|
เอสเอฟรีวิวแผนตลาดบุกปีหน้า ปั้นสาขาเซ็นทรัลเวิลด์แชร์เพิ่ม 15%
ผู้จัดการรายวัน(25 สิงหาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
เอสเอฟเตรียมปรับกลยุทธ์ตลาดบุกใหม่ในปีหน้า พร้อมทุ่มงบ 1,000 ล้านบาท ผุดเพิ่มไม่ต่ำกว่า 30 จอ เล็งปั้นสาขาเซ็นทรัลเวิลด์ขึ้นเป็นสาขาเรือธงสร้างรายได้หลักเกินกว่า 15% ของทั้งกรุ๊ป คาดหวังสาขานี้จะแชร์ 8% ของตลาดรวม 3,600 ล้านบาท และผลักดันให้เอสเอฟมีแชร์ตลาดรวมมากกว่า 30% มั่นใจปีนี้ รายได้แตะ 1,800 ล้านบาท
นายสุวิทย์ ทองร่มโพธิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอสเอฟ ซีเนม่า ซิตี้ จำกัด เปิดเผยว่า ปีหน้าเอสเอฟจะทำการรุกตลาดเต็มที่หลังจากที่ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา อยู่ระหว่างการปรับปรุงสาขาเดิมและการขยายสาขาใหม่ โดยเฉพาะการปรับปรุงโบว์ลิ่งหลายสาขา โดยปีหน้าจะมีการปรับกลยุทธ์การตลาดใหม่ทั้งในแง่ของการทำโปรโมชั่น ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการวางแผนและกลยุทธ์ต่างๆ คาดว่าจะสรุปรายละเอียดได้ในสิ้นปีนี้ รวมทั้งการสร้างแบรนด์ให้ชัดเจนมากขึ้น แต่ไม่มีแผนที่จะเพิ่มแบรนด์ใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว เพราะจะทำให้ตลาดสับสน จากปัจจุบันที่มีเอสเอฟซีเนม่า เอสเอฟเอ็กซ์ และล่าสุดเอสเอฟเวิลด์ที่เซ็นทรัลเวิลด์
สำหรับเอสเอฟเวิลด์ที่เซ็นทรัลเวิลด์นี้ บริษัทฯ มีแผนที่จะผลักดันให้เป็นสาขาที่ทำรายได้สูงที่สุดในกลุ่ม โดยคาดว่าหลังจากเปิดให้บริการแล้วจะมีสัดส่วนรายได้มากกว่า 15% จากรายได้ของบริษัทฯ จากปัจจุบันสาขาหลักที่ทำรายได้หลักคือ บางกะปิ มี 14 โรงมากที่สุด มีสัดส่วนรายได้ประมาณ 15% จากรายได้ร่วมของบริษัทฯ รองลงมาคือ สาขาเอ็มบีเคและลาดพร้าวประมาณ 12% เท่ากัน และคาดว่าสาขาเซ็นทรัลเวิลด์นี้จะมีส่วนแบ่งทางการตลาดประมาณ 8% จากมูลค่าตลาดโรงหนังรวม อีกทั้งจะเป็นสาขาที่ทำให้เอสเอฟมีส่วนแบ่งทางตลาดเพิ่มขึ้นอีก 15% จากเดิมที่มี 28-30% จากมูลค่าตลาดรวมกว่า 3,600 ล้านบาท ซึ่งตลาดรวมปีหน้าคาดว่าจะโตประมาณ 5%
ทั้งนี้เนื่องจากบริษัทฯ มั่นใจศักยภาพของทำเลเซ็นทรัลเวิลด์ อีกทั้งเป็นสาขาที่ลงทุนมากกว่า 700 ล้านบาท มีจำนวน 15 โรงและบริการอื่นๆ และมี 1 โรงที่เป็นมัลติเพอร์โพสขนาด 900 ที่นั่งรองรับการจัดการแสดงต่างๆ ได้ ซึ่งคาดว่าจะเปิดบริการได้ประมาณเดือนพฤศจิกายน ส่วนสาขาใหม่ที่จะเปิดในปีนี้อีกเช่น เซ็นทรัลรามอินทรา ที่เข้าไปปรับปรุงโรงหนังเดิมของยูเอ็มจี จากเดิม 3 โรง จะเพิ่มเป็น 6 โรงและบริการอื่นๆ งบลงทุน 150 ล้านบาท คาดเปิดบริการเดือนธันวาคมปีนี้
ส่วนปีหน้ามีแผนลงทุนด้วยงบประมาณรวมกว่า 1,000 ล้านบาท เพื่อขยายสาขาอีกไม่ต่ำกว่า 3 แห่งรวมกว่า 30 โรง เช่นที่ เดอะมอลล์ท่าพระ เข้าไปเทคโอเวอร์โรงหนังเดิมของเอ็นเค จากเดิมมี 4 จะขยายเป็น 9 โรง และโบว์ลิ่ง คาราโอเกะ สาขาที่จังซีลอนภูเก็ต และอยู่ระหว่างเจรจาอีก 1 แห่งในกรุงเทพฯ ที่เป็นชอปปิงคอมเพล็กซ์ ส่วนแผนการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ นั้นขณะนี้ได้ชะลอไว้ก่อนเนื่องจากภาวะตลาดหุ้นยังไม่ดี และบริษัทฯ ไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงินลงทุน
ด้านผลประกอบการของเอสเอฟนั้น ช่วงไตรมาสแรกตกลง 15% เนื่องจากปัญหาเศรษฐกิจและการเมือง แต่ปัจจัยหลักคือไม่มีหนังฟอร์มใหญ่ แต่ไตรมาสสองเริ่มกลับมาดีขึ้นเติบโต 2% โดยครึ่งปีแรกนี้มีรายได้ประมาณ 856 ล้านบาท สัดส่วนรายได้แบ่งเป็น ขายตั๋วหนัง 65% ขายโฆษณา 8% สแนกและเครื่องดื่ม 7% ที่เหลือเป็นพื้นที่ให้เช่า โบว์ลิ่ง คาราโอเกะ อื่นๆ รวม 20% โดยปีนี้คาดว่าจะมีผลประกอบการรวม 1,800 ล้านบาท หรือขายตั๋วได้กว่า 10 ล้านใบ เพิ่มขึ้น 20% จากปีที่แล้วที่รายได้ 1,500 ล้านบาท
"ผมมองว่าในปีหน้าตลาดรวมหนังน่าจะดีและเติบโตมากกว่าปีนี้ เนื่องจากว่าจะมีหนังฟอร์มใหญ่เข้ามาฉายตลอดทั้งปี อีกทั้งโรงหนังใหม่หลายแห่งก็จะเปิดบริการเต็มตัวในปีหน้ามากขึ้น ทำให้มีช่องทางในการเข้าถึงผู้บริโภคมากขึ้นด้วย ปีนี้หนังไทยที่มีรายได้เกิน 100 ล้านบาท ก็น้อยมากแทบไม่มีเลย แต่สิ้นปีก็จะมีหนังนเรศวรที่เป็นฟอร์มใหญ่" นายสุวิทย์กล่าว
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|