บิ๊ก TUCC โอดซัพลายเออร์เบี้ยวสัญญาเสียหาย 30 ล้าน ฉุดผลประกอบการทรุด


ผู้จัดการรายวัน(18 สิงหาคม 2549)



กลับสู่หน้าหลัก

ผู้บริหารไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์โอดครวญถูกซัพพลายเออร์รายใหญ่ยกเลิกสัญญาซื้อขายวัตถุดิบ และปรับเพิ่มราคาขายขึ้นอีก ส่งผลทำให้ต้นทุนการดำเนินธุรกิจสูงขึ้น ฉุดผลประกอบการในไตรมาส 2 มีกำไรลดลง เชื่อผู้ประกอบการหลายรายได้รับผลกระทบจากซัพพลายเออร์รายนี้เช่นเดียวกัน

นายยงยุทธ งามไกวัล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การที่บริษัทมีผลประกอบการไตรมาส 2 ลดลง สาเหตุหลักมาจากบริษัทที่เป็นซัพพลายเออร์ (Supplier) ที่ขายสเตนเลส ซึ่งเป็นวัตถุดิบใหญ่สุดของประเทศรายหนึ่งได้มีการยกเลิกสัญญาที่บริษัทได้ทำการสั่งซื้อวัตถุดิบไว้ และซัพพลายเออร์รายดังกล่าวได้มีการปรับเพิ่มราคาวัตถุดิบใหม่โดยเพิ่มขึ้นอีกกิโลละ 18 บาท ขณะที่บริษัทได้รับคำสั่งซื้อ (Order) จากลูกค้าไว้แล้ว จึงทำให้บริษัทฯ ไม่สามารถปรับราคากับลูกค้าได้ และเพื่อเป็นการรักษาสัญญาในการส่งมอบสินค้า บริษัทฯ จึงต้องยอมรับราคาวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นจากการปรับราคา จึงส่งผลทำให้บริษัทมีต้นทุนในการผลิตมากขึ้น

ทั้งนี้จากกรณีดังกล่าวส่งผลทำให้บริษัทได้รับความเสียหายประมาณ 30 ล้านบาท ซึ่งถ้าไม่มีในส่วนนี้เชื่อว่าผลประกอบการในไตรมาส 2 ของบริษัทจะสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขณะนี้บริษัทได้แก้ไขปัญหา โดยพยายามหาซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามาแทน ซึ่งเชื่อว่าผู้ประกอบการหลายรายที่ซื้อวัตถุดิบจากซัพพลายเออร์รายดังกล่าวคงจะได้รับผลกระทบเช่นเดียวกัน และการที่ผู้ประกอบการหันไปซื้อวัตถุดิบจากต่างประเทศเข้ามานั้น เชื่อว่าจะเกิดผลเสียต่อเศรษฐกิจของประเทศไทยได้ เพราะจะทำให้ตัวเลขการนำเข้าของประเทศไทยต้องเพิ่มขึ้นอีก

"การสั่งซื้อวัตถุดิบของบริษัทนั้นจะสั่งตามจำนวนออเดอร์ของลูกค้าที่เข้ามา ซึ่งไม่เคยมีการเก็งกำไรแต่อย่างใด แต่การที่ซัพพลายเออร์มาเบี้ยวสัญญาเช่นนี้ ทำให้บริษัทได้รับความเสียหายคิดเป็นมูลค่ากว่า 30 ล้านบาท ซึ่งถ้าบริษัทไม่มีความเสียหายในส่วนนี้ผลประกอบการในไตรมาส 2 จะดีขึ้นอย่างมาก แต่บริษัทก็ไม่ต้องการค้าความกับซัพพลายเออร์รายดังกล่าว ทำให้บริษัทหันไปหาแหล่งวัตถุดิบจากที่อื่น เช่นซื้อจากต่างประเทศเข้ามาแทน" นายยงยุทธกล่าว

สำหรับผลประกอบการของบริษัท ไทยยูนีคคอยล์เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) ภายในไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2549 ปรากฏว่ามีกำไรสุทธิ 10.90 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.04 บาท กำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 25.10 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.11 บาท ขณะที่ในงวด 6 เดือนแรกของปี 2549 มีกำไรสุทธิ 31.06 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.12 บาท กำไรลดลงเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 46.80 ล้านบาท กำไรสุทธิต่อหุ้น 0.15 บาท


กลับสู่หน้าหลัก

Creative Commons License
ผลงานนี้ ใช้สัญญาอนุญาตของครีเอทีฟคอมมอนส์แบบ แสดงที่มา-ไม่ใช้เพื่อการค้า-ไม่ดัดแปลง 3.0 ประเทศไทย



(cc) 2008 ASTVmanager Co., Ltd. Some Rights Reserved.