|

โนเบิลอานิสงค์ยอดขายคอนโดฯพุ่งปรับเป้ารายได้ทั้งปี 4,500 ล้านโต 100%
ผู้จัดการรายวัน(23 สิงหาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
"โนเบิล" สวนกระแสตลาด ได้อานิสงส์ยอดขายคอนโดฯ พุ่งเล็งปรับเป้าขายทั้งปีเป็น 4,500 ล้านบาท จากเป้าเดิมตั้งไว้เพียง 2,500 ล้านบาท เติบโตจากปีก่อน 100% เตรียมงบซื้อที่ดินครึ่งปีหลังเกือบพันล้าน เพื่อพัฒนาในปีหน้า เผยอยู่ระหว่างเจรจานักลงทุนซื้อบ้านในโครงการโนเบิล ธารา พัฒนาการแบบยกล็อต 20 หลัง ไปปล่อยเช่าต่อ เพื่อรองรับเปิดใช้สนามบินสุวรรณภูมิ
นายธงชัย บุศราพันธ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการ "โนเบิล โซโล" คอนโดมิเนียมบนถนนทองหล่อ ภายใต้คอนเซปต์ "สเปชของคุณชีวิตของคุณ" คอนโดดีไซน์ 1 ชีวิต 1 ห้องนอน ขนาด 33-122 ตร.ม.จำนวน 408 ยูนิต มูลค่า 1,775 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ยยูนิตละ 66,000 บาท/ตร.ม. โดยบริษัทได้เปิดขายเมื่อวันเสาร์ที่ 19 ส.ค.ที่ผ่านมาปัจจุบันมียอดขายแล้ว 160 ยูนิต มูลค่า 600 ล้านบาท
ทั้งนี้ จากการที่บริษัทหันมาเน้นเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียม ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะโครงการโนเบิลรีมิกซ์ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 93%, โนเบิล 09 ยอดขาย 97% และล่าสุด โนเบิล โซโล ทำให้บริษัทคาดว่าจะมียอดขายทั้งปีที่ 4,500 ล้านบาท โดยแบ่งเป็นยอดขายจากโครงการคอนโดมิเนียมประมาณ 3,000-3,500 ล้านบาท และยอดขายบ้านเดี่ยวประมาณ 1,000 ล้านบาท จากเดิมที่เมื่อต้นปีบริษัทตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,300 ล้านบาทเท่านั้น หรือมีอัตราการเติบโตกว่า 100% ส่วนยอดรับรู้รายได้ตั้งเป้าไว้ที่ 2,500 ล้านบาท และมียอดรอรับรู้รายได้อีกจำนวน 3,054 ล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานครึ่งปีที่ผ่านมาบริษัททำยอดขายไปแล้ว 3,422 ล้านบาท โดยครึ่งปีแรกมียอดรับรู้รายได้ที่ 1,076 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 17.7% ที่มียอดรับรู้รายได้ 914 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 166.3 ล้านบาท ลดลงจากช่วงปีก่อน 4.1% ที่มีกำไร 173.5 เนื่องจากปีที่แล้วได้รับส่วนลดภาษีเพราะมีขาดทุนสะสม สำหรับกำไรขั้นต้นอยู่ที่ 40% และมีกำไรสุทธิ 13.5%
นางธงชัยกล่าวว่า ปัจจุบันบริษัทมีสินค้ารอขายมูลค่า 5,693 ล้านบาท แบ่งเป็นบ้านเดี่ยว 448 ยูนิต มูลค่า 2,737 ล้านบาท คิดเป็น 51% และ คอนโดมิเนียมจำนวน 316 ยูนิต มูลค่า 2,956 ล้านบาท คิดเป็น 49% ราคาเฉลี่ยที่ 5.6 ล้านบาท/ยูนิต
ปัจจุบันบริษัทมีกระแสเงินสดประมาณ 600-700 ล้านบาท มีหนี้สินต่อทุนที่ 0.59 ต่อ 1 นอกจากนี้บริษัทมีแผนที่จะซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อเตรียมพัฒนาโครงการในปีหน้า โดยที่ผ่านมาบริษัทได้ใช้งบซื้อที่ดินไปแล้ว 400 ล้านบาท จากงบที่ตั้งไว้ 1,000 ล้านบาท ซึ่งเม็ดเงินส่วนที่เหลือ 600 ล้านบาท นั้นคาดว่าจะไม่เพียง เพราะโครงการที่เปิดใหม่ขายเกือบหมดแล้ว ดังนั้นบริษัทจะต้องซื้อที่ดินเพิ่มโดยคาดว่าจะต้องใช้งบเพิ่มอีกกว่า 400 ล้านบาท
ส่วนในช่วงที่เหลือของปีนี้ บริษัทยังไม่มีแผนเปิดโครงการใหม่ แต่จะใช้เวลาพัฒนาโครงการที่ขายไปแล้วให้เป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ และส่วนหนึ่งจะต้องหาซื้อที่ดินเข้ามาเพื่อเตรียมเปิดขายในปีหน้า เพราะมองว่าช่วงนี้เป็นช่วงน่าลงทุนในที่ดิน เนื่องจากผู้ประกอบการรายกลางและรายเล็กมีความลำบากในการพัฒนา เพราะสถาบันการเงินไม่ปล่อยกู้จึงเป็นโอกาสของผู้ประกอบการรายใหญ่
นายธงชัยกล่าวต่อว่า ในช่วงที่ผ่านมายอมรับว่าตลาดบ้านเดี่ยวมีการชะลอตัวไปพอสมควร เนื่องจากปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะเรื่องการเมือง ราคาน้ำมัน และอัตราดอกเบี้ย ทำให้ผู้บริโภคไม่กล้าตัดสินใจซื้อ อย่างไรก็ดีอัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันถือว่าอยู่ในระดับสูงสุด น่าจะปรับตัวลดลงอีกเล็กน้อย และหากไม่มีปัจจัยลบอื่นเข้ามากระทบ จะทำให้ภาวะเศรษฐกิจดีขึ้นกำลังซื้อกลับมา
อย่างไรก็ตามบริษัทยังมีสินค้าบ้านเดี่ยวที่สร้างเสร็จพร้อมขายประมาณ 250 ยูนิต มูลค่า 2,500 ล้านบาท บริษัทคาดว่าจะสามารถระบายออกได้หมดภายใน 1 ปีครึ่ง ซึ่งสต๊อกดังกล่าวบริษัทไม่ได้มีภาระในเรื่องเงินกู้เพราะใช้เงินทุนของบริษัท แต่เป็นข้อดีในเรื่องของต้นทุนเดิมก่อนราคาวัสดุก่อสร้างปรับขึ้น อย่างไรก็ดี บริษัทยังมีค่าใช้จ่ายในการดูแลบ้านเดือนละ 3,000 บาท/หลัง หรือค่าใช้จ่ายรวมประมาณ 750,000 บาทต่อเดือน
นอกจากนี้ บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากับนักลงทุนรายหนึ่ง ที่ต้องการซื้อบ้านในโครงการ โนเบิล ทารา พัฒนาการ โดยเป็นการซื้อแบบยกล็อตซึ่งโครงการดังกล่าวมีจำนวนยูนิตเหลือขายจำนวน 20 ยูนิต มูลค่า 300 ล้านบาท เพื่อนำไปปล่อยเช่ารองรับการเปิดสนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปเร็วนี้
กลับสู่หน้าหลัก
 ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|