|
PLEอัดงบลงทุนในและต่างประเทศหวังขยายธุรกิจการลงทุนและรักษาส่วนถือหุ้น
ผู้จัดการรายวัน(22 สิงหาคม 2549)
กลับสู่หน้าหลัก
บอร์ด PLE ให้ลงทุนใน PVC ที่อินเดีย 40% หวังขยายธุรกิจในต่างประเทศเพิ่ม พร้อมซื้อหุ้นเพิ่มทุนใน เทคเนอร์เป็น 50% เพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นหวังได้ประโยชน์ส่วนแบ่งกำไรจากการทำโครงการบ้านเอื้ออาทรของ และพร้อมให้ ยูนิมา เอ็นจิเนียริ่ง ซึ่งเป็นบริษัทลูกลงทุนใน BAT ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรต ด้วยสัดส่วนการถือหุ้น 40 % เพื่อขยายธุรกิจการค้าในตะวันออกกลางได้มากขึ้น
นายเสวก ศรีสุชาต ประธานกรรมการ บริษัท เพาเวอร์ไลน์ เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด (มหาชน) (PLE) แจ้งผลการประชุมคณะกรรมการบริษัทเมื่อ 14 สิงหาคม 49 ซึ่งบอร์ดได้อนุมัติให้จดทะเบียนร่วมทุนในบริษัท Power Line Varun Construction Private Limited (PVC) ประเทศอินเดีย และการลงทุนใน Building Arabia Trading L.L.C. ( BAT ) ในสาธารณะรัฐอาหรับเอมิเรท
โดยให้จดทะเบียนร่วมทุนใน PVC ซึ่งจะมีทุนจดทะเบียน 50 ล้านรูปี โดยในเริ่มต้นจะมีทุนชำระแล้ว 10 ล้านรูปี ซึ่ง PLE จะถือหุ้น 40% ส่วนอีก 60% จะถือหุ้นโดย Jaipuria Tower Private Limited (RKJ) ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศอินเดีย โดย PLE จะชำระทุนเบื้องต้น 4 ล้านรูปี (ประมาณ 3.48 ล้านบาท) ภายในเดือนกันยายน 2549
สำหรับรายการนี้เป็นการร่วมทุนระหว่าง PLE และ RKJ โดยถือหุ้นในสัดส่วน 40% ต่อ 60% ของทุนจดทะเบียนซึ่งเริ่มต้น PLE จะชำระทุนเบื้องต้น 4 ล้านรูปีหรือประมาณ 3.48 ล้านบาท และในกรณีมีการชำระทุนเต็มจำนวนในอนาคต PLE ต้องชำระรวม 20 ล้านรูปีหรือประมาณ 17.4 ล้านบาท
ทั้งนี้ การร่วมทุนดังกล่าวนี้เป็นการเข้าซื้อหุ้นที่เป็นราคาตามข้อตกลงระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย โดยถือราคาหุ้นตามราคาหุ้นที่กำหนดไว้ (PAR) ซึ่งบริษัทเห็นว่าเป็นราคาที่อยู่ในเกณฑ์เหมาะสม และสามารถส่งผลประโยชน์ให้แก่บริษัทในอนาคต และบริษัทจะได้ประโยชน์จากการลงทุนใน PVC ซึ่งจะทำให้บริษัทสามารถขยายธุรกิจของบริษัทในต่างประเทศได้เพิ่มขึ้น และบริษัทจะใช้เงินทุนหมุนเวียนจากการดำเนินงานมาเพื่อใช้ลงทุนดังกล่าว
นอกจากนี้ยังให้บริษัท การลงทุนใน Building Arabia Trading L.L.C. (BAT) ประเทศสาธารณรัฐอาหรับเอมิเรท (UAE) โดยบริษัท ยูนิมา เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทลูกของ PLE ที่ถือหุ้นอยู่ 99.99% ซึ่ง BAT มีทุนจดทะเบียน 375,000 เดอร์แฮมเอมิเรตหรือประมาณ 3.75 ล้านบาท ซึ่ง Unima จะถือหุ้น 40% โดยผู้ร่วมทุนรายอื่น คือ ES International Co.,Ltd (ESI) 10%, Flamtechnic Co.,Ltd (FC) 10%, และ Mr. Ebrahum P. Ghosal (India) (EG) 40% โดย Unima จะชำระทุน 150,000 เดอร์แฮมเอมิเรตหรือประมาณ 1.5 ล้านบาท ภายในเดือนกันยายน 2549 หวังให้ Unima ขยายธุรกิจการค้าในตะวันออกกลางได้มากขึ้นโดยเฉพาะอุปกรณ์สำหรับงานก่อสร้างต่าง ๆ ซึ่งใช้เงินทุนหมุนเวียนของ Unima
โดยการทำรายการทั้งสองรายการที่เกิดขึ้นครั้งนี้จึงไม่เข้าข่ายเป็นการเข้าทำรายการกับบุคคลที่เกี่ยวโยงกันตามประกาศตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เรื่องการเปิดเผยข้อมูล และการปฏิบัติการของบริษัทจดทะเบียนในรายการที่เกี่ยวโยงกัน พ.ศ. 2546 ลงวันที่ 19 พฤศจิกายน 2546 บริษัทจึงไม่ต้องจัดทำรายงานและเปิดเผยการตกลงเข้าทำรายการ และไม่ต้องขอความเห็นชอบจากผู้ถือหุ้น
นายเสวกยังแจ้งการเข้าลงทุนเพิ่มใน บริษัท เทคเนอร์ จำกัด (TN) ซึ่งดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์โครงการบ้านเอื้ออาทร มีทุนจดทะเบียน 100,000 หุ้นมูลค่าที่ตราไว้ต่อหุ้น 100 หุ้น ทุนชำระแล้ว 10 ล้านบาท ซึ่งเดิม TN มีทุนจดทะเบียนอยู่ 100,000 หุ้น เพิ่มทุนครั้งนี้อีก 500,000 หุ้น รวมเป็นทุนทั้งสิ้น 600,000 หุ้น
โดยครั้งนี้เป็นการซื้อหุ้นสามัญเพิ่มทุนของ TN จำนวน 250,000 หุ้น ในราคาหุ้นละ 25 บาท เป็นเงิน 6.25 ล้านบาท (Par 100 บาท เรียกชำระครั้งนี้ 25 บาท) ภายหลังการทำรายการจะทำให้ TN เป็นบริษัทย่อยของ PLE ตามสัดส่วนการถือหุ้น 50 % โดย PLE ถือหุ้นรวม 300,000 หุ้น ซึ่งบริษัทจะได้ประโยชน์ส่วนแบ่งกำไรจากการทำโครงการบ้านเอื้ออาทรของ TN รวม 3 โครงการ มูลค่างบประมาณ 2.2 พันล้านบาท และเป็นการรักษาสัดส่วนการถือหุ้นใน TN ไว้ที่ 50% และให้สอดคล้องกับการดำเนินกิจการของ TN
กลับสู่หน้าหลัก
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย
(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.
|