยเป็นห่วงเลยว่า จะต้องใช้งบประมาณสักเท่าไรกับบ้านหลังสวยของตน
แต่การจัดทำงบประมาณให้กับทางเจ้าของบ้านได้ทราบว่า จะต้องใช้จ่ายเงินในส่วนใดอย่างละเอียด
ก็จะทำให้เจ้าของบ้านสามารถกำหนดงบประมาณค่าใช้จ่ายของตนได้อย่างเป็นระบบ
และทราบว่าจะต้องใช้งบประมาณช่วงใดมากหรือน้อย
ที่สำคัญก็คือ เมื่อมีการให้ความสะดวกด้านการเงินแก่เจ้าของบ้าน ผนวกกับภาระเงินกู้ของธนาคารก็มีแนวโน้มว่าจะลงไปอีก
ก็จะทำให้เจ้าของบ้านมีโอกาสตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ในการขยายอาณาเขตของบ้านออกไปอีก
เมื่อความคล่องตัวทางด้านการเงินมีสูงเช่นนี้
อย่างไรก็ตาม การวางกลยุทธ์ให้สวยหรูข้างต้นนี้ จะไม่สามารถประสบผลสำเร็จได้เลย
หากแต่ละค่ายรับสร้างบ้าน ไม่สามารถกำหนดช่องทางในการรับงานของตนให้ตลอดรอดฝั่งไปได้
ที่แล้วมา กลุ่มเป้าหมายหลักของบริษัทรับสร้างบ้านระดับบน จะถูกหมายหัวไปที่ลูกค้าเศรษฐีที่ว่าจ้างให้สร้างบ้าน
ซึ่งได้รับที่ดินจากมรดก หรือที่ดินจากการเก็บหอมรอมริบของตัวเองมาเป็นเวลาเนิ่นนาน
แต่กาลเวลาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว
ณ บัดนี้ ค่ายรับสร้างบ้านระดับบนแต่ละรายเริ่มมองว่าช่องทางการตลาดแห่งใหม่
ที่จะมาหนุนเนื่องให้มีงานรับสร้างบ้านได้อย่างต่อเนื่องตลอดปี ทั้งนี้เพื่อรับมือกับสภาพการแข่งขัน
ที่จะยิ่งแข่งขันกันแย่งลูกค้าอย่างหนักมือขึ้น
สนามกอล์ฟ ซึ่งนอกจากจะมีรีสอร์ท หรือคลับที่เลิศหรูแล้ว บ้านระดับสี่ดาวที่ตั้งตระหง่านในสัดส่วนพอเหมาะ
ในอาณาบริเวณสนามกอล์ฟน่าจะเป็นช่องทางที่ดีในการขยายขอบเขตการรับงานของค่ายรับสร้างบ้านระดับบนออกไป
เนื่องจากความเป็นส่วนตัว และข้อได้เปรียบที่ได้มีการคัดเลือกลูกค้ามาระดับหนึ่งแล้วว่า
ล้วนแต่เป็นกลุ่มลูกค้าผู้มีอันจะกินด้วยกันทั้งสิ้น ทำให้มีความเป็นไปได้สูงที่คนมีอันจะกิน
จะหันไปสนใจปลูกบ้านในสนามกอล์ฟกันหนาตายิ่งขึ้น
บรรดาค่ายรับสร้างบ้านเศรษฐีก็เริ่มสบช่องเหมาะ ที่จะเริ่มแห่แหนเข้าไปรับงานในส่วนนี้
รัชดาผู้จัดการโครงการมาสเตอร์ พีซ เปิดเผยเพิ่มเติมว่าโดยรูปแบบของภูมิสถาปัตย์
(LANDSCAPE) ของสนามกอล์ฟที่วางไว้อย่างดี ทำให้เมื่อบรรจงวางบ้านแบบเลิศหรู
ให้อยู่ในตำแหน่งที่พอเหมาะแล้ว จะทำให้บ้านที่สร้างออกมา อาจจะสวยกว่าบ้านที่ก่อสร้างในพื้นที่ธรรมดาเสียด้วยซ้ำ
ดังนั้นทางมาสเตอร์พีซ จึงได้เริ่มประสานความร่วมมือกับสนามกอล์ฟบางแห่ง
ในการที่จะเข้าไปรับงานสร้างบ้าน ในอนาคตอันใกล้นี้ นอกจากนั้นแล้วในพื้นที่ทำเป็นรีสอร์ท
ที่อยู่ไม่ไกลไปจากอาณาบริเวณของกรุงเทพฯ มากนัก ก็ยังเป็นแหล่งลูกค้าสำคัญของค่ายรับสร้างบ้านระดับบนในอนาคต
สมพงษ์ แห่งโมเดิร์น กรุ๊ปค่อนข้างเห็นด้วยกัยช่องทางตลาดใหม่ในรูปของสนามกอล์ฟว่าจะมาทดแทนตลาดได้ในระดับหนึ่ง
"ก็ลองคิดดูว่าสนามกอล์ฟที่เปิดใช้แล้วในไทยมีไม่ต่ำกว่า 100 สนามและที่จะเปิดเพิ่มอีกไม่ต่ำกว่า
100 สนาม สนามกอล์ฟเหล่านี้จะสามารถบรรจุบ้านระดับเลิศหรูได้อย่างน้อย 50
หลัง จะทำให้ความน่าสนใจในบ้านระดับหรูเช่นนี้เพิ่มขึ้นมาอีกเท่าไร"
อีกช่องทางหนึ่งที่ เหล่าบริษัทรับสร้างบ้านกำลังเตรียมการ เพื่อให้เป็นช่องทางตลาดเสริมในอนาคต
นั่นก็คือการเข้าไปร่วมมือกับบริษัทพัฒนาบ้านจัดสรรระดับบน ที่ยังขาดบุคลากรที่จะรังสรรค์บ้านให้วิจิตรเลิศหรูกว่า
บ้านระดับกลางโดยทั่วไป
โดยขณะนี้ มาสเตอร์พีซได้อาศัยเครดิตที่อยู่ในเครือควอลิตี้เฮาส์ ได้เข้าไปรับสร้างบ้านให้บ้านจัดสรร
2-3 แห่งในขณะนี้ และกำลังจะมีเพิ่มมาอีก 2 แห่งในอนาคตอันใกล้นี้ ในขณะที่เทคนิกา
โนวา ก็เริ่มเปลี่ยนแนวทางของตน ที่จะเข้าไปประสานงานร่วมกับบ้านจัดสรรในหลายโครงการ
เพื่อรับงานรังสรรค์บ้านระดับบนในเร็ว ๆ นี้
"วิธีการนี้นอกจากจะเป็นการขยายไลน์ออกไปเพื่อเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดให้มากขึ้นแล้ว
ยังถือได้ว่าเป็นการเตรียมการเพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจนี้ในอนาคต ซึ่งหากความต้องการของบ้านระดับนี้มีสูงขึ้น
เราก็คงต้องขยายช่องทางออกไปให้ใกล้กับลูกค้ามากยิ่งขึ้น" ซึ่งในจุดนี้ก็คล้ายคลึงกับโมเดิร์นกรุ๊ปที่พร้อมจะขยายช่องทางการตลาดออกไปเช่นกันโดยได้เข้าไปจับมือกับเจ้าของโครงการคชธานี
เพื่อรับสร้างบ้านให้กลุ่มนั้นโดยเฉพาะแล้ว และจะมีโครงการอื่นตามมาอีกในอนาคตเช่นกัน
การแข่งขันในตลาดรับสร้างบ้านเศรษฐีช่วงต่อไปนอกจากจะมีขอบเขตกว้างไกลไปถึงทุกค่ายในตลาดที่จะขึ้นมาฟาดฟันกันแล้ว
ยังจะเป็นการพิสูจน์ถึงความสามารถในการรักษาความเป็นผู้บุกเบิกในตลาดสร้างบ้านเศรษฐีของเทคนิกาโนวา
อีกด้วยว่าจะสามารถป้องกันตำแหน่งผู้นำ ไว้ได้ต่อไปหรือไม่
ถึงแม้ในแง่สัดส่วนตลาดนั้น เราไม่สามารถบอกได้ว่าใครจะมีส่วนแบ่งในตลาดเท่าใด
แต่ในแง่ของเครดิตผู้ทำตลาดมาก่อนหน้า เทคนิกา โนวา ย่อมจะยอมไม่ได้ที่จะให้
ผู้มาทีหลังอย่างมาสเตอร์พีซที่มีผู้ให้น้ำเลี้ยงดีแบบควอลิตี้เฮาส์ ขึ้นมาทาบชั้นได้ง่าย
ๆ
สิ่งที่เทคนิกา โนวา จะต้องทำเป็นอย่างมากในช่วงต่อไป นอกจากการขยายตลาดออกไปให้กว้างไกลกว่าที่เป็นมาแล้ว
การทุ่มงบประมาณเพื่อสร้างเครดิตในการรับงานด้วยการเปิดบริษัทประชาสัมพันธ์ของตัวเองที่ชื่อว่า
อาร์ส โนวา (ARS NOVA) ก็ถือว่าเป็นการรุกขั้นแรกที่จะปกป้องตลาดของตนซึ่งอาร์ส
โนวาจะเป็นกลไกสำคัญของเทคนิกาฯ ที่จะเผยแพร่ข่าวสารไปยังสาธารณชน และสื่อมวลชนให้ทราบถึงความเคลื่อนไหวของตัวเองให้มากขึ้น
สิ่งที่ขาดไปสำหรับบริษัทรับสร้างบ้านระดับนี้คือมักจะมองข้ามความสำคัญของสื่อมวลชนทุกรูปแบบไปเสียเพราะมองว่าสินค้าของตนเองที่ขายได้นั้น
เป็นเพราะคุณภาพ บริการ และการบอกต่อไปปากต่อปากเท่านั้น ดังนั้นในขณะที่มาสเตอร์พีซ
ซึ่งตั้งฝ่ายประชาสัมพันธ์ของตนเองขึ้นมานานแล้ว และได้ผลดีพอสมควร ก็เป็นข้อทบทวนสำคัญที่ทำให้เทคนิกาโนวาต้องเร่งรีบตั้งแผนกนี้ขึ้นมาก
โดยตั้งให้อยู่ในรูปของบริษัทเดียว
และเพียงแต่ตั้งบริษัทประชาสัมพันธ์ขึ้นมาคงไม่เป็นการปกป้องตัวเองจากน้องใหม่เช่นมาสเตอร์พีซได้
แหล่งข่าวผู้ใกล้ชิดกับเทคนิกาโนวาเปิดเผยว่าการตั้งบริษัทใหม่ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่ดินโดยตรงหรือการเข้าไปร่วมกับโครงการบ้านจัดสรรต่าง
ๆ ก็เป็นเรื่องที่เทคนิกาโนวากำลังเตรียมการอยู่ด้วย
ในขณะที่ค่ายสร้างบ้านเศรษฐีระดับแนวหน้าแข่งขันกันหนัก และยึดมั่นในแนวทางของคุณภาพและบริการเป็นสำคัญ
เพื่อให้ได้สัดส่วนในตลาดมากที่สุด ดังนั้นถ้าหากจะถามว่า จะพอมีเนื้อที่เหลือว่างให้บริษัทรับสร้างบ้านระดับกลางหน้าใหม่ที่จะก้าวขึ้นมารับงานระดับบนนี้ได้อีกหรือไม่
ก็คงต้องตอบว่ามี เพียงแต่ว่าต้องรู้จักฉีกกลยุทธ์ออกไปให้สอดคล้องกับสถานการณ์และความสามารถในการทำตลาดของตน
แหล่งข่าวในวงการรับสร้างบ้านระดับกลางเปิดเผยว่า ในขณะนี้มีค่ายรับสร้างบ้านระดับนี้
2-3 ราย ที่ได้สั่งสมประสบการณ์รับงานมาเป็นเวลานานและได้ศึกษาแนวทางการรับงานบ้านเศรษฐีมาระยะหนึ่งแล้ว
กำลังรวบรวมทุนรอน ที่จะเปิดแผนกเฉพาะที่จะรับงานระดับบน หรืออาจจะเปิดบริษัทขึ้นใหม่เพื่อรับงานด้านนี้โดยตรงก็ได้ในเร็ว
ๆ นี้
ดังนั้นสงครามการแย่งชิง ส่วนแบ่งของบ้านเศรษฐี ของผู้บุกเบิกและน้องใหม่ผู้มีสายป่านยาวที่จะต้องยึดมั่นในจุดยืนของตน
และปรับกลยุทธ์เพื่อเอาใจลูกค้าให้ อยู่ในกำมือของตนต่อไปนั้น
จะเป็นเครื่องวัดได้อย่างดีถึงอนาคตของธุรกิจประเภทนี้ว่า จะน่าเชื้อเชิญ
เพียงใด ที่จะให้ค่ายพัฒนาที่ดินใหญ่ ๆ รายอื่น ซึ่งมีอยู่ไม่ต่ำกว่า 2-3
รายที่จ้องตาเป็นมันจะเข้าร่วมพงศ์ไพบูลย์กับธุรกิจตัวนี้
และต้องอย่าลืมว่า รายใหม่ที่จะเข้ามา จะต้อง "มากด้วยกลยุทธ์ ยาวด้วยสายป่าน"
เช่นเดียวกัน