ตลท.เปิดแผนกลยุทธ์ระยะ 3 ปี มุ่งยกระดับสู่ตลาดทุนภูมิภาค


ผู้จัดการรายวัน(25 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ตลาดหลักทรัพย์ฯ เดินแผนยุทธศาสตร์ระยะปานกลาง 3 ปีกำหนด 3 แนวทาง 8 แผนกลยุทธ์ เน้นเป็นตลาดรองที่ครบวงจรมีสินค้าครบถ้วน มุ่งสู่การเป็นตลาดหลักทรัพย์สำคัญของภูมิภาค วางแผนเชื่อมโยงระบบซื้อขายของตราสารแต่ละประเภทเข้าสู่บัญชีเดียวกัน และสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นผ่านแบงก์พาณิชย์ได้

นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า คณะผู้บริหารตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ร่วมกันประชุมกำหนดกรอบแนวคิดเชิงกลยุทธ์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ ระยะปานกลาง 3 ปี (ปี 2550-2552) และได้นำเสนอเป็นแผนยุทธศาสตร์ของตลาดหลักทรัพย์ฯ แก่คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 23 สิงหาคม 2549 และได้รับความเห็นชอบด้านการ กำหนด Positioning ของตลาดหลักทรัพย์ฯ เพื่อใช้กำหนดแนวทางแผนปฏิบัติงานระยะปานกลางใน 3 ปีข้างหน้า

"ตลาดหลักทรัพย์ฯ มี 3 แนวทางจะพัฒนาสู่การเป็นตลาดรองที่ครบวงจร มีสินค้าครบถ้วน หลากหลาย และมีคุณภาพพร้อมมุ่งสู่การเป็นตลาดหลักทรัพย์สำคัญของภูมิภาค โดยพร้อมที่จะมีการสร้างความร่วมมือกับผู้เกี่ยวข้องในการเสริมสร้างความสามารถของผู้เกี่ยวข้องในระดับสากล ทั้งนี้ในการปฏิบัติงานทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้กำหนดแผนกลยุทธ์สำคัญ (strategic agenda) 8 แผน เพื่อให้บรรลุผลที่ได้ตั้งไว้โดยคำนึงถึงกระแสการเปลี่ยนแปลงของตลาดทุนโลก การเชื่อมโยงธุรกรรมและระบบการทำงานระหว่างตลาดหลักทรัพย์ต่าง ๆ ที่นับวันจะมีเพิ่มมากขึ้น การพัฒนาคุณภาพและความน่าสนใจให้ตลาดหุ้นไทยอยู่ในสายตาของนักลงทุนจึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง" นางภัทรียากล่าว

แผนยุทธศาสตร์ครั้งนี้มีสาระสำคัญ 3 ด้านหลัก โดยในด้านการเป็นศูนย์การลงทุนที่ครบวงจรหรือการเป็น Integrated Market โดยมี 2 แผนกลยุทธ์สำคัญได้แก่ จะเน้นออกตราสารใหม่ที่ครบวงจรและตรงกับความต้องการของผู้ลงทุนอย่างแท้จริง รวมถึงเน้นเพิ่มความน่าสนใจในแต่ละตราสารและการให้ผู้ลงทุนสามารถลงทุนได้อย่างสะดวก โดยการรวมระบบโครงสร้างพื้นฐานของทุกตราสารไว้ที่เดียวกัน

ด้านอุปทานนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ มิได้มุ่งเน้นตราสารทุนแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังมุ่งพัฒนาสินค้าประเภทอื่นๆ ทั้งตราสารหนี้ ตราสารอนุพันธ์ และนวัตกรรมทางการเงินที่สามารถตอบสนองความต้องการของนักลงทุน เช่น Exchange Traded Fund (ETF), Capital guaranteed products, Securities Borrowing & Lending (SBL) เป็นต้น โดยในระยะถัดไป นอกจากจะเพิ่มจำนวนของสินค้าใหม่ให้มากขึ้นแล้ว ยังมุ่งดูแลสินค้าที่มีอยู่ในปัจจุบันให้เป็นสินค้าที่น่าลงทุนและมีสภาพคล่องในการซื้อขาย พร้อมกันนั้นตลาดหลักทรัพย์ฯ จะรวมศูนย์ระบบงานต่างๆ ของทุกตราสารไว้ที่เดียวกัน (Integrated trading platform) พร้อมทั้งเชื่อมโยงระบบข้อมูลของทุกตราสาร เพื่อให้ผู้ลงทุนสามารถดูข้อมูลของตราสารทุกประเภทได้อย่างสะดวกจากจุดเดียวกัน

นอกจากนี้จะมีการการเชื่อมโยงระบบซื้อขายของตราสารแต่ละประเภทเข้าด้วยกัน และจะผลักดันให้มีการแก้ไขกฎเกณฑ์ให้ผู้ลงทุนสามารถใช้บัญชีเดียวหรือ single account ที่สามารถซื้อขายตราสารทุกประเภทได้โดยไม่ต้องเปิดบัญชีเพื่อซื้อขายตราสารแต่ละประเภทเช่นในปัจจุบันนี้

สำหรับการมุ่งสู่การเป็นตลาดหุ้นที่สำคัญของภูมิภาคนั้น มี 2 แผนกลยุทธ์สำคัญเพื่อยกระดับมาตรฐานกฎเกณฑ์ต่างๆ ในแนวทางสากลให้ทัดเทียมกับตลาดทุนอื่นๆ ในภูมิภาคโดยจะมีการอำนวยความสะดวกให้ผู้ลงทุนทั้งรายบุคคล ผู้ลงทุนสถาบันทั้งในและต่างประเทศ สามารถซื้อขายตราสารต่างๆ ผ่านช่องทางที่สะดวกมากขึ้น ทั้งทางอินเทอร์เน็ต การเปิดช่องทางส่งคำสั่งซื้อขายตรง หรือ Direct Market Access (DMA) เป็นต้น พร้อมทั้งจะมีการปรับปรุงและยกระดับกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องเพื่อให้เกิดความโปร่งใสและยุติธรรมในการทำธุรกรรม โดยเน้นเรื่องการกำกับดูแลกิจการที่ดี การยกระดับมาตรฐานบัญชีเป็นระดับสากล (International Financial Reporting Standards: IFRS) การเปิดเผยข้อมูลและการบังคับใช้กฎหมาย โดยมุ่งหวังการยกระดับมูลค่าตราสารในตลาดทุนไทยให้ทัดเทียมกับประเทศในภูมิภาคอื่นๆ

ในด้านของความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย 4 แผนกลยุทธ์สำคัญครอบคลุมการสร้างพันธมิตรทั้งธนาคารพาณิชย์ ตลาดหลักทรัพย์อื่นๆ ภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแล รวมถึงผู้เกี่ยวข้องสำคัญกับตลาดทุนโดยตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ตั้งเป้าหมายที่จะสร้างพันธมิตรกับธนาคารพาณิชย์ เพื่อเสริมสร้างความร่วมมือในการทำงาน โดยอาจให้ลูกค้าบุคคลสามารถเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ได้ผ่านสาขาของธนาคารพาณิชย์และร่วมผลักดันกฎระเบียบที่ยังเป็นข้อจำกัด และเป็นอุปสรรคต่อการทำธุรกรรมในตลาดทุน

นอกจากนี้ ตลาดหลักทรัพย์ฯ ยังพิจารณาถึงการสร้างความพร้อมในเรื่องความร่วมมือกับตลาดทุนอื่นๆ ทั้งในและนอกภูมิภาค ซึ่งรวมถึงการออกผลิตภัณฑ์ร่วมและการเชื่อมโยงในมิติอื่นๆ อย่างเป็นขั้นเป็นตอน

ทั้งนี้การพัฒนาตลาดทุนไทยยังจำเป็นที่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐและหน่วยงานกำกับดูแลในด้านต่างๆ ดังนั้น ตลาดหลักทรัพย์ฯจะยังคงผลักดันนโยบายสำคัญที่เอื้อต่อการพัฒนาตลาดทุนไทยอย่างต่อเนื่อง เช่น นโยบายการออมภาคบังคับ (กบช.) เป็นต้น


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.